มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 153 ประลองยา
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 153 ประลองยา
เมื่อทุกคนได้ยิน แต่ละคนก็ถึงกับตกตะลึง
ป้ายของหอเจี้ยนหรง?
ถึงแม้ว่าฉินโสว่หรานได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหัวหน้าของแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ แต่หมอเทวดาอีกสามคน ก็มีความสามารถไม่เลวเลย ยิ่งไปกว่านั้นหลิวเจี้ยนหัวยังมีความสามารถล้นเหลือและมีผู้เคารพ แทบจะสามารถเทียบเคียงกับฉินโสว่หรานได้ มูลค่าของป้ายแผ่นนี้ คงจะมีมูลค่านับพันล้านเลยก็ว่าได้!
มู่เซิ่งหันไปมองหลิวเจี้ยนหัวอย่างแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าเขาจะเชื่อใจตนขนาดนี้
หรือว่า เขาไม่กลัวว่าตนจะพ่ายแพ้?
“ฉินโสว่หราน การเดิมพันครั้งนี้ คุณกล้าเดิมพันไหม!”
หลิวเจี้ยนหัวพูดเสียงดัง เห็นได้ชัดว่าเขาได้ทุ่มสุดตัว
คราวนี้ หมอและผู้ป่วยพวกนั้น หยุดการเคลื่อนไหวทันที กระทั่งมีคนไม่น้อยเริ่มโทรศัพท์หาญาติ ว่ามีหมอเทวดาสองคนกำลังท้าประลองกัน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นสิ่งนี้!
“เหอะๆ ถ้าคุณจะเอาป้ายของหอเจี้ยนหรงให้ผมจริงล่ะก็ ผมมีเหตุผลอะไรที่ไม่รับไว้ล่ะ?ถ้าคุณมั่นใจขนาดนี้ล่ะก็ งั้นตามผมขึ้นไปชั้นบนแล้วกัน”หน้าตาของฉินโสว่หรานไม่เป็นมิตร แล้วหันหลังกลับไป
“แกรอตายเถอะ ไอ้เศษสวะ!”ฉินหลินสบถด่าอยู่ข้างๆ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่า ทำไมมู่เซิ่งถึงมีปัญญาเรียกใช้หลิวเจี้ยนหัวได้ แต่หากมู่เซิ่งกล้ามาที่นี่ล่ะก็ ปู่ของเขาจะต้องทำให้เขาพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ทำเขาต้องอับอาย ต่อหน้าสาธารณะ!
มู่เซิ่งหัวเราะ แล้วเดินขึ้นชั้นบนไป
หลังจากนั้นหลิวเจี้ยนหัวก็ตามมาติดๆ
หมอและผู้ป่วยที่เหลือ ก็ตามกันไปดู การประลองในครั้งนี้ พวกเขาไม่อยากพลาด แต่ล้วนถูกพนักงานต้อนรับขวางเอาไว้ บอกว่าเป็นคำสั่งของฉินโสว่หราน
หมอพวกนั้นมีสีหน้าผิดหวัง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าล่วงเกินฉินโสว่หราน ทำได้แค่รออยู่ข้างล่างอย่างใจจดใจจ่อ พวกเขาแทบจะลืมผู้ป่วย ไปชั่วขณะหนึ่ง
มู่เซิ่งมาถึงห้องที่ดูสวยละแปลกแบบโบราณ ภายใต้การนำพาของฉินโสว่หราน ชั้นสองที่เต็มไปด้วยกลิ่นสมุนไพร
และในชั้นสองนี้ คนเริ่มน้อยลง เมื่อเทียบกับชั้นหนึ่งแล้ว ที่มีแต่ไฮโซสวมเสื้อผ้าเป็นทางการ พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกหัวกะทิ จากการทำงานและความกดดันที่หนักขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของพวกเขา จึงมีปัญหาทางด้านสุขภาพน้อยใหญ่
สำหรับชั้นสาม พวกเขาล้วนมาจากตระกูลชนชั้นสูง หากไม่มีฐานะหน่อย เป็นไปไม่ได้ที่จะปรากฏบนชั้นสามได้
ภายใต้การนำพาของฉินโสว่หราน ทุกคนเข้ามาในห้องที่สว่างจ้าแห่งหนึ่ง ภายในห้องมีอุปกรณ์ทางการแพทย์มากมาย ตู้ยาที่อยู่ด้านข้างมีรายชื่อของสมุนไพรเขียนเต็มไปหมด และมีรูปภาพจุดชีพจรต่างๆ
มีผู้ป่วยหลายคนนอนอยู่บนเตียง มีหมอที่อายุอานามเกินห้าสิบ กำลังตรวจดูอาการของพวกเขาอยู่
“ออกไปให้หมด วันนี้ฉันจะจัดการเอง”
จากการเรียกขานของฉินโสว่หราน หมอพวกนั้นค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินจากไป ผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียงได้ยินดังนั้น ก็มีสีหน้าปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก ได้ฉินโสว่หรานมาช่วยรักษา เป็นเรื่องที่พวกเขาปรารถนาเป็นอย่างมาก
เวลานี้เอง ฉินโสว่หรานก็หันกลับมา แล้วถามมู่เซิ่งไปว่า“นายอยากประลองอะไร?”
“ได้ยินมาว่า คุณช่ำชองในการใช้ยาที่สุดใช่ไหม?ป้ายที่อยู่ตรงประตูสลักว่าราชาฉินเทพโอสถ จะเอาแผ่นป้ายนี้ สิ่งที่ใช้ประลองแน่นอนว่าต้องเป็นยา”มู่เซิ่งพูดอย่างยิ้มๆ
“นายเลือกอย่างอื่นได้”ฉินโสว่หรานพูดอย่างเรียบเฉย
“ไอ้หนุ่ม รนหาที่ตายชัดๆ กล้าเลือกประเภทยา?”
ฉินหลินเริ่มหัวเราะขึ้นมาในเวลานี้“ฮ่าๆๆ ฉันว่าแกเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเถอะ ถ้าจะประลองการใช้ยา แกไม่มีทางชนะได้หรอก”
“แต่ถึงแกจะเลือกประเภทอื่น ก็มีค่าเท่ากัน ปู่ของฉันนอกจากการใช้ยาแล้ว ยังช่ำชองในการฝังเข็มและการนวดแผนตงหัว ความสามารถครบทุกด้าน แต่ว่าอย่างน้อยข้อที่แกเลือก คงจะไม่เหมือนกับการใช้ยา ที่ต้องแพ้อย่างราบคาบ”
“ไม่ต้องหรอก ประลองการใช้ยานั่นแหละ ผมมั่นใจ”
มู่เซิ่งกล่าว เมื่อวานหลังจากที่เขาได้《ตำราทองตำนานเสวียน》มาแล้ว เขาก็เอาแต่อ่านวิเคราะห์ทั้งคืน ได้ความรู้ใหม่ๆมาไม่น้อย อย่างน้อยการใช้สมุนไพรในการกลั่นให้เป็นยาเม็ด ยิ่งทำให้เขาสมบูรณ์แบบมากขึ้น
“ถุ้ย แกเอาอะไรมามั่นใจ?ถึงเวลาถ้าแพ้ อย่ามานั่งร้องไห้ที่นี่นะ”
“จริงด้วย ความสามารถของอาจารย์ฉัน แกเนี่ยนะจะสู้ได้?”
“ในสายตาฉัน แม้แต่ช่วยอาจารย์ฉันถือรองเท้าแกยังไม่มีสิทธิ์เลย แกสู้ฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
เหล่าลูกศิษย์ที่ยืนอยู่ข้างหลังของฉินโสว่หรานพากันพูดจาถากถาง คอยพูดจาผสมโรง ชั่วพริบตาเดียวภายในวอร์ดผู้ป่วยก็เริ่มเสียงดัง และวุ่นวาย
มู่เซิ่งมองด้วยสายตาเย็นชา ขี้เกียจพูดพล่ามกับพวกเขา
ฉินโสว่หรานหัวเราะอย่างเย้ยหยัน เดิมทีเขายังเป็นกังวล เนื่องจากเป็นถึงอาจารย์ของหลิวเจี้ยนหัว จะต้องพอมีความสามารถอยู่บ้าง แต่สุดท้ายไอ้หมอนี่กลับคิดไปเอง กล้าประลองการใช้ยากับเขา ในด้านการใช้ยานั้น เขาไม่เคยกลัวใครมาก่อน!
เขาจึงรีบพูดว่า“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็เริ่มกันเถอะ นายเบิกตากว้างดูให้ดีนะ ฉันจะสอนนายเอง อะไรคือการใช้ยาที่แท้จริง”
พูดจบ ฉินโสว่หรานก็เดินไปยังชายวัยกลางคนที่มีท้องโต แล้วกล่าวว่า“ร่างกายของคุณมีตรงไหนที่รู้สึกสบายไหม?”
“หมอนรองเอวของผมมันยื่นออกมาครับ หมอเทวดาฉิน หมอคนเมื่อกี้ตรวจให้ผมแล้ว และให้ยาผมมากินขนานหนึ่ง”ชายวัยกลางคนรูปร่างเตี้ยตันพูดอย่างนอบน้อม
“เอาใบสั่งยามาให้ผมดูที”
ฉินโสว่หรานรับใบสั่งยามา แล้วกวาดตามองดู ก็เห็นว่าใบสั่งยามีปัญหา ถึงแม้ว่าจะไม่รุนแรง แต่ผลมันช้าเกินไป และยากที่จะเห็นผลแม้จะกินไปแล้วหนึ่งเดือน เขาจึงรีบหันไปที่ตู้ยาแล้วรีบคว้าสมุนไพรมาสองชิ้น
“เอาหม้อต้มยามาให้ฉัน”ฉินโสว่หรานกล่าว
ฉินหลินวิ่งไปเอาด้วยตัวเอง และนำเตาทองแดงขนาดเล็กมา ฉินโสว่หรานโยนสมุนไพรเข้าไป แล้วปิดปิดหม้อต้มยา หลังจากผ่านการต้มอย่างพิถีพิถัน ก็ได้ซุปสีน้ำตาลออกมาหนึ่งถ้วย
“ดื่มซะ”ฉินโสว่หรานพูดกับผู้ป่วย
ผู้ป่วยรีบถือยาต้มไว้ แล้วค่อยกระดกลงท้องไป รู้สึกเพียงแค่มีความร้องพุ่งออกมาจากท้อง
“นอนลง อย่าขยับ”ฉินโสว่หรานกล่าว ผู้ป่วยคนนั้นรีบนอนลงบนเตียงผู้ป่วยโดยไม่ขยับ อย่างว่าง่าย จากการที่เขายื่นมือนวดแผนตงหัว ตำแหน่งแผ่นหลังของผู้ป่วยคนนั้น กระดูกของเขาค่อยๆเกิดเสียงประสานกันดังกร้อบแกร้บ
ผู้ป่วยคนนั้นกัดฟันส่งเสียงในลำคอเบาๆ แววตาของเขาเกิดความตกใจ หลังจากที่ได้ดื่มยานั้นไป ประกอบกับการนวดแผนตงหัวของฉินโสว่หราน เดิมทีบริเวณหมอนรองเอวที่เจ็บปวดอยู่ ก็เหมือนกับไม่ได้รับผลกระทบใดๆทั้งสิ้น
เมื่อเห็นการกลั่นยาของฉินโสว่หราน แววตาของมู่เซิ่งก็เป็นประกาย เขาพูดอย่างตกตะลึงว่า“วิชายาห้าประสาน คุณใช้วิธีการปรับแต่งห้าประสาน กลั่นเป็นยาออกมา”
ทันใดที่ผู้เชี่ยวชาญลงมือ ก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
วิธีการพิเศษในการกลั่นยาแบบนี้ มู่เซิ่งเคยเห็นใน《ตำราทองตำนานเสวียน》เล่มที่สอง นี่คือวิธีการพิเศษในการกลั่นยา สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของยาได้ ไม่เช่นนั้น ถ้าเปลี่ยนเป็นคนธรรมดามาใช้วิธีต้มแบบนี้ ถึงจะสามารถกลั่นยาออกมาได้ แต่ผลที่ได้จะไม่มีทางชัดเจนเท่านี้แน่นอน
ในวงการแพทย์แผนตงหัว เป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีใครสามารถใช้วิชายาห้าประสาน หากไม่ได้《ตำราทองตำนานเสวียน》เล่มที่สองมา เกรงว่ามู่เซิ่งคงไม่รู้วิชานี้
“ดูท่าจะดูถูกเขาไปแล้ว ได้เป็นถึงผู้นำของแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ ยังไงก็ต้องมีความสามารถ ไม่มากก็น้อย”มู่เซิ่งแอบพูดในใจ
ใครจะไปรู้ หลังจากที่มู่เซิ่งใช้สายตาประหลาดมองดูอยู่นั้น ฉินหลินที่อยู่ข้างๆก็ยิ่งได้ใจมากขึ้น