มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 157 ปลดป้าย
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 157 ปลดป้าย
ซี๊ด!
เมื่อทุกคนเห็นมู่เซิ่ง ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ
ปลดแผ่นป้ายออก?
หมายความว่ายังไง?
ความคิดที่เหลือเชื่อผุดออกมาจากหัวของทุกคน หรือว่าหมอเทวดาฉินจะแพ้?
เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นไปได้ยังไง!
แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้เป็นหมื่นในความคิดของพวกเขา ในสายตาของพวกเขา ในฐานะที่หมอเทวดาฉินเป็นผู้นำของหมอเทวดาทั้งสี่ในเยียนจิง ไม่มีทางแพ้ให้กับไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้แน่นอน
พนักงานต้อนรับสาวมองมู่เซิ่งด้วยสายตาตกตะลึง แววตาเหม่อลอย ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
“รบกวนคุณ เอาบันไดมาให้ผมที”มู่เซิ่งย้ำอีกครั้ง
พนักงานต้อนรับสาวถึงหลุดจากภวังค์ หันกลับมา มองไปยังฉินหลินที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคน แล้วถามว่า“คุณชายฉิน นี่……”
“ไปเอาให้เขาเถอะ”ฉินหลินโบกมือไปมา ถูกผู้คนจ้องมองอยู่ เขาแทบอยากหารูมุดเข้าไป
ผ่านไปไม่นาน มู่เซิ่งเดินตามบันไดขึ้นมา แล้วหยิบแผ่นป้ายลงมา ใส่ท้ายรถของหลิวเจี้ยนหัวด้วยตัวเอง ขับรถออกไป ท่ามกลางสายตาของทุกคน
แผ่นป้ายถูกถอดออกแล้ว หลังจากรู้ว่ามู่เซิ่งกับหลิวเจี้ยนหัวขับรถออกไป ราวกับทุกคนถูกปลดออกจากพันธนาการ พากันถอนหายใจยาว แต่พวกเขารู้ได้ในทันทีว่า เรื่องของป้ายราชาฉินเทพโอสถ เยียนจิงจะต้องลุกเป็นไฟ
“ไอ้หมอนี่ เตรียมพร้อมจะมีชื่อเสียงรึยัง?”พนักงานต้อนรับสาวพูดเสียงเบา หวนนึกถึงรอยยิ้มของมู่เซิ่ง ใบหน้าที่มั่นใจ เธอก็อดหน้าแดงไม่ได้
เมื่อกลับเข้าถึงที่ร้าน หลิวเจี้ยนหัวก็รีบเข้าไปเรียกพนักงานด้านในทันที
เพราะป้ายนั้นหนักเกินไป แล้วใหญ่มาก มู่เซิ่งถือคนเดียวจะลำบากเกินไป ดังนั้นเขาจึงเรียกพวกเขามาช่วยกัน
ป้ายแผ่นใหญ่ขนาดนี้ คงจะแบกขึ้นเครื่องไม่ได้หรอก เขาจึงทิ้งป้ายแผ่นนี้ไว้ในคลินิกของหลิวเจี้ยนหัว
“อาจารย์ นี่เป็นป้ายของหมอเทวดาฉินหรอครับ?”
“เชี่ย อาจารย์ ไปเอาป้ายของหมอเทวดาฉินกลับมาได้ยังไงครับ?”
เมื่อเห็นป้ายราชาฉินเทพโอสถแผ่นนี้ พนักงานเหล่านั้นก็พากันตกใจ
ช่วงก่อนหน้านี้พวกเขาเคยไปที่คลินิกของฉินโสว่หราน เห็นชัดเจนว่า เป็นป้ายแผ่นนี้แน่ๆ ไม่มีทางพลาด!
“แต่ว่า——”
“อาจารย์ฉันเอากลับมาเอง รีบไปจัดการเร็วเข้า”หลิวเจี้ยนหัวขี้เกียจพูดมาก สั่งการให้ลูกศิษย์ทำงาน
“อาจารย์ อาจารย์ของคุณ……งั้นก็เป็นบรรพจารย์ของเราน่ะสิครับ ?”
“เรียกเขาว่าบรรพจารย์?พวกนายยังไม่คู่ควรหรอก อย่ามัวแต่พูดพล่าม ขืนยังชักช้าอีก ก็ไม่ต้องมาทำงานแล้ว”หลิวเจี้ยนหัวขมวดคิ้วจ้องตาถลน เรื่องที่เขานับถือมู่เซิ่งเป็นอาจารย์ ยังไม่มีทีท่าจะเกิดขึ้นเลย ถ้าลูกศิษย์กลุ่มนี้มีไอ้สารเลวอย่างหลี่น่องผุดขึ้นมาอีกคนหนึ่ง ชาตินี้เขาก็อย่าคิดจะเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์กับมู่เซิ่งอีกเลย
“ดะ ได้ค่ะ”
หมอสาวพยักหน้า ในขณะที่เธอกำลังรู้สึกแปลกใจ คนที่สามารถเป็นอาจารย์ของหมอเทวดาหลิวได้หน้าตาจะเป็นอย่างไรอยู่นั้น ก็เห็นมู่เซิ่งที่ยืนอยู่ข้างๆหลิวเจี้ยนหัว จู่ๆเธอก็ตกตะลึงในทันที
เย็ดเข้
ผู้ชายคนนี้ เป็นชายหนุ่มที่มาที่ร้านเมื่อวานไม่ใช่หรอ?
เขา เป็นอาจารย์ของหมอเทวดาหลิวหรอเนี่ย?
ในขณะที่หมอสาวกำลังรู้สึกตกใจอยู่นั้น มู่เซิ่งกับหลิวเจี้ยนหัวทั้งสองคน ก็เดินเข้าไปในหอเจี้ยนหรงแล้ว
มู่เซิ่งพักผ่อนอยู่ในคลินิกของหลิวเจี้ยนหัวครู่หนึ่ง แล้วชี้แนะปัญหาด้านการฝังเข็มของหลิวเจี้ยนหัวไม่กี่ข้อ ก็เดินทางออกจากเยียนจิง
ที่เจียงหนานยังมีเรื่องที่มากมายที่ยังแก้ไขไม่เสร็จ ท่านเจียงสามพึ่งตาย ตระกูลเจียงยังคงอยู่ในความวุ่นวาย หากเขาอยู่ที่นาน เขาเป็นห่วงทางเจียงหว่าน
หลิวเจี้ยนหัวพยักหน้า การชี้แนะของมู่เซิ่งเมื่อสักครู่ เหมือนกับการเตือนให้รู้จุดบกพร่อง มันลึกซึ้งมากๆ เขาสามารถมั่นใจได้ว่า หากมู่เซิ่งชี้แนะมากกว่านี้ ทักษะทางการแพทย์ของเขาจะต้องยกระดับมากขึ้น แต่ว่า ในใจของเขาเองก็รู้ดี โลภมากเกินไปจะคว้าไว้ไม่หมด ยังไม่สายเกินไปที่จะขอคำชี้แนะต่อไปหลังจากที่เขาเข้าใจปัญหาแล้ว
ในเวลานี้เอง ที่หน้าประตูมีหมอสาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนก แล้วพูดกับหลิวเจี้ยนหัวว่า“อาจารย์คะ แย่แล้วค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น รีบร้อนขนาดนี้ ดูสภาพเข้าสิ?”หลิวเจี้ยนหัวขมวดคิ้วถลึงตาใส่ ไม่เห็นรึไงฉันกำลังคุยกับมู่เซิ่งอยู่
“อาจารย์คะ เมื่อกี้จู่ๆก็มีชายฉกรรจ์วิ่งเข้ามา คุกเข่าอยู่หน้าคลินิกของเรา บอกว่าเขาได้ฝังพ่อของเขาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ เข้ามาติดตามคุณมู่เซิ่งค่ะ”
หมอสาวกล่าว
ชายฉกรรจ์ที่อยู่หน้าประตูไม่เพียงแต่ทำตัวประหลาด พละกำลังใหญ่จนน่าตกใจ เมื่อกี้พวกเขากำลังย้ายป้ายอยู่ ชายฉกรรจ์คนนั้นใช้แค่มือข้างเดียว ก็สามารถยกมันเข้ามาในหอเจี้ยนหรงได้ ทำให้พวกเขาอึ้งไปเลย
หมอสาวไม่กล้าห้ามปราม เธอจึงวิ่งเข้ามาในนี้ก่อน
หลิวเจี้ยนหัวขมวดคิ้ว พอได้ยินว่าผู้ชายคนนี้ไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนาม แต่เขามาหามู่เซิ่ง เขาจึงไม่กล้าตัดสินใจ หันไปถามว่า“เสี่ยวมู่ เพื่อนของนายรึเปล่า?”
“เป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ผมพึ่งรู้จักน่ะ”
มู่เซิ่งลุกขึ้นยืนอย่างยิ้มๆ“คิดไม่ถึงว่า เขาจะมาถึงที่”
จากการปลดป้ายที่หนักกว่าห้ากิโลออก ทั้งหอโสว่หราน ก็เงียบลงไปเยอะมาก ผู้คนที่ล้อมวงกันอยู่หน้าประตูทางเข้าค่อยๆหายไปจนเกลี้ยง แม้แต่คนที่มารักษาก่อนหน้านี้ ก็จากไม่น้อย มาวันนี้ฉินโสว่หรานไม่ใช่หมอเทวดาแล้ว จะมาหาเขาทำไมอีก?สู้ไปรักษาที่คลินิกหลิวเจี้ยนหัวดีกว่า
“คุณปู่ครับ ผมขอโทษ เป็นความผิดของผมเอง ตอนนั้นในวอร์ดผู้ป่วย ถ้าผมไม่เข้าไปล่วงเกินเขาก็ดีแล้ว”ฉินหลินยืนอยู่หน้าประตู พูดกับฉินโสว่หรานที่ลืมไปทุกสิ่งอย่าง
เรื่องนี้มันเกิดจากเขา เขาเป็นคนทำให้ป้ายและชื่อเสียงของปู่ต้องถูกทำลาย หากการคุกเข่าคำนับมู่เซิ่งจะสามารถนำทุกอย่างกลับมาได้ เขาคงไม่ลังเลที่จะคุกเข่าแล้ว
แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันสายไปแล้ว
ฉินโสว่หรานถอนหายใจ แล้วส่ายหัวไปมา พลางกล่าวว่า“ไม่ใช่ความคิดของแกหรอก ฉันผิดเอง ตอนนั้นฉันไม่น่ารับปากคำขอของมู่จงหยุนเลย ตระกูลฉินของเราอยู่ในวงการแพทย์มานานหลายสิบปี เราหุนหันพลันแล่นเอง”
เขายืนหยัดอยู่ในเยียนจิงมาห้าสิบปี ฉินโสว่หราน คิดว่าชื่อราชาแห่งยาของตัวเอง สมกับชื่อเสียง และเขาลืมคำว่าความอ่อนน้อมถ่อมตนในการแพทย์แผนตงหัว
“ตามฉันมา”ฉินโสว่หรานถอนหายใจ แล้วเดินไปทางหลังประตู
ฉินหลินไม่พูดอะไร ค่อยๆเดินตามหลังไปเงียบๆ
ด้านหลังของหอโสว่หราน มีลานเล็กๆที่เรียบง่าย ตรงกลางลานนั้น มีป้ายบรรพบุรุษของตระกูลฉินวางตระหง่าน ฉินโสว่หรานเดินมาที่ด้านหน้าของป้ายชื่อเหล่านั้น แล้วคุกเข่าคำนับป้ายที่อยู่ตรงหน้า
“คุณปู่ครับ คุณปู่แก่แล้ว ให้ผมเป็นคนคุกเข่าเถอะครับ”ฉินหลินรีบกล่าว
“หลินเอ๋อร์ เรื่องนี้เป็นทั้งเรื่องไม่ดี แต่ก็ดีไปในตัว เราได้รับชื่อว่าเป็นราชาแห่งยา มาหลายชั่วอายุคน และกลับถูกคำนี้ผูกมัดไว้ มาวันนี้ป้ายถูกคนอื่นเอาไปแล้ว หนังหน้าแก่ๆของฉัน กลับรู้สึกสบายขึ้นมาก”
“ถ้ามีความสามารถจริงๆ ถึงเราจะต้องนั่งเดียวดายอ้างว้าง เราก็ยังมีผู้ป่วยเข้ามารักษาเยี่ยมเยียน แต่ว่า ถ้าทักษะการแพทย์ของเราสวยแต่รูปแต่จูบไม่หอม ถึงเราจะแขวนป้ายชื่อราชายาเอาไว้ ก็ไม่มีใครเข้ามาถามไถ่หรอกนะ”
ฉินโสว่หรานอธิบายอย่างใจเย็น แล้วถอนหายใจยาว“ฉินหลิน อนาคตของคลินิก ต้องพึ่งพาแกแล้วนะ แกอย่าทำตัวเหมือนฉันนะ ที่เอาตำแหน่งของชื่อเสียงกับทักษะทางการแพทย์สลับกัน”
“ตระกูลฉิน จะมาสูญสิ้นในมือฉันไม่ได้”
“คุณปู่ครับ ผมเข้าใจแล้ว”
ฉินหลินก้มหน้า พูดอย่างละอายใจ