มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 158 เตาโจว
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 158 เตาโจว
“มาแล้วหรอ”
มู่เซิ่งมองไปยังชายฉกรรจ์ สูงหนึ่งร้อยแปดสิบ ที่ยืนอยู่หน้าประตู แล้วพูดอย่างยิ้มๆ
อันที่จริงเขาได้เตรียมใจไว้แล้วว่าชายฉกรรจ์ผู้นี้เอาเงินไปแล้วต้องหายตัว ถึงอย่างไรมันก็แค่เงินห้าแสน เขาต้องเจอกับเรื่องลำบากทุกข์ร้อน ถึงทำให้คุกเข่านานขนาดนั้น
เพียงแต่ว่า สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือ ชายฉกรรจ์ผู้นี้ได้ฝังพ่อของเขาไปแล้วจริงๆ แล้วกลับมาหาเขา
“เจ้านายครับ ผมจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าต้องกลับมา”ชายฉกรรจ์พยักหน้าอย่างนอบน้อม ใบหน้าของเขามีแววเศร้าสร้อยเล็กน้อย
มู่เซิ่งกล่าว“นายไม่ต้องเรียกฉันว่าเจ้านายหรอก เรียกฉันว่ามู่เซิ่งก็พอ นายมีเรื่องทุกข์ยากอะไร บอกกับฉันได้เลยนะ ถ้าฉันช่วย ฉันจะช่วยเต็มที่”
“ผมชื่อเตาจั๋วครับ คุณชายมู่ เงินห้าแสนนี้ ทำให้ผมสามารถฝังพ่อผมได้อย่างเต็มภาคภูมิ มันเป็นการช่วยผมมากพอแล้ว”ชายฉกรรจ์ก้มหน้าพูด
มู่เซิ่งหัวเราะ แล้วกล่าวว่า“เอาล่ะ ถึงยังไงตอนนี้นายก็ตัวคนเดียว งั้นก็ตามฉันกลับเจียงหนานแล้วกัน ฉันจะหางานให้นายทำเอง”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ดวงตาของชายฉกรรจ์ผู้นี้ก็มีน้ำตารื้นออกมา
เดิมทีเขาทำงานใต้ดิน เป็นนักมวยเถื่อน เพียงแต่เพราะครั้งนี้ เขาไม่ยอมล้มมวย ดังนั้นจึงถูกเจ้านายเตะออกจากสนาม เจ้านายยังมาทำร้ายพ่อของเขา หลังจากที่เขารู้เรื่องนี้ เจ้าของสนามมวยใต้ดิน ก็คว้าเอาเงินก้อนใหญ่ หนีออกจากเยียนจิงไปแล้ว
เตาจั๋วรู้สึกโกรธมาก แต่กลับทำอะไรไม่ได้ มาวันนี้ภายใต้สถานการณ์ที่เขาไม่มีเงินติดตัวสักบาทเดียว ทำได้เพียงแค่คุกเข่าอยู่ข้างถนน ขอทานเพื่อเอาเงินมาจัดงานศพให้พ่ออย่างเต็มที่
ตอนนั้น เขาคุกเข่าอยู่ข้างถนนหนึ่งวันเต็มๆ ไม่มีใครยอมช่วยเขาแม้แต่คนเดียว นอกจากหัวเราะเยาะเขาว่าโง่ ก็ไม่มีใครเลย มีเพียงแค่มู่เซิ่งที่เดินผ่านมา ทิ้งบัตรATMไว้ให้เขาใบหนึ่ง
เงินพวกนี้สำหรับมู่เซิ่งแล้ว มันไม่มีค่าอะไรเลย แต่สำหรับเตาจั๋วแล้ว มันกลับเป็นทั้งชีวิตของเขา!ลูกหลานอยากเลี้ยงดูพ่อแม่แต่พ่อแม่กลับรอไม่ถึงวันนั้น เขาไม่สามารถดูแลพ่อให้ดีได้ หวังแค่เพียงว่าจะสามารถฝังศพพ่ออย่างสมศักดิ์ศรีได้ ไม่เช่นนั้น ชาตินี้เขาคงต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
“คุณชายมู่ครับ ผมเป็นนักมวยตั้งแต่กำเนิด มีเพียงฝีมือชกต่อย ขอแค่คุณเอ่ยปาก ผมจะทำตามคำสั่งเลยครับ!”
เตาจั๋วโขกหัวคำนับเขาหนึ่งครั้งอย่างแรง
มู่เซิ่งพยักหน้า ซื้อตั๋วเครื่องบินให้เตาจั๋วเพิ่มหนึ่งใบ
ทั้งสองนั่งแท็กซี่ เดินทางไปยังสนามบิน
สำหรับเตาจั๋วคนผู้นี้ พลังกำลังน่าตกใจมาก เป็นนักมวยตั้งแต่กำเนิด หากตั้งใจอบรมบ่มเพาะ อาจจะกลายเป็นมือซ้ายมือขวาที่ไม่ธรรมดาก็เป็นได้ เพียงแต่ว่า ตอนนี้เขายังมีภารกิจสำคัญ จะต้องเอาเขาฝากไว้ที่ท่านหลงสักพัก
บ่ายวันนั้น ในบริษัทของท่านเจียงสาม เจียงมู่หลงกับเจียงเทาฉินและคนอื่นๆนั่งอยู่ในห้องทำงาน บรรยากาศตึงเครียดมาก
“ไปถามที่มู่ซื่อกรุ๊ปรึยัง?”เจียงมู่หลงนั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน ด้วยท่าทีของผู้นำ
“พวกเขายังไม่ตกลงครับ แม้แต่เอกสารยังโยนออกมาพร้อมกันเลยครับ”เจียงเทาฉินกล่าว
เจียงมู่หลงสีหน้าเย็นชา เขาตบโต๊ะแล้วตะโกนด่า“ดูท่าเจียงหว่านผู้นี้จะปีกกล้าขาแข็ง ไม่เห็นเราอยู่ในสายตา!หรือเธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นหนึ่งในตระกูลเจียงเหมือนกัน”
“จริงด้วย เจียงหว่านทำเกินไปแล้ว”
“ผู้นำครับ คุณจะต้องคิดหาวิธีนะครับ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เงินทุกของบริษัทต้องมีปัญหาแน่ๆครับ ช่วงก่อนหน้านี้ ท่านเจียงสามได้หยุดพักโปรเจ็คอื่นๆ เพื่อที่จะสามารถจัดการโปรเจ็คของเขตซีไห่ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี”
คนสกุลเจียงคนอื่นๆต่างพากันออกความเห็น
หากเสียโปรเจ็คเขตซีไห่นั้นไป
บริษัทจะไม่มีแหล่งกำไรอีกต่อไป อีกทั้ง คู่ค้าคนอื่นๆ เหมือนจะได้ข่าวนี้ แต่ละคนจึงเริ่มพากันปฏิเสธที่จะร่วมงานกับเจียงมู่หลงกันหมด
“นังแพศยา นังตัวดี!”
เจียงมู่หลงโมโหจนกัดฟันกรอด
เจียงหว่านบอกเขาแล้ว และเขาก็เคยโทรหาประธานสวีแล้ว แต่ประธานสวีไม่รับสายของเขาด้วยซ้ำ เจียงมู่หลงไม่อยากจะเชื่อ เขาคิดว่าเจียงหว่านจงใจหลอกเขาแน่ๆ อย่างไรเสีย เจียงมู่หลงก็เป็นคนเสียโปรเจ็คนี้ไป ไม่ใช่เจียงหว่านเสียหน่อยที่เสียโปรเจ็คนี้ไป
“มู่หลง เรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ต้องจัดการในทันที ยังคงเป็นการทวงโปรเจ็คซีไห่กลับมา โปรเจ็คนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้”เจียงไห่เชาพูดอย่างข้างๆ
เจียงมู่หลงพยักหน้า“พ่อครับ ผมรู้แล้ว”
พูดจบ เขาก็หันกลับไป มองยังทุกคน“พวกคุณมีใครอาสาไปหาเจียงหว่านไหม สั่งให้เธอไปมู่ซื่อกรุ๊ป ขอความร่วมมือใหม่อีกครั้ง?”
เจียงมู่หลงในฐานะผู้นำ ความสามารถไม่มี แต่อวดเบ่งเก่งมาก เขาวางตำแหน่งของตัวเองอยู่เหนือเจียงหว่าน เรื่องการสั่งสอนเจียงหว่านแบบนี้ ให้คนอื่นๆในตระกูลเจียงไปทำก็พอแล้ว
“แน่นอนว่า ขอแค่เจียงหว่านยอมตกลง พวกคุณจะใช้วิธีไหนก็ได้!”เจียงมู่หลงพูดอย่างเย้ยหยัน
คนอื่นๆในตระกูลเจียงมองหน้ากันไปมา ไม่กล้าตอบตกลง
“ผมไปเอง”
ในเวลานี้ มีเสียงเย็นชาหนึ่งดังขึ้นมา
ทุกคนหันไปจ้องมองทันที เห็นเพียงเจียงเทาฉินที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องเอ่ยปาก ข้างๆของเขา มีหญิงสาวรูปงามคนหนึ่ง แน่นอนว่าไม่ใช่หานเสี่ยอีกต่อไป
“ลุงเจียงครับ ลุงจะไปเองหรอครับ?”เจียงมู่หลงถามด้วยความดีใจ
“แน่นอน!”เจียงเทาฉินพยักหน้าอย่างหนักแน่น
มู่เซิ่งในตอนนั้น ยืนอยู่หน้าชุมชนเล็กๆ ยืนชี้หน้าเขาว่าไม่มีปัญญามีบุตร เรื่องนี้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งตระกูลเจียง คนอื่นๆในสกุลเจียงถึงแม้จะไม่เย้ยหยันเยาะเย้ยเขาออกหน้า แต่พวกเขาแอบนินทาพูดลับหลังเขา ทำให้เจียงเทาฉินรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
อีกทั้ง หลังจากเกิดเรื่องขึ้นเข้ากลับบ้านไป พบว่าผู้ชายที่หานเสี่ยเป็นชู้ด้วย เป็นหัวหน้านักเลงใต้ดินคนหนึ่ง เขาล่วงเกินไม่ได้ เขายังถูกกระทืบกลับมาด้วย เขารู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก ทำได้แค่นำเรื่องแบบนี้ ฝากไว้กับมู่เซิ่ง
เขาเคยคิดในใจว่า หากมู่เซิ่งไม่พูดออกมา เขาคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้
ทุกอย่างนี้ มันเป็นเพราะมู่เซิ่งทั้งหมด!
“ได้ครับ งั้นเรื่องนี้ รบกวนลุงเจียงด้วยนะครับ ถ้าทวงโปรเจ็คเขตซีไห่กลับมาได้สำเร็จลุล่วง สิ้นปีผมจะแบ่งกำไรให้สองล้านนะครับ!”เจียงมู่หลงกล่าว
เจียงเทาฉินดวงตาเป็นประกาย รีบพยักหน้า พาหญิงสาวข้างกาย เดินออกไปทันที
ทั้งสองเดินทางมาถึงคฤหาสน์ในเขตซีไห่ เพราะพวกเขายังไม่ได้ลงชื่อ ดังนั้นพวกเขาสองคน จึงถูกขวางไว้ตรงหน้าทางเข้าเขตของคฤหาสน์
เจียงเทาฉินบอกว่าเขาเป็นคนของตระกูลเจียง ขอให้ปล่อยไปสักครั้ง
รปภ.พวกนั้นไม่รู้ข้อมูลของเจียงเทาฉินกับเจียงหว่าน แต่ว่า พวกเขารู้ว่าเจียงหว่านเป็นคนของตระกูลเจียง คนที่บ้านมาหา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ขวางเอาไว้ หลังจากลงชื่อเสร็จ ก็ปล่อยไปทันที
“ถุ้ย ไอ้รปภ.กระจอก กล้าขวางเรางั้นหรอ!”
หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆสบถทันที ด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
ผู้หญิงคนนี้มีนามว่าอู๋ชิวอี๋ หลังจากที่เจียงเทาฉินหย่ากับหานเสี่ย เขาก็หาแฟนใหม่ทันที ก่อนหน้านี้เธอเป็นผู้หญิงเสเพลคนหนึ่งที่ไม่เรียนหนังสือ สรุปหลังจากที่เจียงเทาฉินชอบเธอขึ้นมา จึงได้ไต่เต้ามาเป็นไฮโซ รปภ.และนักเลงที่เธอมักคุยด้วยบ่อยๆ เธอไม่เห็นอยู่ในสายตาทั้งหมด
รปภ.สีหน้าขมขื่น ถูกด่าแต่ก็ไม่กล้าเถียงอะไร
ทั้งสองเดินมาที่หน้าคฤหาสน์ เจียงเทาฉินเคาะประตูทันที
“ใครน่ะ”
จ้าวหลินเปิดประตูอย่างหงุดหงิด หลังจากเห็นว่าเป็นเจียงเทาฉิน เธอก็พูดอย่างอึ้งๆว่า“เจียงเทาฉิน มาที่บ้านฉันทำไม?”