มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 164 ยังไม่ออกเงิน
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 164 ยังไม่ออกเงิน
เจียงมู่หลงได้ยินการก่นด่าต่อว่าของเครือญาติตระกูลเจียงจึงกัดฟันแน่น สบตามองทุกคนอย่างเยือกเย็น “เป็นความผิดของผมหรือ? หรือพวกคุณไม่ได้ใช้เงินเลย? ตอนนี้ต้องคืนเงินแล้ว แต่พวกคุณกลับเริ่มตำหนิผมกันขึ้นมาทีละคน ต้องคืนเงิน? ได้สิครับ เอาส่วนแบ่งก่อนหน้านี้ที่ผมให้พวกคุณออกมาเหมือนกันสิครับ!”
ทุกคนตระกูลเจียงที่ก่นด่าสาปแช่งเหล่านั้นพลันไม่กล่าวคำทันที
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ใช้กันดุเดือดเหมือนอย่างครอบครัวของเจียงมู่หลง แต่เกือบทุกคนก็เอาสองสามล้านออกมากันแล้ว บวกเพิ่มแล้วก็ราว ๆ หลายสิบล้านแล้วเหมือนกัน เงินเหล่านี้พวกเขาไม่ได้ประหยัดใช้ หากต้องคืนตอนนี้ จะสามารถเอาออกมาได้อย่างไรกัน?
“ให้เวลาพวกคุณสามวัน หากไม่เอาเงินออกมา ก็รอไปนั่งในคุกเถอะครับ” ประธานหลี่หยางกล่าว “หากพวกคุณคืนเงินแล้ว ทนายของผมก็จะค่อย ๆ บอกกับพวกคุณว่าเงินชดเชยในการกู้ครั้งนี้ พวกคุณจะได้รับเงินชดเชยเป็นจำนวนเท่าไหร่”
“สาม สามวันหรือครับ?”
ใบหน้าของเจียงมู่หลงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เวลาสั้นมาขนาดนั้น เขาจะเอาเงินออกมาได้อย่างไรกันเล่า
ส่วนเงินชดเชยหลังจากการคืนเงินแล้วนั้น เขาไม่ต้องคิดก็ทราบดีเช่นกัน อ้างอิงจากเบื้องหลังของธนาคารเจียงหนาน ค้างจ่ายสี่ห้าปีก็ล้วนไม่เป็นปัญหา แต่เมื่อถึงตอนนั้นตระกูลเจียงของพวกเขาก็ไม่มีแล้ว ยังจะมีใครสามารถได้รับเงินชดเชยได้อยู่อีกกัน?
ทว่าสถานการณ์ ณ ตอนนี้ หากเขาไม่ตกปากรับคำละก็ เกรงว่าประธานหลี่หยางคงจะให้เขาสวมชุดนักโทษตอนนี้เลยกระมัง
“ผมทราบแล้วครับ ประธานหลี่หยาง พวกเราจะสมทบเงินเหล่านี้ให้ได้แน่ครับ” เจียงมู่หลงพยักหน้าขึ้นลงอย่างกล้ำกลืน
“ได้ครับ ผมจะรอคุณ ภายในสามวัน นำเงินโอนเข้าในบัญชีเจียงหว่านนะครับ” หลี่หยางกล่าว
เจียงหว่านหรือ?
ทำไมต้องโอนเข้าในบัญชีของเจียงหว่านด้วย?
“มีสิทธิ์อะไรกัน เงินเหล่านี้มาจากการกู้ธนาคารเจียงหนาน ทำไมต้องโอนเข้าบัญชีเจียงหว่านด้วยล่ะ?”
“หรือจะบอกว่าเจียงหว่านกับประธานหลี่มีผลประโยชน์ต่อกัน?”
“เป็นไปได้เป็นอย่างมาก ในตอนนั้นที่เจียงหว่านไปกู้เงินจากในธนาคารมาได้ถึงพันล้านฉันก็สงสัยแล้ว เธอมีสิทธิ์อะไรที่จะมีความสามารถเช่นนี้ได้? ตอนนี้ดูท่าแล้ว ที่แท้ก็มีความสัมพันธ์กับหลี่หยางสินะ”
เมื่อได้ยินพี่น้องแซ่เจียงเหล่านั้นเปิดปาก เจียงมู่หลงขมวดคิ้วแน่น ในใจอดที่จะเกิดความสงสัยเอาไม่ได้ เรื่องราวที่ เฝิงจงเหลียงยกเลิกโครงการ เขาทำให้พี่น้องแซ่เจียงเหล่านั้นไม่สามารถแพร่ข่าวลือออกไปข้างนอกได้ ทว่าหลี่หยางกลับทราบได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้เสียแล้ว แถมยังมาหาถึงหน้าประตูอีก หนึ่งในนั้น หากไม่ใช่เจียงหว่านบอกความลับ เขาล้วนไม่เชื่อ!
“ประธานหลี่หยาง ทำไมคุณจะนำเงินเหล่านี้ โอนให้กับเจียงหว่านไปทั้งหมดหรือครับ?” เจียงมู่หลงเอ่ยถาม
“เงินเหล่านี้เป็นเงินที่ผมให้เจียงหว่านกู้ ย่อมต้องเก็บคืนจากในบัญชีของเธออยู่แล้วครับ ส่วนเมื่อไหร่ผมจะนำเงินไปจากในบัญชีของเธอไปนั้น จำเป็นที่ต้องรับฟังความคิดเห็นของคุณด้วยหรือ?” หลี่หยางกล่าวอย่างเยือกเย็น
แม่ง!
โอนเข้าบัญชีเจียงหว่าน แถมยังบอกว่าขอดูอารมณ์ที่จะเก็บกลับคืนอีก นี่เห็น ๆ กันอยู่ว่าเป็นการให้เงินเจียงหว่านชัด ๆ! นี่มันจะอำนวยความสะดวกให้เธอมากเกินไปแล้ว
เจียงมู่หลงกัดฟันแน่น ทว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับหลี่หยาง ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่กดมันเอาไว้ที่ก้นบึ้งหัวใจเท่านั้น
“หากสามวันหลังจากนี้ผมไม่เห็นเงินแล้วละก็ พวกคุณก็รอไปคุกเถอะครับ!”
หลังหลี่หยางกล่าวจบก็หมุนตัวจากไป
เครือญาติตระกูลเจียงเหล่านั้นทยอยกันนั่งลงบนตำแหน่งทีละคน สีหน้าไม่น่าดูราวกับกินแมลงวันเข้าไปเลยก็ไม่ปาน บรรยากาศในห้องโถงประชุมกดดันบีบคั้นคน
“สามีคะ พวกเราควรทำอย่างไรกันดีละคะ?” เฉินเสว่เอ่ยถามอย่างลนลาน
สายตาดุดันของเจียงไห่เชาสบตามองเฉินเสว่กับเจียงมู่หลงไปหนึ่งหน หากไม่ใช่เพราะพวกเขาทั้งสองคนใช้เงินไปแล้วมากขนาดนั้นแล้วละก็ ปัญหานี้เดิมทีก็ไม่มี ตอนนี้เขาเสียใจในภายหลังแล้วจริง ๆ ที่ไม่ควรนำเงินก้อนนี้มาจากมือของเจียงหว่าน
“ต่อสายโทรศัพท์หาเจียงหว่าน บอกเธอไป บอกว่าได้เงินก้อนนี้มาแล้ว!” หลังครุ่นคิดพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ เจียงไห่เชาก็กล่าวโพล่งขึ้นมา
ได้ยินคำนี้แล้ว ดวงตาของเจียงมู่หลงพลันเปล่งประกายทันที
ใช่สิ
ในเมื่อเงินนี้ต้องโอนให้กับเจียงหว่าน ขอเพียงแค่ให้เจียงหว่านบอกกันหลี่หยางเท่านั้น บอกว่าได้รับเงินแล้วก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือไง?
ไม่นานนักเจียงมู่หลงถือโทรศัพท์มือถือขึ้น ก่อนจะต่อสายโทรศัพท์หาเจียงหว่านแล้ว
คฤหาสน์ทางฝั่งนั้น เจียงหว่านกำลังพักผ่อนอยู่ในบ้าน จ้าวหลินกำลังหารือกับเจียงหว่านอยู่ว่าจะกล่าวขอโทษแล้วได้รับการให้อภัยจากมู่เซิ่งได้อย่างไร เป็นในตอนนั้นเองที่เจียงมู่หลงต่อสายโทรศัพท์เข้ามาแล้ว
เมื่อจ้าวหลินได้ฟังดังนั้น ว่าหลี่หยางกลับมาทวงให้พวกเขาคืนเงินด้วยตนเองถึงหน้าประตู ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ภายในหัวใจก็ยิ่งหวาดกลัวมู่เซิ่งมากขึ้นไปอีก
ตอนนี้เธอพึ่งจะเข้าใจว่าเงินพันล้านนี้ ล้วนเห็นแก่หน้าตาของมู่เซิ่งทั้งสิ้น
แต่เรื่องที่เธอกลัวมู่เซิ่งก็ส่วนกลัว ทว่าเมื่อได้ยินความคิดของเจียงมู่หลงแล้วจึงไม่ยินยอมทันที นี่เป็นเงินพันล้านเชียวนะ ความปากร้ายในใจเธอพลันพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“มีสิทธิ์อะไรกัน? ลูกสาวฉันยังไม่ได้เงิน พวกเราจะไม่พูดแน่!” จ้าวหลินกำลังถือโทรศัพท์ของเจียงหว่านอยู่ กล่าวเสียงดังสนั่น
“จ้าวหลิน คุณหมายความว่าอย่างไรครับ?”
“เหอะ ๆ นกสองหัวจริง ๆ ยังไม่ออกเงิน หรือคุณคิดจะมองตระกูลเจียงจบเห่อย่างนั้นหรือ?”
“คุณอย่าลืมสิคะ คุณเองก็เป็นคนตระกูลเจียงด้วยเหมือนกัน หากไม่มีตระกูลเจียงแล้ว คุณเองก็เอาอยู่ได้อีกไม่นานเหมือนกันนั่นแหละค่ะ! ไม่ได้เป็นแค่การหลอกล่อหลี่หยางว่าเงินเข้าบัญชีแล้วหรือไง นี่มีอะไรยากกัน?”
เหล่าเครือญาติทางฝั่งนั้นทยอยก่นด่ากันขึ้นมา พันล้านนี้พวกเขาเองก็ใช้ไปแล้วไม่น้อย ตอนนี้จึงยืนฝั่งเดียวกันกับเจียงมู่หลงอีกครั้งหนึ่งแล้ว
“เงินที่พวกคุณใช้ไป มีสิทธิ์อะไรที่จะให้พวกเรามาเป็นแพะรับบาปแทนพวกคุณ?” จ้าวหลินไม่สนใจอะไรแล้วทั้งนั้น กล่าวเด็ดขาดว่า “ฉันจะจ้องมองพวกคุณแน่น หากภายในสามวันไม่มีเงินโอนเข้ามาละก็ ฉันก็จะบอกประธานหลี่หยางทันที!”
ติ๊ด!
จ้าวหลินวางสายแล้ว
เจียงมู่หลงทางโทรศัพท์ฝั่งนั้นแทบจะโกรธจนบ้าคลั่งแล้ว
จ้าวหลินนี่มีความกล้ามาจากที่ไหน กลับกล้าตัดสายเขาเชียวหรือ?
“ทำอย่างไรดี นี่ควรจะทำอย่างไรดีละคะ?” เฉินเสว่เห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้เข้า ทันใดนั้นจึงลนลานขึ้นมาแล้ว
ตอนที่เธอใช้เงินก็ไม่เคยได้คำนึงถึงจุดนี้มาก่อนเลย
เจียงไห่เชาถอนหายใจออกมาหนึ่งหน ถึงแม้ว่าเขาจะทราบดีว่าบุตรชายของตนไม่เหมาะที่จะรับผิดชอบตำแหน่งผู้นำตระกูล แต่ก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเรื่องราวมันจะพัฒนามาจนถึงขั้นนี้ กล่าวว่า “พวกคุณเอาทรัพย์สินทั้งหมดที่มีไปขายเถอะ แม้กระทั่งอังสังหาริมทรัพย์ก็ขายพร้อมกันไปให้หมด คงจะสามารถสมทบเงินได้”
ได้ยินคำนี้แล้ว เครือญาติเหล่านั้นพลันกระวนกระวายกันขึ้นมาทันที
“ขายบ้านหรือ? มีสิทธิ์อะไรกัน ขายบ้านแล้วพวกเราจะอยู่ที่ไหนล่ะ?”
“ใช่สิ เจียงมู่หลง นายเป็นผู้นำตระกูลเจียง เงินเหล่านี้คือนายที่เป็นคนเอามา คนที่ใช้มากที่สุดก็คือนายเหมือนกัน ดังนั้นเรื่องนี้สมควรที่จะเป็นนายมารับผิดชอบ ถ้าจะขายก็ต้องขายบ้านนายด้วย!”
“เจียงไห่เชา นายสั่งสอนลูกชายไม่ดี ตัวนายเองก็เป็นแค่ไอ้แก่คนหนึ่งเท่านั้นเหมือนกัน ฉันจะไม่ขายรถขายบ้านฉันแน่ ถ้าจะต้องตายทุกคนก็ต้องตายด้วยกัน!”
เครือญาติเหล่านั้นระเบิดกันออกมาทีละคน คำพูดคำจาไม่น่าฟังต่าง ๆ นานาล้วนตกอยู่บนร่างของครอบครัวเจียงมู่หลงทั้งสิ้น
พวกเขาขุนเงินในบริษัทคุณปู่มากันหลายปีถึงซื้อบ้านได้ ตอนนี้จะให้ขายทิ้ง? ไม่มีทางเด็ดขาด!
ดวงตาทั้งสองข้างของเจียงมู่หลงแดงก่ำ สบตามองดูเครือญาติตระกูลเจียง กำแพงล้มทุกคนผลัก ตอนนี้ในใจของเขาเข้าใจความหมายของคำคำนี้อย่างถ่องแท้แล้ว
อีกฝั่งหนึ่ง
ณ ตระกูลเจียง
จ้าวหลินวางสายแล้ว ในใจรู้สึกดีอย่างไร้ที่เปรียบ “ฮ่า ๆ ๆ ตอนนั้นให้พวกเขาเอาเงินกลับไป ตอนนี้จะให้ออกเงินอย่างว่าง่าย? ฉันว่าแล้วว่าพ่อหนุ่มเจียงมู่หลงนั่นเดิมทีก็ไม่เหมาะที่จะเป็นผู้นำตระกูล ลูกสาวจ๊ะ แม่รู้สึกว่าลูกต่างหากที่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำตระกูลเจียงที่สุด”
“คุณแม่คะ คุณแม่พูดอะไรคะเนี่ย เงินนี้ถึงแม้ว่าจะโอนกลับมาแล้ว แต่นั่นก็เป็นของธนาคารเหมือนกันนะคะ ไม่ใช่ของพวกเรา” เจียงหว่านขมวดคิ้วพลางกล่าว
ทว่าภายในหัวใจของเธอก็มีความสงสัยอย่างหนึ่งเช่นเดียวกัน ว่าเหตุใดจู่ ๆ ประธานหลี่ถึงมาที่ตระกูลเจียงกันได้นะ?
“วางใจเถอะ แม่รู้จ้ะ”
ถึงแม้ว่าจะมีความโลภต่อเงินก้อนนี้ก็ตาม แต่มีบทเรียนของเจียงมู่หลงก่อนหน้าแล้ว จ้าวหลินเองก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามเช่นเดียวกัน
“ใช่แล้วเจียงหว่าน ช่วงเวลาหลังจากนี้ คุณตาของลูกก็จะฉลองวันเกิดแล้ว ในเมื่อลูกเองก็อยู่บ้านพักผ่อนเหมือนกัน ไม่สู้พวกเรากลับไปเที่ยวเล่นที่บ้านเก่ากันเสียหน่อย? ถือโอกาสพามู่เซิ่งไปด้วยกันด้วยเลย” หลังจ้าวหลินนิ่งไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็กล่าวความเห็นออกมา