มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 182 แผนจัดการในงานเลี้ยง
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่182 แผนจัดการในงานเลี้ยง
“ก็ใช่นะ ฉันไม่ทันคิดเอง”
มู่เซิ่งผงกหัว พูดว่า “งั้นพวกเราไปอยู่โรงแรมกันเถอะ”
เรียกรถแท็กซี่แล้ว พวกมู่เซิ่งทั้งหมดก็มุ่งตรงไปยังโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอซานเซี่ยง โรงแรมไป๋ต้า
จ้าวเหมยเหมยยืนอยู่ตรงหน้าต่างห้องรับแขก มองพวกมู่เซิ่งขึ้นรถไปด้วยสายตามาดร้าย เหมือนกำลังตรึกตรองอะไรอยู่
“คุณแม่ เรื่องในวันนี้ มีคนเดินผ่านถ่ายคลิปเอาไปลงในกลุ่มเพื่อน ดันมีเพื่อนของหนูมาถามว่าใช่หนูหรือเปล่า เพราะไอ้พวกนี้นี่แหละทำให้หนูต้องขายหน้า หนูเกลียดพวกมัน!” เปิดดูผ่านในโทรศัพท์มือถือ ถงเสว่เหมยพูดกับจ้าวเหมยเหมยอย่างฉุนเฉียว
จ้าวเหมยเหมยขมวดคิ้วย่น เธอก็สุดแสนจะเกลียดเจียงหว่าน แต่ถึงจะยังไง เธอทำได้เต็มที่ก็คือไล่เธอออกจากบ้านไป ไม่รู้จะทำอะไรอื่นได้
“ลูกสาว เธอมีวิธีอะไรหรือ?” จ้าวเหมยเหมยเอ่ยปากถาม
“คุณแม่ วันงานแซยิดของคุณปู่ปีนี้เห็นว่าจัดที่โรงแรมไป๋ต้าไม่ใช่หรือ?หนูได้ยินมาว่า เจ้านายใหญ่ของโรงแรมไป๋ต้านี้ร้ายกาจมาก กับเฉินเสวียลี่เรานั้นเป็นเพื่อนซี้กันมาก หนูว่าในตอนจัดงานเลี้ยงนั้น จะจัดให้คนบ้านจ้าวหลิน ได้สัมผัสให้ถึงของจริงในโรงแรมพาต้า!”
ได้ยินถงเสว่เหมยพูดดังนั้น จ้าวเหมยเหมยจึงได้เบนสายตามองไปที่เฉินเสวียลี่ทันที ถามว่า “เสวียลี่ ที่ลูกสาวฉันพูดเป็นเรื่องจริงหรือ?”
เธอยังกังวลใจอยู่ กลัวจะเกิดเรื่องแบบที่เกิดในห้างสรรพสินค้าศูนย์การค้าสากลป๋ายต้าอีก
“เป็นอย่างนั้นแหละครับคุณป้า” เฉินเสวียลี่ผงกหัว
เจ้านายใหญ่ของโรงแรมไป๋ต้าร้ายกาจมาก ในอำเภอซานเซี่ยง พูดได้ว่าอยู่ในระดับเดียวกับท่านหลงแห่งเจียงหนาน ตอนก่อนนั้นในหมู่บ้านห่างไกลแห่งหนึ่งในอำเภอซานเซี่ยง เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ จับพลัดจับผลูเฉินเสวียลี่เข้าไปช่วยรอดชีวิตมาได้
ที่เฉินเสวียลี่ประสบความสำเร็จมีกิจการเป็นบริษัทขึ้นมาในทุกวันนี้ ก็ล้วนได้รับการช่วยเหลือจากเจ้านายใหญ่ของโรงแรมไป๋ต้าท่านนี้ ไม่งั้น เขาก็คงเป็นอยู่ได้แค่พนักงานบริษัทธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง
“ใช้ได้ ในเมื่อเธอรู้จักเจ้านายใหญ่ของโรงแรมไป๋ต้า งั้นเรื่องนี้ก็ทำได้สบาย ๆ พอดีงานแซยิดของคุณปู่ของพวกเธอ เธอก็จัดการเหมาจองไว้ทั้งโรงแรมเลย จัดการไล่ตะเพิดไอ้ขยะนี้ออกไปต่อหน้าญาติ ๆ ทั้งหมด ทีนี้ฉันจะดูว่าจ้าวหลิน มันจะพูดอะไรได้อีก!” จ้าวเหมยเหมยมองหน้าเฉินเสวียลี่ พูดอย่างเหี้ยมเกรียม
“ไม่มีปัญหา!”
เรื่องในวันนี้ ทำให้เขาก็อับอายขายหน้ามาก ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าไม่ได้ตบหน้ามู่เซิ่งต่อหน้าสาธารณชน แล้วเขาจะได้โชว์ฟอร์มของเขาต่อหน้าเจียงหว่านยังไง?
ในใจของเขา ยังเก็บความหวังที่จะตามจีบเจียงหว่านให้ได้ แล้วค่อยสะบัดตีนเขี่ยถงเสว่เหมยทิ้งไปอยู่
พูดจบ เขาก็รีบโทรศัพท์ออกไปทันที
หลังจากคุยโทรศัพท์กันพักหนึ่ง เฉินเสวียลี่ก็ได้ตัดสายโทรศัพท์ ด้วยรอยยิ้มสไตล์พวกเลียแข้งเลียขา
“คุณป้าครับ หลายวันมานี้ มีคนสำคัญจากเมืองเยียนจิงจะมาที่นี่ ฉะนั้นไม่สามารถเหมาโรงแรมไป๋ต้าหมดไม่ได้” เฉินเสวียลี่พูด ในใจของเขาก็ให้รู้สึกตื่นใจ ทำไมหลายวันนี้ จะมีคนมาที่เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มากมายอะไรขนาดนั้น นอกจากถังเสี่ยวเยว่แล้ว แม้แต่เจ้านายใหญ่ของโรงแรมไป๋ต้า ตลอดทั้งคนมีระดับอื่น ๆ ยังต้องตามกันมา
“เห็นพวกเขาบอกว่า ดูเหมือนจะมางานวันแซยิดของผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง?”
“แต่ทว่า เจ้านายรับปากไว้เรียบร้อย ช่วยพวกเราไล่ใครสักคนออกไป ไม่มีปัญหาใด ๆ”
ได้ยินเฉินเสวียลี่รับรองมาแบบนี้ จ้าวเหมยเหมยก็วางใจสบายลง
มู่เซิ่งมันจะแน่แค่ไหน จะมาเทียบเจ้านายใหญ่ของโรงแรมไป๋ต้าท่านนี้ได้ยังไง?
ได้ยินมาว่าเจ้านายใหญ่ท่านนี้มีแบ็คอัพไม่ธรรมดา ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเป็นถึงตระกูลอันดับหนึ่ง คนตระกูลระดับสองเล็ก ๆ แน่นอนว่าไม่ได้อยู่ในสายตา
“เฮอะ ๆ จ้าวหลิน ฉันอยากจะดูนัก ในวันงาน แกยังจะมีอะไรมาปล่อยไก่ต่อหน้าฉัน!”
จ้าวเหมยเหมยหัวเราะเสียงเหยียดไม่หยุด หันกลับไป พูดยิ้ม ๆ กับเฉินเสวียลี่ว่า “เสวียลี่ ตอนนี้จ้าวหลินก็ย้ายกันออกไปแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีคนนอกใครอื่น คืนนี้ ก็ให้ลูกสาวฉันไปนอนในห้องเธอแล้วกันนะ?”
“คุณแม่——” ถงเสว่เหมยหน้าแดงขึ้นมาเรื่อ ๆ
“ในเมื่อคุณป้าพูดแบบนี้ ผมก็ต้องน้อมรับละครับ” เฉินเสวียลี่ผงกหัว หลายวันนี้เห็นเจียงหว่าน จิตใจก็วูบวาบเสียวสยิวจะทนไม่ไหวแล้ว ถงเสว่เหมยถึงแม้ไม่ได้อย่างเจียงหว่าน ถึงยังไงก็ยังพอได้ระบายใคร่ ก็ผงกหัวตอบรับด้วยความพึงพอใจ
“ตกลง ถ้างั้นพวกเธอก็ไปยุ่งงานพวกเธอเถอะ ฉันจะไปหาอะไรกินเป็นมื้อค่ำหน่อย”
จ้าวเหมยเหมยผงกหัวพูดไป
ลูกเขยคนที่อยู่ข้างหน้านี้ มีเงินทองมากมาย เป็นถึงเจ้าของบริษัท อีกทั้งรู้จักคนใหญ่คนโตในเจียงหนาน เทียบกับไอ้ขยะมู่เซิ่งนั่น ดีกว่าไม่รู้จะกี่เท่า
“ที่รักจ๊ะ แม่เธอออกไปซื้อกับข้าวแล้ว พวกเรามาชื่นใจกันสักตั้งเถอะ”
พอจ้าวเหมยเหมยออกพ้นไป เฉินเสวียลี่อดรนทนไม่ไหวคว้าดึงตัวถงเสว่เหมยเข้าห้องไปบรรเลงเพลงโถมถลาฝ่าคลื่นลมกัน
อีกด้านหนึ่ง
พวกมู่เซิ่ง เพิ่งนั่งรถมาถึงโรงแรมไป๋ต้า
จ้าวหลินที่ถึงกับถูกจ้าวเหมยเหมยไล่ออกจากบ้าน ตอนนี้อารมณ์หงุดหงิดอย่างที่สุด มาถึงโรงแรมไป๋ต้า จัดสั่งเปิดห้องระดับเพรสซิเดนเชียลสูทมันทีเดียวสามห้องไปเลย บอกว่าจะระบายอารมณ์ให้สะใจ เล่นเอามู่เซิ่งขำไม่ออก
แต่ว่า เงินเล็ก ๆ น้อยแค่นี้ ในสายตาของเขา ก็ไม่ได้นับเป็นเรื่องหนักหนาอะไร
หลังจากขนสัมภาระต่าง ๆ เข้าในห้องเรียบร้อยแล้ว ในขณะนั้น ข้างนอกห้องก็ได้แว่วเสียงความไม่พอใจอย่างแรงดังเข้ามา
“ไอ๊หยา คุณหนูกู่ ต้องขอประทานโทษจริง ๆ เพราะผมหละหลวมไปเอง ไม่งั้น เดี๋ยวผมจัดห้องเปลี่ยนให้ท่านใหม่ห้องหนึ่ง?” เสียงขอโทษขอโพยของผู้จัดการทั่วไปรุ่นเก่าแก่ดังอยู่หน้าประตู
“เปลี่ยนห้อง?เปลี่ยนห้องอะไร?ฉันบอกแล้ว ช่วงนี้จะมีคนมาจัดงานแซยิด เป็นเรื่องสำคัญมาก คุณไปบอกคนข้างในนั้นเลย พวกเราจะเคลียร์พื้นที่ในทันทีเดี๋ยวนี้”
“อา….. คุณหนูกู่ พวกเขาก็เพิ่งจองห้องเข้ามาเดี๋ยวนี้เอง เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ตัวผมเอง ลืมคำสั่งของคุณ แต่การจะให้พวกเขาออกไปทันทีแบบนี้ ผมก็ทำตัวลำบากนะครับ”
คนที่สามารถเปิดห้องระดับเพรสซิเดนเชียลสูททีเดียวสามห้อง ระดับต้องไม่ใช่ธรรมดา ยิ่งไม่ใช่คนพื้นถิ่นอีกด้วย ในกรณีแบบนี้ ผู้จัดการทั่วไปรุ่นเก่าแก่ของโรงแรมไป๋ต้าก็ย่อมไม่อยากจะไปกระทบกระทั่งพวกเขา
จ้าวหลินได้ยินเสียงพูดพวกนี้อารมณ์โกรธก็พลุ่งขึ้น พูดด้วยเสียงอันดังไปว่า “ใครกันวะมาส่งเสียงน่ารำคาญไม่หยุดที่หน้าประตู จะไม่ให้คนพักผ่อนกันได้หรือไง?”
พอเสียงตะโกนของเธอดังขึ้น สายตามู่เซิ่งก็กวาดมองไปทันที
“ผมเองครับ ผู้จัดการโรงแรมไป๋ต้า หลี่หรานครับผม!”
พูดจบ ชายวัยกลางคนอายุสามสิบกว่าปรากฏตัวที่หน้าประตู เขากวาดสายตามองจ้าวหลินกับทุกคน สีหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจพูดว่า “ต้องขอประทานอภัยกับทุกท่าน ด้วยเพราะผมลืมไปว่ามีการเหมาจองทั้งโรงแรม หวังว่าพวกท่านจะได้โปรดให้ความกรุณา ย้ายไปพักโรงแรมอื่นด้วย”
“สำหรับค่ารถทั้งหมดกับค่าที่พัก เราโรงแรมไป๋ต้า ยินดีรับผิดชอบให้ทั้งหมด”
“มันเรื่องอะไรกัน?พวกเราเพิ่งจะเข้ามาอยู่เดี๋ยวนี้เอง แล้วก็จะมาไล่พวกเราออกไปเดี๋ยวนี้ มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือ?”
จ้าวหลินไม่ยอมเล่นด้วยในทันที พอย้ายเข้ามาก็ถูกไล่ออกไป วันนี้โดนเป็นครั้งที่สองแล้ว
“ต้องขออภัยอย่างสูง ท่านคุณผู้หญิง เป็นความบกพร่องของทางโรงแรมเราเอง ขอท่านได้โปรดกรุณาเถอะ” หลี่หรานก็รู้ว่าตัวเองไม่มีเหตุผลพอ ก้มหน้าโค้งคำนับไปพูดไป
“ไม่ย้าย ฉันไม่ย้ายก็คือไม่ย้าย” จ้าวหลินวางท่าแข็งกร้าว
เห็นท่าว่าไม่มีทางประนีประนอมได้ สีหน้าหลี่หรานค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้น เรื่องนี้เป็นความผิดของเขาจริงอยู่ แต่เขาก็ให้เกียรติกับจ้าวหลินเต็มที่แล้ว ฝ่ายตรงข้ามยังเชิดจมูกตอกกลับมาแบบนี้ ไม่สู้ฉีกหน้าล้มกระดานกันไปเลยดีกว่า
“หลี่หราน แกจัดการเรียบร้อยหรือยัง?พรุ่งนี้ก็ถึงงานวันจัดแซยิดแล้ว แกทำไมเป็นคนยืดยาดไม่เด็ดขาดแบบนี้” ข้างนอกแว่วเสียงเข้ามาอีกเสียงหนึ่ง ติดตามมาด้วยเจ้าของเสียง เดินอาด ๆ ก้าวเข้ามาในห้อง
“ยังไม่รีบออกไปให้พ้นอีก!” หลี่หรานลนลานขึ้นมาแล้ว พูดว่า “คุณรู้ไหมว่าคนที่คุณกำลังไปกระทบท่านอยู่เป็นใคร?คนตระกูลกู่แห่งเมืองเจียงหนาน นี่เป็นการเช่าเหมาทั้งหมดสำหรับจัดงานแซยิด!”
“กู่……บ้านตระกูลกู่?”
จ้าวหลินถึงกับชะงัก ตกใจจนหน้าซีดขาว
เธอเป็นคนอยู่เจียงหนาน ทำไมจะไม่รู้จักชื่อบ้านตระกูลกู่?
สายสาแหรกตระกูลเศรษฐีเยียนจิง ตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองเจียงหนาน!
ครั้งนั้น งานแซยิดของท่านเจียงสาม ก็ยังเล่นเอาท่านเจียงสามถึงกับลงคุกเข่าขอรับประทานอภัย แล้วเธอจะกล้าไปแข็งข้อกับตระกูลกู่ไหวหรือ?
“ขอประทานโทษ ฉันไปเดี๋ยวนี้เลยจ้ะ ย้ายออกไปเดี๋ยวนี้เลย” จ้าวหลินตามสันดานที่กลัวคนแข็งเป็นแต่รังแกคนอ่อนแอกว่าอยู่แล้ว เห็นป็นตระกูลกู่มา รีบลุกขึ้น เก็บข้าวของสัมภาระ เตรียมตัวย้ายออก
เจียงหว่านก็ขมวดคิ้วย่น แต่ก็สยบอยู่กับชื่อเสียงของตระกูลกู่ ไม่กล้ามีเสียง ก็เตรียมตัวตามจ้าวหลินย้ายออกไป
“คุณหนูกู่ ท่านจะฝืนใส่ความลำบากใจให้คนอื่นมากไปมั้ง?”
ขณะนั้นเอง เสียงเรียบ ๆ ของมู่เซิ่ง แว่วออกมาจากในห้องอย่างไม่เบาไม่หนัก