มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 185 ของขวัญจากใคร
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่185 ของขวัญจากใคร
“ใช่ ๆ ๆ รีบเปิดกระดาษจดข้อความนั่นดู”
เหล่าบรรดาญาติต่างรีบชิงพูด
พวกเขาก็สงสัยกันอยู่มาก ในกระดาษจดข้อความนั้น จะเขียนอะไรไว้มั่ง
จ้าวลิ่วป๋อเรียกสติคืนมาได้ หยิบเอากระดาษจดข้อความนั้นขึ้นมาดู ข้างในเขียนไว้ว่า “สุขสันต์วันเกิดครับคุณปู่ ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่พอจะแสดงถึงความเคารพ ส่งมาแทนลูกเขยของท่าน”
“ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ?” จ้าวลิ่วป๋ออ่านตัวหนังสือ เล่นเอาใจสะดุ้ง
นี่มันอำพันทะเลราคาแปดพันล้านนะ ถ้าหากว่าของขวัญระดับนี้ ยังจัดว่าเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วคนที่ส่งของขวัญนี้มา จะเป็นใครมีที่มาขนาดไหน?
เขาคงไม่มีทางรู้ได้ว่า เดิมทีของขวัญที่กู่ชิงเสวียนเตรียมจะให้กับจ้าวลิ่วป๋อนั้น ยิ่งจะเป็นที่ฮือฮากันทั้งงาน และราคาสูงล้ำกว่านี้อีกมาก เพียงแต่ว่าเมื่อวานเจอมู่เซิ่งเข้า โดนอบรมตำหนิเรื่องการใช้จ่ายที่เอิกเกริกฟุ่มเฟือยกันเกินไป กลับไปถึงได้ให้คุณปู่ของเธอเปลี่ยนส่งเป็นอำพันทะเลตัวนี้ แต่ตัวเองก็ไม่กล้ามาที่นี่เอง
ผ่านเหตุการณ์เมื่อวานนี้แล้ว ตอนนี้ตัวเธอเอง ยังคิดไม่ตกเลยว่าจะวางสีหน้าท่าทีรับหน้ามู่เซิ่งท่าไหน
“เพื่อนสนิทของหลานลูกเขย?ท่านปู่จ้าว จะเป็นลูกเขยของหลานสาวของท่านส่งมาให้งั้นหรือ?”
“ฉันก็ไม่รู้สิ ข้างบนเขาเขียนไว้อย่างนี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ” จ้าวลิ่วป๋อก็พูดด้วยความรู้สึกมืดมน
สายตาของทุกคนมองไปที่มู่เซิ่งอย่างเอะใจ คิดจะค้นหาความจริง เผื่อจะรู้เรื่องจากการแสดงออกบนใบหน้าของเขา
แต่ทว่าบนใบหน้ามู่เซิ่งคงมีแต่ความเฉยเมย สำหรับของขวัญชิ้นนี้ ดูเหมือนจะรู้อยู่แก่ใจแล้ว
เหล่าบรรดาญาตินั้นต่างรู้สึกอัศจรรย์ใจขึ้นมาในพลัน พูดกันออกมาอย่างไม่คิดจะเชื่อว่า “นี่ จะเป็นไปได้ยังไง?อำพันทะเลราคาตั้งแปดสิบกว่าล้าน จะใช่มู่เซิ่งมอบให้จริงหรือ?”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้?” จ้าวหลินพูดอย่างหน้าชื่นตาบาน
ในสายตาของเธอ เชื่อแน่นอนว่ามู่เซิ่งต้องการให้เธอได้หน้า จึงตั้งใจส่งของขวัญชิ้นนี้มา
อีกอย่าง ระดับอย่างมู่เซิ่ง ต้องอยู่ในฐานะที่จัดให้ได้แน่นอน
จ้าวเหมยเหมยมีปฏิกิริยาโต้ตอบทันที ปฏิเสธการกล่าวอ้างของจ้าวหลินอย่างสิ้นเชิง “เฮอะ ๆ ไอ้ลูกเขยขยะบ้านเธอคนนั้นรึ ตัวเองยังต้องขออาศัยกินอยู่ที่บ้านเลย จะไปเอาปัญญาที่ไหนมาส่งของขวัญล้ำค่าขนาดนี้? เธออย่ามัวฝันกลางวันอยู่เลย”
“ใช่แล้ว มู่เซิ่งเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เขาไม่มีงานทำ มันก็คือพวกเศษขยะเกาะชายกระโปรงหากิน คนแบบนี้ไม่มาขอเงินที่บ้านเราก็ว่าดีแล้ว แล้วจะมีเงินที่ไหนไปซื้อของขวัญอีก?”
เจียงหว่านขมวดคิ้วย่น
เธอไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อมู่เซิ่งจะซื้ออำพันทะเลนี้ได้ แต่เป็นเพราะมู่เซิ่งได้ซื้อของขวัญให้มาแล้ว ถึงแม้ถ้าเขาคิดจะให้เพิ่มอีกสักชิ้น ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องทำลับ ๆ ล่อ ๆ และไม่คิดปรึกษากับตัวเองมัง?
“ไอ้ขยะ แกไม่คิดจะพูดอะไรเองมั่งเลยหรือ?” จ้าวเหมยเหมยพูดอย่างเหยียด ๆ
ในใจของเธอนั้น มั่นใจอยู่แต่แรกแล้ว งานนี้ไม่ได้ไปเกี่ยวอะไรกับมู่เซิ่ง
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ ก็ต่างเงียบเสียงลงทันที พวกเขาก็อยากรอดู มู่เซิ่งจะว่ายังไง
“ท่านปู่จ้าว นี่เป็นของที่เพื่อนของผมส่งแทนผมมาให้จริง ๆ ท่านรับไว้เถอะ” มู่เซิ่งผงกหัว แล้วพูด
“ซืด!”
เสียงพูดจบ
ทั่วทั้งห้องพิเศษนี้ แว่วยินแต่เสียงเฮือกที่เย็นหนาวจากการสูดหายใจ
อะไรแม่งนี่!
เป็นมู่เซิ่งส่งให้จริง ๆ ด้วย?
“ไอ้เศษขยะ แกนี่หน้าด้านจริง ๆ ของระดับนี้ เป็นของบ้านแกส่งให้ได้ยังไง!” จ้าวเหมยเหมยยิ้มเยาะเย้ยไม่หยุด เอ่ยปากพูดประชดอีกว่า “บ้านแกมีฐานะยังไง ตัวเองยังไม่รู้รึไง?”
“เหอ ๆ หรือไม่ใช่ของลูกเขยบ้านฉันส่งให้ แต่เป็นของลูกเขยบ้านเธอส่งหรือไง?” จ้าวหลินย้อนว่าเข้าให้
“แล้วทำไมจะไม่ได้?ฉันจะบอกเธอให้นะ จริง ๆ ก็บ้านฉันนี่แหละให้มา!”
“เริ่มแรก ฉันก็ไม่อยากพูดหรอกนะ แต่ว่า ไม่คิดว่าเธอจะน่าด้านขนาดนี้ เอาของที่ลูกเขยข้าให้มา อ้างไปเป็นของตัวเองให้ จ้าวหลิน ฉันไม่คิดเลยนะว่าเธอจะเป็นแบบนี้ไปได้”
จ้าวเหมยเหมยดึงเฉินเสวียลี่เข้ามาพูดว่า “เสวียลี่บ้านฉันนี่นะ เขารู้จักกับเจ้าของโรงแรมไป๋ต้านี่นะ ของขวัญชิ้นนี้ น่าจะต้องเป็นของเขาให้มา”
ของขวัญมูลค่าแปดสิบกว่าล้าน ทำเอาใจของเฉินเสวียลี่ยังสะท้าน แต่มาตอนนี้ที่อยู่ต่อหน้าคนมากมาย ถูกจ้าวเหมยเหมยเชิดขึ้นมาจนหาทางลงไม่ได้ จึงได้แต่แกล้งทำเป็นผงกหัวพูดไปอย่างมั่นใจว่า “ใช่ครับ ผมรู้จักกับเจ้าของโรงแรมไป๋ต้านี้จริง ๆ”
“ได้ยินหรือยัง เฉินเสวียลี่รู้จักแต่คนใหญ่คนโต อย่างแกไอ้ขยะนี่ รู้จักมั้ย?” จ้าวเหมยเหมยพูดอย่างหน้าชื่นหน้าบาน
คำพูดจบลง เหล่าบรรดาญาติทั้งปวงที่ยังไม่คลายจากความมหัศจรรย์ใจ ต่างก็รู้แจ้งขึ้นมาได้ในทันที
ก็ใช่เลยนะ
พวกเขามัวแต่พุ่งความสนใจไปที่ลูกเขยขี้ขยะของจ้าวหลิน ลืมกันไปว่าเฉินเสวียลี่ถึงแม้ยังไม่ได้แต่งงานกับถงเสว่เหมย แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นลูกเขยของจ้าวเหมยเหมยได้ อีกทั้งเขาก็เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่โต ของขวัญราคาสูงล้ำขนาดนี้ แปด-เก้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้ที่เขาเป็นคนส่ง
“คุณแน่ใจ?”
มู่เซิ่งได้ยินมาแบบนี้ ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาให้เห็น
“เฮ้ย นี่คุณหมายความว่ายังไง?วางฟอร์มอย่างกับเป็นคนส่งของนี้มาให้งั้นแหละ”
“ก็นั่นนะสิ แกแม้แต่งานการก็ไม่มี จะไปรู้จักคนชั้นขนาดไหนกัน ฉันว่าระดับเจ้าหน้าที่รัฐที่แกรู้จัก ก็น่าจะแค่ประธานกรรมการชุมชนหมู่บ้านพวกนั้นมั้ง?”
“ฮา ๆ ๆ ที่พูดอาจไม่ถูกต้องนัก ต้องพวกเถ้าแก่ใหญ่ วัน ๆ อยู่กับบ้านซักเสื้อผ้าทำกับข้าว”
แต่ละคนเห็นมู่เซิ่งยิ้มอย่างหยอกเย้ายวนเล่น ในใจยิ่งเพิ่มความหมั่นไส้ แค่เศษเดนขยะ ยังจะมาสวมรอยกับเค้าด้วย
ยิ่งกว่านั้น เฉินเสวียลี่ยังมีการรับปากจะช่วยเหลือพวกเขา ตามเหตุตามผล พวกเขาก็ต้องยืนอยู่ข้างเฉินเสวียลี่อยู่แล้ว เพื่อช่วยกันต่อว่ามู่เซิ่ง ในการที่ไม่ยอมรับความเป็นจริง
เฉินเสวียลี่เห็นได้ที ความมั่นใจก็เพิ่มขึ้นอีกมาก ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “แน่ไม่แน่ โทรศัพท์ไปทีเดียวก็รู้เรื่องแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ได้ คุณโทรเลย” มู่เซิ่งผงกหัวแล้วพูดไป
“เฮอะ ๆ ไอ้เศษขยะนี่ ประเภทไม่เห็นโลงศพไม่ยอมหลั่งน้ำตาจริง ๆ ”
“ต้องรอให้ถูกฉีกหน้ากากออกแล้วถึงจะเลิก คนสมัยนี้นี่หนอ หน้ามันหนาจริง ๆ ”
“ก็ถ้าหน้าไม่หนาจริง มีหรือจะยอมเป็นบ่าวให้เขาแต่งเข้า”
เหล่าบรรดาญาติแต่ละคนจ้องมู่เซิ่งด้วยหน้าตาไม่เป็นมิตรด้วยเลย ในใจมีแต่คิดไว้ เดี๋ยวรอให้เรื่องแตกออกมา จะต้องสบประมาทว่าประชดให้สะใจ ให้มันไม่มีหน้ากล้าจะอยู่ที่นี่ต่อไป
อย่างรวดเร็ว เฉินเสวียลี่ต่อโทรศัพท์ถึงหลี่หราน
เขาถือโทรศัพท์อยู่ในมือ ยังจงใจกดปุ่มแฮนด์ฟรีด้วย
“ฮัลโหล ประธานหลี่ ผมเองครับ เสวียลี่”
“อ๋อ คุณเองหรือ อาหารในงานนี้เป็นยังไง?ถ้าอาหารไม่พอ ผมจะสั่งพ่อครัวจัดเพิ่มอีกได้” หลี่หรานมือถือโทรศัพท์ พูดอย่างจริงใจ
ได้ยินคำพูดที่แสดงออกในความจริงใจแบบนี้ เฉินเสวียลี่เกิดความมั่นใจอีกมาก แม้แต่บนใบหน้าของจ้าวเหมยเหมย ก็ยิ่งเต็มไปด้วยสีสันของความพอใจ
ฉันพูดไว้ไม่ผิดนะ
ลูกเขยบ้านฉัน รู้จักเจ้าของโรงแรมไป๋ต้าของจริงนะ แม้กระทั่งการจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ ล้วนเป็นการจัดการด้วยตัวเขาเอง
มู่เซิ่งมองฉากที่เห็นอยู่นี้ ได้แต่หัวเราะไม่มีอะไรจะพูด
“ใช่แล้วท่านประธานหลี่ งานวันเกิดคุณปู่ผม ของขวัญชิ้นนี้ คุณเป็นคนสั่งให้ส่งมาหรือครับ?” เฉินเสวียลี่หยุดนิดแล้วพูดต่อ
“ใช่นะ แต่ว่า ผมคงไม่มีปัญญาส่งของขวัญมีค่าสูงล้ำขนาดนั้นนะ เป็นของ ๆ เจ้านายผมสั่งให้ผมส่งมา” หลี่หรานพูด
“ท่านประธานหลี่ เจ้านายของท่าน?” เฉินเสวียลี่ถึงกับสะอึก
“เป็นเจ้านายของผมสั่งฝากของขวัญชิ้นนี้มา แต่เขามีความรู้สึกไม่สบายใจ ฉะนั้นในงานฉลองนี้ ก็จึงไม่อยากออกหน้ามาเอง” หลี่หรานพูดไปต่อ “แต่สิ่งที่เธอจะพูดก็ได้เขียนไว้ในของขวัญนั้นแล้ว อวยพรให้ท่านจ้าววาสนาบุญเทียมทะเลตงไห่ อายุวัฒน์ยาวนานดุจเขาหนานซาน”
“ประธานหลี่ ท่านให้เกียรติมากไปแล้ว ไม่คิดว่าผมจะได้รับเกียรติสูงมากขนาดนี้”
เฉินเสวียลี่ผงกหัวกับเสียงหัวเราะ ไม่คิดเลยว่า ยังมีคนให้เกียรติเขาถึงขนาดนี้ ส่งของขวัญมาให้ถึงขนาดแปดสิบล้าน
ในขณะเดียวกัน ในใจของเขาก็รู้สึกคันอยากรู้ ผู้ยิ่งใหญ่คนไหนหนอ คิดอยากลงมาคบหากับเขา?
“ฮ่า ๆ ๆ ฉันว่าแล้ว ไอ้เศษขยะอย่างแก จะมีปัญญาอะไรส่งของขวัญล้ำค่าขนาดนี้มาได้?”
“นั่นสิ แล้วยังคิดจะมาแย่งความชอบ มันก็ต้องมีลงทุนมั่งนะจ๊ะ”
“ท่านประธานเฉินถึงแม้ไม่ได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน แต่ถึงยังไงก็ประธานใหญ่บริษัท มีคุณสมบัติพอที่จะรู้จักคนใหญ่คนโต แล้วแกหละ?ประมาณว่าให้ไปยืนอยู่หน้าพวกเขายังไม่รู้จักว่าแกเป็นใครด้วยมั้ง?”
เหล่าบรรดาญาติทั้งหลายไม่มีการเก็บออมคำพูดแดกดันแต่อย่างไร มู่เซิ่งในสายตาของพวกเขา ก็ไม่ได้ดีไปกว่าหมาตัวหนึ่ง สำหรับหมาตัวหนึ่ง พวกเขายังต้องไปให้เกียรติด้วยอีกหรือ?
ขณะที่เจียงหว่านกำลังจะออกอาการกราดเกรี้ยว เสียงพูดจากฟากตรงข้ามที่พูดมา ทำเอาทั้งห้องชุดเหมานี้ เงียบสงัดลงในฉับพลัน
“หน้าตาของแก?เฉินเสวียลี่ แกกำลังพูดอะไรนั่น แกมีหน้าตาอะไร ถึงขนาดเจ้านายฉันจะส่งของขวัญให้?”