มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 192 ไม่มีไป๋เมี่ยนเซียวอีกต่อไป
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่192 ไม่มีไป๋เมี่ยนเซียวอีกต่อไป
ปัง!
หนึ่งในชายฉกรรจ์ออกหมัดอย่างแรง อัดลงใส่ท้องซียวผิงอย่างหนักหน่วง
เซียวผิงสะท้านไปทั้งตัว ความเจ็บปวดชนิดเสียดแทงใจแผ่ไปทั้งตัว หมัดนี้แรงหนักมหาศาล ทำเอาเขาคิดว่าซี่โครงเขาต้องหักไปหลายซี่แล้วเป็นแน่
พวกนักมวยใต้ดินเหล่านี้ พวกเขาทุกคนต่างอยู่กันบนเส้นขอบของความเป็นความตาย ตลอดเวลานั้นอยู่กับการต่อสู้ ไม่ว่ากับใครแม้เป็นคนธรรมดา ก็ไม่มีการออมมือ ใครจะไปรู้ว่าเอ็งจะมีไม้ตายอะไรหรือเปล่า โดยเฉพาะ พี่เฮยเจียวที่ยืนอยู่ข้างบน ยังเจาะจงให้ว่าต้องเอาใจใส่ผู้ชายคนนี้ให้ดี ๆ
พวกเขาจึงได้ใช้ไม้เด็ดเท่าที่มีในทันที ถล่มใส่ให้กับเซียวผิงทั้งหมด
“เสือดำควักหัวใจ!”
ชายฉกรรจ์อีกคนคำรามเสียงลั่น กำปั้นเหมือนดั่งพายุ อัดลงไปอย่างแรง
เซียวผิงที่เพิ่งคลานลุกยืนขึ้นได้ กระอักเลือดสด ๆ ออกมา ล้มลงไปกับพื้น หมัดนี้มีน้ำหนักมากขึ้นไปอีก เจ็บปวดจนหน้าตาบูดเบี้ยวไปอย่างน่าเกลียดน่ากลัว ม้วนตัวขดอยู่กับพื้น ตัวสั่นชักกระตุกไม่ได้หยุด
“เอามันให้ตาย!”
“เอามันให้ตาย!”
“เอามันให้ตาย!”
พวกคนดูอยู่เห็นภาพนี้เข้า ต่างก็ตื่นใจกันสุด ๆ ขึ้นมาทันที
พวกเขามากันที่นี่ ก็เพื่อมาหาความเร้าใจ ภาพที่เห็นข้างหน้า จึงสร้างความสะใจกับพวกเขาอย่างถึงที่สุด
“พี่เฮยเจียว ช่วยผมด้วย ผมไม่อยากตายอยู่ที่นี่”
เซียวผิงคุกเข่าอยู่กับพื้น ร้องไห้ฟูมฟาย
เขารู้ตัว ถ้ายังไม่ออกมา เขาก็จะต้องตายอยู่ตรงนี้แน่ ๆ!
มู่เซิ่งก้มหน้าลง มองจากที่สูงดูเหตุการณ์ที่สังเวียนข้างล่าง แววตาเรียบเฉย นิ่งเหมือนน้ำในบ่อเก่า
ในใจเขาเข้าใจแจ่มชัด ถ้าตัวเขาเองไม่มีอะไรหนุนหลัง น่ากลัวว่าที่ถูกโยนลงไปที่สังเวียนนั่น โดนรุมสกรับจนตายคนนั้นคงต้องเป็นตัวเขาเอง เขาไม่เชื่อเป็นแน่ว่า เซียวผิงจะให้พวกนักมวยออมมือให้
มู่เซิ่งมีความเชื่ออันหนึ่งตลอดมาว่า การให้ความเมตตากับศัตรูนั้น นั่นก็คือการใช้ความทารุณโหดร้ายใส่ตัวเอง
“เหลือลมหายใจไว้ก็แล้วกัน” มู่เซิ่งทิ้งประโยคชืด ๆ นี้ไว้ หันหลังจากไป
“นับว่าแกยังโชคดี พี่มู่ถึงยังไม่อยากเอาชีวิตหมา ๆ ของแก!” เฮยเจียวพูดอยู่ข้าง ๆ “แต่ว่า นี่ก็แค่เพียงโอกาสสุดท้ายของแกเท่านั้นนะ ถ้าแกขืนไปกระทบกระทั่งพี่มู่อีกละก้อ ตระกูลเซียวทั้งตระกูล ก็จะต้องเป็นเครื่องสังเวยพร้อมไปกับศพแก!”
ในจังหวะนั้น เขาก็ได้พูดกับนักมวยข้างล่างสองคนนั้นว่า “สิบนาที ให้พวกแกสิบนาที แล้วค่อยโยนออกไป”
เซียวผิงได้ยินกับที่พูด ปิดตาลงอย่างหมดหวัง
ถึงแม้ว่าเขา ไม่ต้องถึงตายอยู่ที่นี่ แต่เวลาสิบนาทีต่อไปนี้ เป็นการให้เขาต้องอยู่ในนรก น่ากลัวทั้งชาติของเขาต่อไปนี้ นี่เป็นเวลาที่ไม่มีวันลืมได้
แต่ทว่า จนถูกอัดถึงเกือบสลบหมดสติแล้ว เซียวผิงก็ยังคิดไม่ตก ทำไมเฮยเจียวถึงได้ออกอาการเคารพนอบน้อมต่อไอ้ขยะคนนั้น ถึงขนาดยังพูดยังกับเรื่องตลกว่าตระกูลเซียวทั้งหมดจะต้องไปเป็นเครื่องสังเวยพร้อมกับศพเขา
“เกิดอะไรขึ้นกับเตาจั๋ว?”
เข้ามาในห้องพิเศษแล้ว มู่เซิ่งถือวิสาสะนั่งลง เอ่ยปากถาม
“คุณชายมู่ ในระยะหลัง ๆ นี้มาผมก็ทำตามคำสั่งท่านให้ฝึกฝนเตาจั๋ว โดยให้เขาแวะไปตามสนามมวยใต้ดินต่าง ๆ เพื่อฝึกพลังฝีมือตัวเอง แต่ทั่วทั้งเจียงหนานนั้น นอกจากสนามมวยของผมแล้ว ยังมีสนามมวยไป๋เมี่ยนเซียว” จางเสวียนหลงเอ่ยปากพูดขึ้น
ทั่วทั้งเจียงหนาน มีลูกพี่ระดับหัวมังกรอยู่สองคน นอกจากจางเสวียนหลงแล้ว อีกคนหนึ่ง ก็คือที่มีฉายาว่าไป๋เมี่ยนเซียวโจวเซียว
“เริ่มแรกมา เตาจั๋วก็ไล่ซ้อมมืออยู่กับนักมวยพื้นที่ในสังกัดของเรา เมื่อไล่ประลองฝีมือกับนักมวยในสังกัดของเราหมดแล้ว ก็จึงได้ไปท้าประลองที่สนามมวยใต้ดินของไป๋เมี่ยนเซียว นักมวยแต่ละคนของสนามมวย ก็ไม่มีใครรับมือเขาได้แม้แค่เพียงหมัดเดียว จนมาถึงในรายการสุดท้าย เขากลับต้องแพ้ อีกทั้งยังต้องรับบาดเจ็บมาอย่างสาหัส” จางเสวียนหลงนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ค่อย ๆ เล่าออกมา
“อื๋อ แพ้?”
สีหน้าราบเรียบของมู่เซิ่ง ออกอาการประหลาดใจเล็กน้อย
ไม่เคยคิดเลยว่าในเมืองเจียงหนานที่ไม่ได้ใหญ่มากนี้ ยังจะมีคนที่ทำให้เตาจั๋วยอมรับความพ่ายแพ้ได้
“ฝีมือเขาเป็นยังไง?” มู่เซิ่งถาม
“ฝีมือฝ่ายตรงข้าก็จัดว่าเก่งอยู่ แต่ยังไงก็สู้เตาจั๋วไม่ได้” จางเสวียนหลงส่ายหน้า พูดว่า “คุณมู่ เรื่องรายละเอียดในการประลองฝีมือ คุณไปคุยกับเตาจั๋วด้วยตัวเองเลยดีกว่า”
มู่เซิ่งยิ้มเรียบ ๆ พูดว่า “ได้ คุณพาผมไปเดี๋ยวนี้เลย”
จางเสวียนหลงก็สั่งให้คนเตรียมรถทันที แล้วพากันตรงไปที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดของเจียงหนาน
ภายในห้องคนไข้ที่ชั้นห้า เมื่อเห็นสภาพเตาจั๋วที่นอนอยู่บนเตียงคนป่วย แววตาของเขาฉายแววเครียดที่หนาวเยือก
เพราะทั้งตัวของเตาจั๋ว ถูกห่อมัดด้วยผ้าก๊อซ ลักษณะกระดูกแขนขาแตกหักหมด ยิ่งกว่านั้นคือ ถูกทำลายไปหมดทั้งตัว!
“พี่มู่ พี่มาแล้ว?” เตาจั๋วที่นอนอยู่บนเตียง ยิ้มออกมาอย่างใสซื่อ
“คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” ถามไป
“ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ผมรู้สึกดีทีเดียว คุณหมอบอกว่าผมมีสรีระที่ผิดกับคนธรรมดา แค่เพียงให้นอนพักสักระยะหนึ่ง ทุกอย่างก็จะปกติ” เตาจั๋วพูดไปกับรอยยิ้ม
ทำอย่างกับว่าคนที่บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ไม่ใช่ตัวเอง
แววตามู่เซิ่งหนาววูบ ถามไปว่า
“เตาจั๋ว เรื่องมันเป็นยังไงแน่?”
พูดอย่างไม่น่าฟังนัก จะตีหมาก็ต้องเห็นแก่หน้าเจ้าของ!เตาจั๋วถึงแม้เป็นลูกน้องเขา ตอนนี้ถูกทำร้ายถึงขนาดนี้ ในใจมู่เซิ่งก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเคืองโกรธ!
“ครับพี่มู่ พวกมันเล่นใช้กินยา” เตาจั๋วเก็บรอยยิ้มใสซื่อของเขาขึ้น พูดอย่างจริงจัง “ไอ้นักมวยคนที่ชื่อว่างูไวเปอร์นั่นฝีมือสู้ผมไม่ได้ พอเห็นท่าจะแพ้ ไอ้ไป๋เมี่ยนเซียวนั่นก็รีบสั่งไอ้งูไวเปอร์กลับในทันที บอกว่าขอเวลานอก แล้วค่อยสู้กันใหม่ครึ่งเวลาหลัง”
“ตอนนั้นผมก็คิดว่าจะให้มันยอมรับการแพ้อย่างหมดใจ ก็ไม่ได้คิดเอะใจ ก็ตอบตกลงไป”
“แต่ใครจะไปรู้ได้ ไอ้งูไวเปอร์พอกลับมาอีกที เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน!หมัดของผมที่อัดลงไปกับตัวมัน มันไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย อีกทั้งพละกำลังของมันเหมือนกับใช้ไม่รู้จักหมด เริ่มแรกผมก็ยังอาศัยฝีมืออยู่ในสภาพได้เปรียบอยู่ แต่มาตอนหลัง กำลังใช้จนหมด เลยกลายเป็นสู้มันไม่ได้เลย”
“ตอนนั้นเตาจั๋วก็ได้ขอยอมแพ้แล้ว แต่กลับถูกไอ้งูไวเปอร์จับหักแขนหักขาไปดื้อ ๆ ไอ้หมอนั่น ลงมืออย่างโหดเหี้ยมจริง ๆ!” จางเสวียนหลงพูดเสียงเบา ๆ อยู่ข้าง ๆ
ขอยอมแพ้แล้ว กลับยังถูกหักแขนหักขา?
ได้ยินคำนี้เข้า ความหนาวเยือกในแววตาของมู่เซิ่งปิดเก็บซ่อนไม่อยู่แล้ว!
“คืนนี้ ฉันจะไปเจอกับไอ้งูไวเปอร์เอง!” มู่เซิ่งพูดเสียงหนาวเยือก
จางเสวียนหลงถึงกับสะอึก รีบถามกลับไปทันที “พี่มู่ ไอ้งูไวเปอร์พอมันได้กินยาเข้าไปแล้ว ดูเหมือนมันจะไม่รู้จักเจ็บปวด ถึงแม้พี่จะมีพละกำลังมากยังไง ก็ไม่มีทางจะไปสู้กับมันได้เลยนะ”
“คุณมองว่าฉันจะสู้มันไม่ได้หรือ?” มู่เซิ่งหันหน้าไปถาม
“ไม่ครับ ไม่กล้าคิดอย่างนั้นนะครับ” จางเสวียนหลงสะท้านขึ้นมานิด รีบส่ายหน้า
ถึงแม้เขาจะไม่เคยเห็นตอนที่มู่เซิ่งลงมือต่อสู้จริง ๆ
แต่ทว่า แววการฆ่าที่ดูเป็นจริงที่สำแดงออกจากตัว ฝีมือจริง คงไม่เบาเป็นแน่
“ในเมื่อรู้สึกว่าฉันชนะได้ แล้วยังมีอะไรต้องกังวลอีกเล่า?” มู่เซิ่งแค่นหัวเราะ
ยาเม็ดแบบนี้ เขาเคยเห็นที่บ้านตระกูลมู่
มันก็คือยาเม็ดชนิดนี้ เป็นยาที่ใช้โสมคนผสมขึ้นเป็นตัวชูกำลังอย่างแรง ให้ผลรุนแรงกว่าพวกยากระตุ้นประสาททั่วไปอีกเกินร้อยเท่า ในวงการมวยใต้ดิน เรียกว่ามีกันเกลื่อนจนเห็นเป็นของทั่วไป คนที่ตายเพราะกินยานี้เกินขนาด มีให้พบเห็นอยู่บ่อย แต่ว่าของพวกนี้เห็นมีแต่ระบาดกันในกลุ่มเศรษฐีอิทธิพลในเยี่ยนจิง ไม่คิดว่าตอนนี้ ในเจียงหนานก็มีคนเอามันมาใช้
รู้จักยาชนิดนี้ แน่นอนว่ามู่เซิ่งก็ย่อมรู้จัก วิธีแก้ทางของมัน
แค่เพียงใช้นิ้วจี้สกัดจุดตรงใต้รักแร้ลงมาสองนิ้ว ฤทธิ์ยาตัวนี้ก็จะสลายไปทันที และด้วยผลข้างเคียงของยา สมรรถนะของร่างกายจะทรุดลงกว่าก่อนใช้ยาอีก
“พี่มู่ ผมอยากขอไปดูด้วย!” เตาจั๋วนอนบนเตียงคนไข้พูดยิ้ม ๆ
มู่เซิ่งขมึงตาใส่อย่างอดไม่ได้ พูดว่า “สภาพแกเป็นถึงขนาดนี้ จะไปดูได้ยังไงกัน?”
เตาจั๋วใช้มือที่พอจะเหลือขยับได้อยู่ข้างเดียวนั้นเคาะที่หัว พูดว่า “ผมนั่งรถเข็นได้ ให้พี่หลงช่วยเข็นนะ ผมอยากได้เห็นพี่มู่แสดงฝีมือ”
ครั้งนั้นที่คฤหาสน์ซีไห่ หลังจากมู่เซิ่งถล่มมือปืนคุ้มกันที่เจียงเทาฉินพามา เตาจั๋วก็รู้แล้วว่า พลังฝีมือของมู่เซิ่ง จะต้องเหนือเขา
แต่ทว่า กับพลังฝีมือมู่เซิ่งจะสูงสักแค่ไหนนั้น เตาจั๋วก็อยากรู้อยู่เหมือนกัน
“จางเสวียนหลง คุณว่าหละ?” มู่เซิ่งหัวเราะ มองจางเสวียนหลงที่ยืนข้าง ๆ
“พี่มู่ สำหรับผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” จางเสวียนหลงพูด
หลายวันที่อยู่ใกล้ชิดกัน ความประทับใจกับเตาจั๋วนั้น เห็นได้ว่าเขาเป็นคนใสซื่อ จริงใจ แม้นว่าต่อสู้กันชนิดเอาเป็นเอาตายกันบนสังเวียน หากว่าฝ่ายตรงข้ามยอมแพ้ หรือกำลังมีอันตราย เขาก็ยังจะออมมือ หรือถึงขนาดยื่นมือช่วยดึงประคองให้
เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ครั้งนี้ เตาจั๋วโดนอัดถึงขนาดนี้ จางเสวียนหลงก็โกรธแค้นเป็นอย่างมาก
หากแต่ว่า กำลังจริงของไอ้ไป๋เมี่ยนเซียวนั่นไม่ได้ด้อยไปกว่าท่านหลง เผลอ ๆ ยังจะเหนือกว่าเขาอีก ฉะนั้นถึงแม้จะโกรธแค้นมาก จางเสวียนหลงก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
“วันนี้ต้องบอกกับพี่น้องเราสักหน่อยนะ คืนนี้อาจจะต้องมีงานยุ่งหน่อย” ก่อนจะออกไป มู่เซิ่งเอ่ยปากพูดเสียงเรียบ ๆ
“คุณชายมู่ นี่ท่าน…..”
จางเสวียนหลงถามอย่างสงสัย
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั่วทั้งเจียงหนาน จะมีกลุ่มอิทธิพลอยู่เพียงกลุ่มเดียว คุณคิดว่าจะไม่เรียกคนเพิ่มอีกหน่อย แล้วจะเคลียร์กิจการของไป๋เมี่ยนเซียวได้เรียบร้อยหมดจดหรือ?” มู่เซิ่งทิ้งท้ายคำพูดไว้ ผลักประตูเดินจากไป
ส่วนท่านหลงในขณะนั้น กลับเหมือนถูกไฟฟ้าช๊อต ทั้งตัวเป็นเหมือนตะแกรงร่อนแกลบ สั่นไปไม่ได้หยุด
ทั่วทั้งเจียงหนาน จะไม่มีไป๋เมี่ยนเซียวอีก?
ตั้งแต่เขาติดตามมู่เซิ่งมา รอคำ ๆ นี้ รอมานานเท่าไหร่แล้ว?
สำหรับการรับปากของมู่เซิ่ง เขาไม่มีความสงสัยเลยแม้แต่น้อย!เพราะในสายตาของเขา พลังฝีมือของมู่เซิ่ง ล้มล้างไป๋เมี่ยนเซียวทิ้งได้อย่างแน่นอน
“ขอบคุณคุณชายมู่ ขอบคุณคุณชายมู่!”
จางเสวียนหลงมองไปตามเส้นทางที่มู่เซิ่งเดินออกไป คุกเข่าลงอย่างหนักหน่วง แหงนหน้าขึ้นในพลัน กู่ก้องลั่นฟ้า ดีใจอย่างลืมตัว