มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 193 หมัดเดียวจบ
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่193 หมัดเดียวจบ
สนามมวยใต้ดิน เป็นธุรกิจมืด แต่ธุรกิจประเภทนี้ กลับมีคนชอบเข้ามาดูกันมาก เพราะพวกเขาอยากหาความสะใจ ติดตามจ้องมองหมัดที่เข้าถึงเนื้อเห็นถึงเลือด และยังมีมากกว่านั้นไม่น้อย ถึงขนาดเทหมดหน้าตัก ลงพนันอย่างทุ่มทรัพย์สินกันหมดบ้าน
สำหรับไป๋เมี่ยนเซียวนั้น ที่สามารถก้าวขึ้นเป็นเจ้าพ่อเทียบเคียงกับจางเสวียนหลงได้ เพราะเขาก็มีความสามารถของเขาอยู่ ถึงแม้จะว่า ชื่อเสียงของไป๋เมี่ยนเซียวไม่ได้กว้างขวางเท่าจางเสวียนหลง ลูกน้องก็ไม่ได้มีมากเท่าท่านหลง แต่ว่า ถ้าให้มาสู้กันตัวต่อตัว จางเสวียนหลงยังห่างไป๋เมี่ยนเซียวอีกไกล
ลูกน้องของจางเสวียนหลง จะมีก็เฮียหู่กับเฮยเจียวสองคนนี้นี่แหละที่เป็นนักมวยที่ใช้ได้ แต่ลูกน้องของไป๋เมี่ยนเซียวนั้น กลับมีชัด ๆ ถึงสิบคน!คนที่ร้ายกาจที่สุดก็คืองูไวเปอร์
ที่ตายไปด้วยน้ำมือเขา ก็มีไปแล้วมากถึงสิบคน
นักมวยฝีมือฉกาจขนาดนี้ โดยปกติก็จะนั่งคุมประจำสนามมวยใต้ดินใหญ่ที่สุดของไป๋เมี่ยนเซียว มีแต่เฉพาะในโอกาสวันหยุดพิเศษ หรือเจ้านายเสนอเงินก้อนโตให้ จึงจะออกมาโชว์ตัว
แน่นอน ก็ยังมีอีกสามกรณีที่จะให้เขาออกหน้า
นั้นก็คือเหมือนกรณีที่เตาจั๋ว มาถล่มถึงหน้าประตูสนาม ทำเอานักมวยที่ยืนแถวหน้า ๆ แพ้พ่ายกันลงไป นั่นแหละงูไวเปอร์จึงจะปรากฏตัวออกมาเอง
วันนี้ เป็นวันสุดสัปดาห์
คนเข้าชมในสนามคึกคักเอามาก ๆ ตัวไป๋เมี่ยนเซียวก็ได้มาด้วยตัวเอง นั่งปักหลักอยู่กับโต๊ะกลุ่มแขกวีไอพี
“ท่านเซียว ไอ้เจ้าคนที่ชื่อเตาจั๋วนั่น ถูกส่งไปอยู่โรงพยาบาลแล้ว อย่างน้อยคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าจะออกมาได้ ทว่าไอ้จางเสวียนหลงนั่นก็ร้ายกาจเอาการ ถึงขนาดไปเรียกนักมวยฝีมือฉกาจขนาดนี้มา” เด็กหนุ่มยืนอย่างนอบน้อมในชุดสากลพูด
เขาก็รู้สึกตื่นตระหนกมาก เพราะนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็น ยังมีคน ถึงขนาดสามารถบีบเอางูไวเปอร์ต้องใช้ยาช่วย
ไป๋เมี่ยนเซียวที่มีปานสีขาวขนาดเท่าฝ่ามือบนใบหน้า ซึ่งก็เป็นที่มาของชื่อของเขา ยกมือขึ้นลูบคาง พูดไปอย่างไม่แยแส “เก่งฉกาจแล้วเป็นไง?ก็โดนงูไวเปอร์จัดการจนหมดสภาพไปไม่ใช่หรือ หลังจากนี้ต่อไปจะยืนเดินยังจะมีปัญหาเลย”
“แต่ว่า เรื่องเมื่อวานนี้ กลับเตือนบอกฉันมาเรื่องหนึ่ง”
“ด้วยเพราะการเข้ามาท้ายถึงถิ่นของเตาจั๋ว ทำเอาเหล่าบรรดาผู้เข้าชมเลือดซ่าเดือดพล่าน เมื่อวานรายได้เข้ามาเพิ่มกว่าปกติกว่าสิบเท่าตัว นี่แสดงบอกว่า คนดูในระยะหลังนี้เบื่อดูการต่อสู้แบบทั่วไปแล้ว พวกเขาจะชอบการแสดงแบบให้คนนอกเข้ามาเหยียบจมูกกันถึงหน้าประตูบ้าน”
“งั้นความคิดของท่านเซียวก็คือ จัดคนสักหลายคน แกล้งทำเป็นคนนอก มาเหยียบจมูกกันถึงสนาม?” ชายหนุ่มในชุดสากลเข้าใจถึงความหมายของไป๋เมี่ยนเซียว
“นั่นแหละ แต่ว่าตอนจบต้องให้สุดเหี้ยม อย่างน้อยก็ให้ได้อย่างเมื่อวาน หักขาหักแขนถึงจะดี ถ้าเอาเป็นแค่การแสดง พวกคนดูมองดูแล้วก็รู้ว่าจัดฉาก จะกลับทำให้ได้ผลในมุมกลับ” ไป๋เมี่ยนเซียวพูดเสียงชืด ๆ
สายตาของคนดูนั้นแจ่มชัดพอ ดูการต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตายกันมาแล้ว มีหรือจะให้ทำหลอกตาผ่านไปได้ง่าย ๆ
ชายหนุ่มสูทดำรีบตอบรับประกันอย่างมั่นเหมาะ “ท่านเซียวท่านวางใจได้ คนที่ผมจะไปหามา ต้องเป็นที่พอใจของท่านแน่นอน”
ไป๋เมี่ยนเซียวผงกหัวอย่างพึงพอใจ
ตัวเขาเองเดิมทีก็เป็นกุ๊ยอันธพาลข้างถนน สร้างตัวเองขึ้นมาถึงระดับทุกวันนี้ อย่างท่านหลงที่ผันตัวเองไปในทางนักธุรกิจห้างสรรพสินค้า ในสายตาของเขาไม่เคยเก็บมาใส่ใจ รอเขาขยายอิทธิพลงานสนามมวยใต้ดินให้ยิ่งใหญ่แล้ว เขาก็จะมีใจกล้าพอ ลงมือจัดการท่านหลงแน่!
“ที่ว่ากันว่าเสือสองตัวจะให้อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เพื่อเห็นแก่ความปลอดภัย ไอ้แก่เอ๋ย แกควรจะรีบตายไปก่อนจะดีกว่านะ” แววตาของไป๋เมี่ยนเซียวทอประกายโฉดเหี้ยม
และในขณะนั้นเอง มีลูกน้องคนหนึ่งวิ่งลนลานเข้ามา พูดว่า “แย่แล้วท่านเซียว เจ้าจางเสวียนหลงนั่น มันมาอีกแล้ว”
ไป๋เมี่ยนเซียวแค่นเสียงหัวเราะเยือก “ไอ้แก่รนหาที่ตาย ยังกล้ามาได้อีก?หรือมาคราวนี้ ไปได้นักมวยอะไรมาอีกหรือไง?”
“แต่ว่าต่อให้มันหามาได้อีก แล้วจะทำอะไรได้?”
“ฉันเพิ่งได้รู้จักกับผู้ยิ่งใหญ่จากเยี่ยนจิง ยังได้ยาเม็ดพวกนี้มาจากพวกเขา อย่าว่ามาอีกเลย ต่อให้มาอีกสักร้อยครั้ง ฉันก็ไม่กลัวมีน!”
ใจคิดมาได้แบบนี้ ไป๋เมี่ยนเซียวซดน้ำชาไปคำหนึ่ง เดินมุ่งตรงออกไปจากห้องพิเศษ
ท่ามกลางฝูงคนมากมาย เขามองเข้าไปก็นเห็นจางเสวียนหลง
“จางเสวียนหลง ทำไมคุณยังกล้ามาอีก ไม่กลัวตายหรือไง?”
ไป๋เมี่ยนเซียวหัวเราะเหยียด ๆ เดินเข้าไปยืนข้าง ๆ จางเสวียนหลง
ท่านหลงกับไป๋เมี่ยนเซียวต่างก็เป็นขาใหญ่แห่งเจียงหนาน ทั่วทั้งวงการมวย มีใครไม่รู้จัก?พอได้เห็นคนสองคนนี้ พวกที่ล้อมวงดูกันอยู่ รีบถอยห่างกันออกไปข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ กลัวจะโดนลูกหลง
“มีใครกำหนดไว้ ว่าผมมาที่นี่ไม่ได้?ผมจะมาดูการแข่งขันกันไม่ได้หรือไง?” จางเสวียนหลงพูดเสียงเย็นชา
“ดูการแข่งขัน?” ได้ยินพูดเข้าคำนี้ ไป๋เมี่ยนเซียวหัวเราะเสียงลั่น “จางเสวียนหลง คิดไม่ถึงว่าสนามมวยใต้ดินของผมนี่จะมีชื่อเสียงขนาดนี้ แม้แต่คุณก็ยังจะมาดูการแข่งขันด้วย”
สายตาของเขาเบี่ยงมองไป สังเกตเห็นเป็นเตาจั๋วที่จางเสวียนหลงเข็นมาบนรถเข็น ความรู้สึกเหยียดแคลน ส่อแสดงออกมาให้เห็นชัดเจน “คุณทำไมยังพาเอาคนหมดสภาพแบบนี้มาด้วยล่ะ?คุณคงไม่ใช่จะให้เขามาแอบขโมยดูกระบวนท่ามวยของพวกเรานะ?แต่ก็ไม่เป็นไรนะ ไอ้คนพิการนี่ ให้แกดูไปมากอีกสักหน่อยจะเป็นไร?ไว้ให้รักษาตัวหายแล้วกลับขึ้นสังเวียนมาอีก คิดว่าคงได้กลับไปในสภาพพิการต่อ”
คำสบประมาทมาขนาดนี้ ทำเอาเตาจั๋วโกรธจนตาแดงก่ำ จ้องเขม็งไปที่หน้าไป๋เมี่ยนเซียว
กับเรื่องนี้ ไป๋เมี่ยนเซียวไม่ได้ต้องใส่ใจ เขาก็ไม่ใช่คนที่ถูกข่มขู่ให้โต สู้มาจนได้ถึงระดับนี้ ก็มาจากการนำพี่น้องลุยกันขึ้นมาเอง
“คุณคงคิดว่า นักมวยของคุณกินยาเม็ดเข้าไปแล้ว ก็จะอยู่ระดับไร้เทียมทานไปทั่วหล้างั้นหรือ?” ในเวลานั้นเอง มู่เซิ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นเนือย ๆ ถามไปด้วยรอยยิ้ม
“แกนี่มันตัวอะไร?แค่หมาข้าง ๆ ตัวท่านหลง เอาฐานะอะไรมาถามฉัน?” ไป๋เมี่ยนเซียวโกรธขึ้นมาทันที ชี้หน้าด่ามู่เซิ่งไป
มู่เซิ่งแค่นหัวเราะ ไม่ได้ใส่ใจ พูดต่อไปว่า “กลัวหรือ?”
“กลัว?ตอนที่กูออกมาลุย แม่มึงยังใส่ผ้าอ้อมอยู่เลย กูหรือจะกลัวมึง?”
ภายในตาของไป๋เมี่ยนเซียวส่อถึงความเหยียดหมิ่นสุด ๆ “จางเสวียนหลง คุณนี่ยิ่งวันยิ่งถอยแล้ว มาถึงตอนนี้ แม้กระทั่งคนระดับลูกน้องยังไม่มีปัญญาอบรมให้ดีได้เลยหรือ?”
จางเสวียนหลงส่งสายตาเหยียดหยามกลับ ถ้าไม่ใช่มู่เซิ่งสั่งกำชับไว้ก่อน เพียงแค่คำสบประมาทใส่มู่เซื่งนั้น ก็พอที่จะทำให้ลงมือซัดไป๋เมี่ยนเซียวเข้าไปแล้ว!
“ในเมื่อคุณไม่กลัว งั้นสู้เรามาพนันกันดีกว่าเอาไหม?ถ้าหากผมชนะลูกน้องคุณได้ คุณจะต้องออกไปให้พ้นจากวงการสนามมวย และตั้งแต่นี้ไปจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยเป็นไง?” มู่เซิ่งพูดน้ำเสียงเรียบ ๆ
“แล้วถ้าแกแพ้ล่ะ?” ไป๋เมี่ยนเซียวมาตอนนี้มองดูเข้าใจแล้ว มู่เซิ่งคนนี้ ที่แท้เป็นนักมวยที่ท่านหลงสั่งมา มิน่าถึงได้วางท่าโอหังได้ขนาดนี้
แต่ให้ทำท่าโอหังไปแล้วมันจะได้อะไร?
เขามียาชนิดพิเศษแบบนี้อยู่ในมือ ใครมาก็มีแต่การตายเป็นตอนจบ!
“ถ้าแพ้ ฉันจะออกไปจากเจียงหนาน” จางเสวียนหลงเอ่ยปากขึ้นมาในเดี๋ยวนั้น เสียงออกดังฟังกันชัด!
ไป๋เมี่ยนเซียวเผยอยิ้มที่มุมปาก ตอบรับปากไปว่า “ตกลง!”
การประลองครั้งนี้ เขาชนะแน่นอน!
“ไอ้ขยะ แกรอโดนอัดให้พิการไปได้แล้ว!” ไป๋เมี่ยนเซียวพูดเต็มปากอย่างมั่นใจเต็ม เหมือนกำชัยชนะอยู่ในมือ
มู่เซิ่งแค่นเสียงหัวเราะ
วินาทีนั้น
เขากระโดดขึ้นจากอัฒจันทร์ พุ่งปราดลงไปที่สังเวียน
ขณะนั้นบนสังเวียนเพิ่งจบการแข่งขันลง ผู้ตัดสินชูมือผู้ชนะขึ้น ก็เห็นเด็กหนุ่มนายหนึ่งพุ่งลงมาจากกลางอากาศ ตรงลานคนดู เสียงเฮลั่นอย่างตื่นเต้นดังลั่น คนที่อยู่ในสนามทุกคนรู้กติกากันดี คนนอกที่เข้ามา ก็คือผู้ท้าทาย!
“หาที่ตาย!”
ผู้ชนะขณะนั้นจ้องตาไป หันเข้าใส่จุดที่มู่เซิ่งลงมาถึงในทันที พุ่งเข้าใส่อย่างดุดัน!
“นี่มันใครกันนะ?”
“เอวองค์ผอมบางแบบนั้น ถึงกับกล้าขึ้นสังเวียนไปท้าทายเลยหรือ?น่ากลัวพอลงถึงสังเวียน ก็จะต้องถูกชายฉกรรจ์นั่นฉีกออกเป็นชิ้น ๆ เลยมั้ง?”
“ช่างไม่รู้จักเจียม”
พวกคนที่นั่งดูต่างส่ายหน้า ถอนเฮือกอยู่ในใจ การแข่งขันแบบหมดทางสู้ ในใจพวกเขาก็หมดอารมณ์จะดูอยู่แล้ว
แต่ ในฉับพลันนั้นเอง
มู่เซิ่งใช้แรงลงไปที่ขาข้างหนึ่ง แตะเบา ๆ บนโซ่รั้วขอบสังเวียน
พลิกตัวกลับ พลิ้วไปเหมือนนกนางแอ่นถลาบิน ตามด้วยขาทั้งขา พุ่งตรงไปที่หัวของนักมวยคนนั้น กระแทกใส่ไปอย่างหนักหน่วง!
ปึง!
มู่เซิ่งลงถึงพื้น ยืนอยู่บนสังเวียนอย่างนุ่มนวล
และที่ล้มลงไปพร้อมกับตอนเขาถึงพื้น คือชายฉกรรจ์ที่พุ่งใส่เขาอย่างดุดันคนนั้น!ตัวร่างที่หนาหนักฟาดลงไปกับพื้น ส่งเสียงทุ้มลึก
“จบแล้ว?”
ทุกคนที่ได้เห็นฉากนี้ ความรู้สึกเหมือนอยู่กับฝัน เร็วเกินกว่าจะคิดทัน
เสียงกำปั้นเงียบลง สิ่งที่ตามมา คือความเงียบเป็นตาย……..