มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 20 เฮียหู่
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 20 เฮียหู่
“ทหารพิเศษ?”
“พูดจริงหรือเปล่าเนี่ย!”
“มิน่าล่ะรูปร่างเขาถึงดูดี แต่ว่าในเมื่อเคยเป็นทหาร ทำอะไรไม่ดีมา ทำไมถึงได้มาเป็นลูกเขยของตระกูลเจียงล่ะ?”
หลังจากที่พูด ทุกคนต่างอึ้ง ตกตะลึงกับฐานะของเขา
“ขอโทษ” เจียงหว่านค่อยๆหันไปขอโทษมู่เซิ่ง “นายบอกให้ฉันเก็บเป็นความลับ ฉันทนให้พวกเขาเยาะเย้ยนายแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ ฉันอยากพูดสู้แทนนาย”
“ไม่เป็นไร คนที่ต้องขอโทษควรเป็นฉัน ทำให้เธอขายหน้าต่อเพื่อนร่วมชั้นเธออีกแล้ว” มู่เซิ่งส่ายหน้าโดยไม่คิดอะไร ความจริงเขาแทบไม่สนใจการโจมตีของเสิ่นหยิงเซี่ยสักน้อย
“นายเคยเป็นทหารมาก่อน?” เย่เวินเริ่มรู้สึกสนใจ เริ่มถาม “อยู่หน่วยไหน?”
“ไม่สามารถบอกได้” มู่เซิ่งส่ายหน้า
ชื่อหน่วยมังกรไม่ใช่คนธรรมดาจะรู้จักได้
“เหอะ ฉันว่าเขาคงไม่เคยแม้แต่เป็นทหาร คงเป็นตัวเขาเองที่แต่งขึ้นมา!” เสิ่นหยิงเซี่ยเผยใบหน้าเย็นชา “พี่หว่าน พี่ระวังถูกเรื่องที่เขาแต่งหลอกเอาได้นะ!”
“มู่เซิ่งไม่มีทางหลอกฉัน! อีกอย่าง เขาต่อสู้ได้จริงๆ!” เจียงหว่านส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล เลือกที่จะเชื่อมู่เซิ่ง
เสิ่นหยิงเซี่ยมองมู่เซิ่งเป็นศัตรู “ต่อสู้ได้! แฟนของฉันก็สู้ได้ เขาฝึกเทควันโดมาสามปี จริงหรือหลอก เธอให้พวกเขาสองคนสู้กันสักครั้งก็รู้แล้ว!”
“เขาจะไหวหรอ?” สายตาของเย่เวินมองเหยียดหยามไปที่มู่เซิ่ง เผยอปากพูด “หยิงเซี่ย ไม่ใช่ฉันไม่พูดนะ ฉันเป็นถึงเทควันโดสายดำนะ คนธรรมดาทนหมัดฉันได้ไม่กี่หมัด ฉันไม่เห็นไออันตรายจากตัวของเขาสักนิด หากฉันทำแรงไป เขาจะแพ้อย่างอนาถนะ”
“มันจะอะไรกัน พี่เจียงหว่านพูดแล้วไง เขาเคยเป็นทหารพิเศษมาก่อน แน่นอนว่าทำได้!”
“ฮ่าๆๆ ใช่แล้ว เย่เวิน นายก็ลงมืออย่างวางใจเถอะ”
“มู่เซิ่งอย่าขี้ขลาดไปเลย นายไม่ใช่ว่าฝีมือดีหรือไง?”
สองสาวด้านข้างพูดโน้มน้าว เพราะยิ่งกว่านั้นคืออย่างดูเรื่องสนุกๆ
พวกเขาอยากเห็นฉากที่มู่เซิ่งถูกเย่เวินต่อยจนขายขี้หน้า
“มู่เซิ่ง นายว่าไงล่ะ?” เจียงหว่านเอียงหัวไปถาม
ตอนนี้เธอกังวลว่ามู่เซิ่งจะโดนเอาเปรียบ
“เขาไม่มีค่าพอที่จะทำให้ฉันลงมือ” มู่เซิ่งพูดด้วยเสียงเรียบนิ่ง
เมื่อพูดไป เย่เวินหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆ ไอ้ขยะ นายกำลังเล่นตลกกับฉันหรือไง? ไม่มีค่าพอให้นายลงมือ? เชื่อหรือเปล่าพ่อต่อยนายเพียงสามหมัด ก็ส่งนายเข้าโรงพยาบาลได้แล้วนะ?”
“แกล้งทำเป็นไม่อยากลงมือแบบนั้น ฉันดูแล้วเขาคงไม่กล้าสู้?”
“ช่างเป็นการทำให้ตัวเองอับอาย ฉันนึกไม่ออกจริงๆว่าเขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน”
กลุ่มคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“เด็กน้อย ฉันจะให้โอกาสนายพูดอีกครั้ง กลัวก็พูดมาตรงๆ!”
มองดูมู่เซิ่งยังคงไม่กล้าตกลง เย่เวินก็ถอดชุดสูทออก ปรากฏร่างกายที่มีกล้ามเนื้อ ต่อยและเตะอย่างทะมัดทะแมง “หากนายขอโทษฉันตอนนี้ และต่อไปไม่แกล้งเป็นทหารพิเศษอีก ฉันจะไว้ชีวิตนายสักครั้ง ไม่งั้นก็มาสู้กับฉันสักครั้ง!”
ท่าทางของเย่เวินดึงดูดสายตาของผู้คน แต่ละสายตามองดูความสนุก ต่างมองไปที่เขาทั้งสองคน
“มู่เซิ่ง นายไหวไหม? หากสู้ไม่ไหวก็ไม่เป็นไร” เจียงหว่านพูดด้วยใบหน้าเป็นห่วง
เธอหวังเพียงระบายความโกรธให้มู่เซิ่ง แต่ก็ไม่อยากเห็นเขาได้รับบาดเจ็บ
มู่เซิ่งยิ้มอย่างหมดหนทาง “เธอถามขนาดนี้ ฉันยังมีเหตุผลที่จะไม่ลงมือหรือไง?”
“ในที่สุดไอ้ขยะก็จะลงมือแล้ว?”
“โฮ่ๆๆ ผู้ชายกล้ามโตกับชายหน้าขาวจะสู้กัน? ชัยชนะครั้งนี้แทบจะไม่ต้องคิดแล้ว? แต่ว่าฉันชอบ ฮี่ๆๆ………”
“หรือว่าควรเรียกรถพยาบาลมาก่อน?”
ผู้คนต่างตื่นเต้นขึ้นมา
ทุกคนต่างถอยห่างออกไป ให้พื้นที่ที่เพียงพอในการสู้กับมู่เซิ่งและเย่เวิน เย่เวินขยับเอ็นข้อต่อ เหวี่ยงหมัดและเท้า และตีลังกากลับหลังกลางอากาศ ทำให้ทุกคนร้องอย่างตกใจ
แต่ใบหน้าของมู่เซิ่งดูไร้อารมณ์ ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ
“ผู้ชายมีกล้ามคนนั้นดูท่าเก่งกาจแบบนั้น!”
“ใช่แล้ว กระบวนท่าออกหมัดนี้ดูมีพลัง ทำไมฉันรู้สึกผู้ชายหน้าขาวนั่นดูอ่อนแอ ดูเหมือนไม่ได้เตรียมพร้อมแบบนั้น”
“คิดว่าคงแพ้อย่างน่าอนาถแหละนะ”
ผู้ชมต่างอดไม่ได้ที่จะคาดเดากันให้แซด เหมือนเห็นภาพที่มู่เซิ่งโดนเย่เวินต่อยเจ็บแล้วอย่างนั้น
“ไอ้ขยะ เตรียมพร้อมแล้วหรือยัง? ถ้ากลัวก็รีบยอมแพ้ไปตั้งแต่แรก!” เย่เวินเดินมาข้างหน้ามู่เซิ่ง มองอย่างเหนือชั้นและพูด
“เริ่มเถอะ” มู่เซิ่งพูดขึ้น
ในตอนที่เย่เวินกำลังเตรียมลุกขึ้นมา ทันใดนั้นด้านหลังก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้นมา “รอก่อน!”
“ใครกัน ฉันกำลังจะสู้ นายรนหาที่ตายหรือไง?” ถูกขว้างในตอนนี้ เย่เวินโกรธจัดอย่างมาก รีบหันกลับไปมอง แต่กลับแข็งทื่อไปในพริบตา
“เฮีย เฮีย………เฮียหู่!”
“เฮียหู่?”
เสิ่นหยิงเซี่ยตะลึง สายตามองไปยังชายที่ยืนอยู่ข้างหลังเย่เวิน
ชุดดำทั้งตัวและกางเกงขาสั้นที่ปกปิดหมัดกล้ามเนื้อใหญ่ไม่มิด บนใบหน้าของเขามีรอยมีดยาวตั้งแต่ข้างซ้ายไปขวา กล้ามเนื้อนูนเป็นหมัด ใบหน้าเหมือนตะขาบอย่างนั้น สายตาโหดเหี้ยม เพียงแค่มองก็เหมือนการข่มขู่คน
เขาวางกริชในมือบนโต๊ะเสียงดัง “ปัง” ทำให้ผู้สูดหายใจเย็นด้วยความกลัว
“ฉันพูดแล้ว นายมีปัญหาอะไรไหม?”
ชายสวมกางเกงขาสั้นมองกวาดไปที่เย่เวินด้วยใบหน้าเยือกเย็น
“แน่นอนไม่มีปัญหา” เย่เวินรีบก้มหัวลง แรงฮึกเหิมเดิมของเขาหดหายไป
เสิ่นหยิงเซี่ยที่อยู่ข้างๆไม่กล้าหายใจแรง
ต้องรู้ไว้ คนนี้คือเฮียหู่เลยนะ!
แม้เสิ่นหยิงเซี่ยจะไม่รู้จักเขา แต่ก็ได้ยินเพื่อนพูดถึงเขาอยู่บ่อยๆ หนึ่งในสี่ผู้กล้าในเมืองเจียงหนานจางเทียนหู่!
อีกอย่างในเมืองเจียงหนาน ชื่อเสียงของจางเทียนหู่ดังมาก เขาเป็นถึงนักมวยใต้ดินที่มีชื่อ ใช้การฝึกมวยไทยฆ่าคนไปไม่น้อย! ที่สำคัญก็คือ ด้านหลังเขายังมีท่านหลงคอยสนับสนุนด้วย
ท่านหลงเป็นคนยังไง? อำนาจครึ่งหนึ่งของเมืองเจียงหนาน ธุรกิจในมือมีมากมายนับไม่ถ้วน ถือเป็นบุคคลในตำนาน เป็นงูใหญ่ในเมืองเจียงหนาน
“เฮียหู่ คุณมาหาใคร?” เย่เวินเลียริมฝีปาก หลบทางให้เขา
แม้เขาจะเป็นเทควันโด แต่เทียบกับหมัดมวยไทยที่ฆ่าคน ก็ดูเหมือนเป็นเพียงเด็กน้อย อีกอย่างภูมิหลังของเฮียหู่ ก็คงไม่ใช่คนที่เขาทำผิดด้วย
“ในพวกนายใครคือมู่เซิ่ง? รีบออกมาซะดีๆ ให้ฉันจางเทียนหู่ตัดแขนมันสักข้างหนึ่ง” ชายร่างใหญ่สวมกางเกงขาสั้นมองไปรอบๆ เผยใบหน้าโหดเหี้ยม!
จางเทียนหู่?
เรียกชื่อนี้ ทุกคนต่างนิ่งอึ้งตามกันไป
นึกไม่ถึงว่าจะเป็นจางเทียนหู่ที่มีชื่อเสียงโหดเหี้ยมอยู่สูง! คนที่ชื่อมู่เซิ่ง กลับกล้าไปยั่วเขา?
“ชายหน้าขาวเมื่อกี้ เหมือนว่าจะชื่อมู่เซิ่งไหม?” ไม่รู้ว่าใครในกลุ่มคนพูดขึ้นมา
จางเทียนหู่รีบเดินไปข้างหน้ามู่เซิ่งทันที มองไปที่เขาจากด้านบนลงล่าง “นายคือมู่เซิ่ง?”
“ใช่ฉันเอง” มู่เซิ่งพยักหน้า
ผู้คนต่างกลั้นหายใจ ไม่กล้าหายใจแรง
จางเทียนหู่คนนี้มีชื่อเสียงโหดเหี้ยมอย่างมากนะ ลงมือไม่ตายก็สาหัส มู่เซิ่งคนนี้ดวงซวยแล้ว
“มู่เซิ่ง นายรีบหนีไป!”
เวลานี้เอง ไม่รู้เจียงหว่านเอาความกล้ามาจากไหน อยู่ดีก็ลุกขึ้นพูดกับมู่เซิ่ง
“ใครไม่มีตาม้าตาเรือกล้ามายุ่งเรื่องของฉัน?” เพียงจางเทียนหู่หันกลับไปก็ตะลึง หลังจากนั้นก็ยิ้มอย่างอัปลักษณ์ “สาวสวยคนหนึ่งนี่เอง ได้ยินมาว่ามู่เซิ่งคนที่ไอ้ขยะนี้มีภรรยาที่สวย เห็นแล้วสวยจริงๆ ไม่สู้มาดื่มกับพี่ชายสักแก้วไหม?”
“นาย นายกล้า? เชื่อไหมว่าฉันจะฟ้องตำรวจเดี๋ยวนี้!” เจียงหว่านถอยหลังออกไป หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“แม่ง นี้ขู่ใครกัน” จางเทียนหู่ใช้มือเดียวแย่งโทรศัพท์มา โยนลงพื้นแตกเป็นชิ้นๆ
ตั้งแต่เล็กจนโตผู้หญิงที่ว่านอนสอนง่ายอย่างเจียงหว่านเคยเจอเรื่องทะเลาะกันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เธอตื่นตระหนกทันที แต่ก็ยังแกล้งฝืนแน่วแน่ที่จะปกป้องมู่เซิ่ง “ฉันเป็นคนของตระกูลเจียง นายห้ามทำอะไรฉัน”
ผู้คนต่างมองดูอยู่ด้านข้าง จางเทียนหู่ชื่อเสียงโด่งดัง ไม่มีใครสักคนกล้าเดินขึ้นมาข้างหน้า แตะหนวดเสือ
“ตระกูลจางก็แค่ลมตด! มากับพี่ รับประกันว่าเธอจะได้กินดีอยู่ดี! มาเถอะ สาวน้อย!” จางเทียนหู่พูดหัวเราะเสียงดัง และยืนมือจะไปโอบเอวของเจียงหว่านเข้ามา
“ออก………ออกไป!”
เจียงหว่านกลัวจนจะร้องไห้แล้ว
ป๊าบ!
มู่เซิ่งที่ปกติมาตลอดลงมือแล้ว กดรั้งมือของจางเทียนหู่ จ้องมองเขาอย่างจิก ยิ้มและพูด “ฉันเตือนนาย ในตอนที่ฉันยังไม่ลงมือนี่ คุกเข่าลงไปเอง”
“นี่………”
ทุกคนรอบๆอ้าปากค้าง มองเหตุการณ์นี่อย่างแปลกใจ
ยังไงพวกเขาก็คิดไม่ถึง ไอ้ขยะคนหนึ่ง กล้ารั้งจางเทียนหู่ในเวลานี้ แถมยังพูดคำพูดแบบนี้ออกมา
ไม่ห่วงชีวิตแล้ว?
แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กน้อยอย่างหนึ่ง ใบหน้าของมู่เซิ่งยิ้ม แต่มือทั้งสองของเขากลับค่อยๆบดเข้าเป็นจังหวะ
ฉากนี้หากถูกเพื่อนที่รบมาด้วยเห็นเข้า แน่นอนว่าจะถอยห่างมู่เซิ่งไปสิบฟุตโดยอัตโนมัติ ไม่แม้หายใจแรง รู้จักกันมาหลายปี ทำให้พวกเขารู้จักนิสัยของมู่เซิ่งอย่างดี
นี่เป็นท่าทางก่อนที่เขาจะฆ่าคน!