มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 208 ไม่โรแมนติก
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 208 ไม่โรแมนติก
หลังจากหลินซ่วนหร่านจากไป ภายในคฤหาสน์ก็เงียบสงัด
จ้าวหลินนั่งบนโต๊ะ ด้วยสีหน้าบึ้งตึง เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธครอบครัวนี้มาก
เจียงหว่านคอยพูดปลอบอยู่ข้างๆ“แม่คะ ช่างมันเถอะ ไม่จำเป็นต้องถือสาคนพวกนี้หรอ จริงไหม……”
“หึ บ้านนี้มันทำเกินไปแล้วนะ!”
จ้าวหลินตบโต๊ะเสียงดัง แล้วชี้ไปที่ประตูพลางด่ากราด
ช่วยพวกเขาหางาน แม้แต่คำคุณยังไม่มี ในทางกลับกันยังถูกพวกเขาดูถูกอีก สิ่งนี้ทำให้จ้าวหลินรู้สึกโกรธมาก และไม่มีที่ระบายความโกรธของเธอ
เธอกวาดสายตา มองไปทางมู่เซิ่ง แล้วกล่าวว่า“จริงสิ มู่เซิ่ง นายโทรไปบอกให้พวกเขาถอนตัวหลินหลิ่วจือจากงานนั้นได้ไหม ใครใช้ให้พวกเธอทำตัวได้ใจ!”
มู่เซิ่งฝืนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ตอนนั้นคนที่ให้เขาหางานให้หลินหลิ่วจือก็เป็นเธอ ตอนนี้คนที่ให้ไล่ออกก็เป็นเธอ
“แม่คะ แม่คิดว่ามู่เซิ่งเป็นคนเปิดมู่ซื่อกรุ๊ปหรอคะ?รบกวนคนอื่นอยู่เรื่อยเลย ถ้าแม่โมโหขนาดนั้น จากนี้ไปก็อย่าไปคุยกับพวกเธอสิคะ พูดๆแล้ว เรื่องนี้แม่เป็นคนไปคุยโม้เองนะคะ”เจียงหว่านคอยพูดอย่างข้างๆ
เมื่อมู่เซิ่งได้ยินว่าไม่สามารถไล่หลินหลิ่วจือออก จ้าวหลินก็เหมือนกับระบายความโกรธ เธอถอนหายใจยาว ยังคงบ่นไม่หยุด
มู่เซิ่งมีธุระยังต้องไปทำอีก จึงเดินทางออกไปหาท่านหลง
วันนี้เรื่องของบริษัท จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว มู่เซิ่งเชื่อในความสามารถของเจียงหว่าน ต่อกรกับบรรดาพวกตระกูลเจียง เป็นเรื่องที่ง่ายมาก ถ้าพวกเขาคนไหนไม่มีตา แค่ไล่ออกก็พอแล้ว
เจียงหว่านที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก ไม่อยากฟังจ้าวหลินบ่นต่อไป หลังจากที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็ตรงเข้าห้องนอนทันที
จนถึงในตอนที่หลับ มู่เซิ่งถึงพึ่งกลับมา และเจียงหว่านก็ได้เปลี่ยนผ้าปูที่นอนขนาดใหญ่ต่อหน้าของเขา นี่เป็นสิ่งที่เจียงหว่านสามารถบอกใบ้เป็นสัญญาณให้เขาได้มากที่สุดแล้ว อีกทั้งในสายตาของเธอ การส่งสัญญาณแบบนี้มันชัดเจนมาก ถึงจะเป็นหมูโง่ๆตัวหนึ่ง ก็รู้ว่าควรทำอย่างไร?
แต่น่าเสียดาย ที่มู่เซิ่งไม่เข้าใจ
เขายังคงคิดว่าอากาศหนาวแล้ว เจียงหว่านอยากเปลี่ยนผ้าปูที่นอน เนื่องจากมู่เซิ่งยังไม่รู้ว่าเจียงหว่านตกลงยอมรับในตัวเขารึยัง ดังนั้นเขาจึงนอนที่ของตัวเองอย่างว่าง่าย สิ่งนี้ทำให้เจียงหว่านรู้สึกโมโหมาก
ผู้ชายทึ่มๆซื่อบื้อแบบนี้ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่กันแน่!
หรือจะต้องบีบให้เธอขึ้นคร่อมกันแน่!
“นอนไม่หลับหรอ?”มู่เซิ่งมองไปที่เจียงหว่านที่นอนอยู่บนเตียง ด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก จึงถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“ใช่ ฉันมีเรื่องกลุ้มใจน่ะ นายรู้ไหม?”เจียงหว่านมองไปที่มู่เซิ่ง ราวกับกำลังงอน
เรื่องกลุ้มใจ?
มู่เซิ่งตกตะลึง
เขาคิดว่าเจียงหว่านกังวลเรื่องของบริษัทอยู่ เนื่องจากพรุ่งนี้เธอจะต้องรับไม้ต่อ อาการตื่นเต้นจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาจึงพูดปลอบใจว่า“ไม่เป็นไรนะ พรุ่งนี้ฉันจะให้เฝิงจงเหลียงไปเป็นเพื่อนเธอ เธอไม่ต้องตื่นเต้นนะ”
เจียงหว่าน“……”
มู่เซิ่งถาม“ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม?”
“ไม่มีแล้ว ไม่มีจริงๆ ฉันง่วงแล้ว นอนก่อนนะ”
เจียงหว่านหันกลับไป เธอกลัวว่าตัวเองจะทนไม่ไหว ใช้หมอนปิดหน้ามู่เซิ่งให้หายใจไม่ออก
เช้าวันรุ่งขึ้น
มู่เซิ่งตื่นเช้าๆ เพื่อมามู่ซื่อ กรุ๊ป
วันนี้ที่มู่ซื่อ กรุ๊ป ในฐานะที่เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเจียงหนาน ภาพลักษณ์ของบริษัท ก็สง่ามีราศี รปภ.พวกนั้นต่างรู้จักมู่เซิ่ง หลังจากที่เห็นมู่เซิ่ง ก็พากันทำความเคารพ
เขามายังชั้นสาม แผนกบุคคล ได้ยินพนักงานต้อนรับบอกว่าเฝิงจงเหลียงกำลังประชุม ดังนั้นเขาจึงไม่ถือสา อยู่รอที่หน้าประตูก็พอ
ถึงอย่างไรเขาก็มาก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมง
แต่ในขณะที่กำลังรออยู่ที่โซฟา ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก เขามองเห็นคนสองคนหน้าคุ้นๆเดินออกมาจากข้างในนั้น
นั่นมันหลินซ่วนหร่านกับหลินหลิ่วจือ
ศัตรูที่ไม่อยากเจอหน้าก็มาให้เห็นหน้าโลกแคบจริงๆ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะเห็นพวกเธอที่นี่
เมื่อวานเธอพึ่งถูกรับเข้าทำงาน ตามเงื่อนไขของมู่ซื่อกรุ๊ป ควรจะมาฝึกงานช่วงต้นเดือนถึงจะถูก วันนี้มันสิ้นเดือนนี่นา
แต่มู่เซิ่งก็ขี้เกียจสนใจพวกเธอ จึงนั่งอ่านหนังสือบนโซฟาต่อไป
ตอนนี้หลินหลิ่วจือกับหลินซ่วนหร่านทั้งสองคน เดินเข้ามาจากประตูพร้อมกับเชิดหน้าชูคอ
“คุณผู้หญิงคะ คุณคือ?”
พนักงานต้อนรับลุกขึ้นถาม
“ฉันคือหลินซ่วนหร่าน เป็นแม่ของหลินหลิ่วจือ วันนี้มารายงานตัวค่ะ”หลินซ่วนหร่านพูดเสียงดัง
“วันนี้?ลูกสาวของคุณเริ่มทำงานเดือนหน้าไม่ใช่หรอคะ?วันนี้น่าจะมาเร็วไปนะคะ?”หลังจากที่พนักงานต้อนรับตรวจดูเอกสารแล้ว ถึงเริ่มกล่าวอธิบาย
มู่เซิ่งอดเหลือบตามองไม่ได้ ดูไม่ออกเลยนะว่า หลินหลิ่วจือมีความกระตือรือร้นขนาดนี้?ถึงได้มาทำงานก่อนแบบนี้
แต่ใครจะไปรู้ว่า ประโยคต่อไปของหลินซ่วนหร่าน จะเป็นการเผยโฉมหน้าเดิมออกมาทั้งหมด
“คุณคะ ลูกสาวของฉันเป็นคนที่เฝิงจงเหลียงเชิญมา มาทำงานล่วงหน้าไม่กี่วัน คงไม่เป็นการมากเกินไปหรอกมั้งคะ?”
“คุณวางใจเถอะค่ะ ถึงแม้ว่าลูกสาวฉันจะพึ่งเรียนจบ แต่ถึงยังไงก็เป็นคนมีการศึกษาสูง ถึงจะมาทำงานก่อนล่วงหน้า ก็สามารถปรับตัวในบริษัทของพวกคุณได้ค่ะ”
“สำหรับเรื่องการทำงาน บริษัทใหญ่ของพวกคุณ ทำงานไม่ถึงหนึ่งเดือน ก็น่าจะสามารถคำนวณการทำงานหนึ่งเดือนได้?เดือนหน้าเงินเดือนออกใช่ไหมคะ?”
หลินซ่วนหร่านพูดจบในประโยคเดียว
“แต่คุณผู้หญิงคะ บริษัทของเรา……”พนักงานต้อนรับทำหน้าลังเล พวกเธอกลับอยากมาทำงานเพียงไม่กี่วัน แล้วยังอยากได้เงินเดือนเต็มเดือนอีกงั้นหรอ นี่เห็นว่ามู่ซื่อกรุ๊ปเป็นมูลนิธิเพื่อการกุศลอย่างงั้นหรอ?
“บริษัทพวกเธอแล้วยังไงละ?จะบอกให้นะ ลูกสาวฉันเป็นคนที่เฝิงจงเหลียงเชิญเข้ามาทำงานเลยนะย่ะ สวัสดิการแค่นี้ คงไม่แย่หรอกใช่ไหม?”หลินซ่วนหร่านพูดตัดบท
พนักงานต้อนรับสีหน้างุนงง คนมีความสามารถ?ทำไมเธอถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนล่ะ
หลินหลิ่วจือที่ยืนอยู่ข้างๆ สวมชุดสูท ท่าทางเหมือนนักธุรกิจชั้นนำ
“หนูว่านะคะ ระยะเวลาฝึกงานสามเดือนมันนานเกินไปหน่อย น่าจะสามารถแก้ให้ฝึกงานเป็นหนึ่งเดือน อย่างน้อยหลังจากที่เป็นพนักงานประจำแล้ว เงินเดือนสองหมื่นที่ได้ในแต่ละเดือน ควรจะเพิ่มขึ้นมาหน่อย”
หลินซ่วนหร่านชูนิ้วโป้งขึ้นมา แล้วกล่าวชมว่า“สมกับเป็นลูกสาวแม่จริงๆ วิสัยทัศน์กว้างไกล แม่ว่าลูกคิดถูกมาก ลูกมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยม ได้เงินเดือนละสองหมื่น มันไม่พอจริงๆนั่นแหละ”
มู่เซิ่งทำหน้าเบื่อหน่าย หลังจากที่รอเข้าพบเฝิงจงเหลียง จะให้เขาไล่หลินหลิ่วจือออก
คนแบบนี้อยู่ในมู่ซื่อกรุ๊ป มีแต่ทำให้บริษัทวุ่นวายเปล่าๆ
สุดท้ายใครจะไปรู้ หลินหลิ่วจือมองไปรอบๆอย่างได้ใจ แล้วจึงเห็นมู่เซิ่งที่นั่งอยู่ตรงโซฟา จึงเบิกตากว้าง แล้วใช้น้ำเสียงน่ารังเกียจพูดขึ้นมาว่า“มู่เซิ่ง?”
“มู่เซิ่ง?”
หลินซ่วนหร่านหันไปมอง ถลึงตาใส่“ไอ้สวะ ทำไมแกถึงตามมาที่นี่ได้!”
วินาทีต่อหน้า สีหน้าเธอเปลี่ยนไปทันที!
“เหอะๆ ไอ้สวะ แกจะต้องเข้ามาในมู่ซื่อกรุ๊ป จากการบอกคนอื่นว่ารู้จักเราแน่เลย?”
“ฉันว่าแล้ว ไอ้สวะอย่างแกเนี่ยนะจะมีปัญญา รู้จักกับผู้บริหารระดับสูงของมู่ซื่อกรุ๊ป บัดซบเอ้ย เมื่อวานลูกไม่น่าบอกเลยว่าได้เข้ามาทำงานที่มู่ซื่อกรุ๊ป!”
พูดจบ เธอก็ชี้ไปที่มู่เซิ่ง แล้วพูดกับพนักงานต้อนรับว่า“คุณคะ เราไม่รู้จักกับเขาแม้แต่นิดเดียวนะคะ เขาคือไอ้สวะ คุณอย่าให้คนแบบนี้เข้ามาทำงานในมู่ซื่อกรุ๊ปนะคะ”