มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 209 สัมภาษณ์งานไม่ผ่าน
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 209 สัมภาษณ์งานไม่ผ่าน
เมื่อได้ยินประโยคนี้ พนักงานต้อนรับก็ทำอะไรไม่ถูก“คุณผู้หญิงคะ ขอโทษด้วยนะคะ เขาไม่ได้มาที่เพื่อมาทำงานกับบริษัทเราหรอกค่ะ จุดประสงค์ในการมาที่นี่ของเขาคือการเข้าพบประธานเฝิง ดังนั้นฉันไม่มีสิทธิ์ไปไล่เขาออกไปหรอกค่ะ”
“เข้าพบประธานเฝิง?”
หลินหลิ่วจือทำเสียงขึ้นจมูก แล้วชี้ไปที่มู่เซิ่ง พลางหัวเราะอย่างเย้ยหยัน“เหอะๆ มู่เซิ่ง แกบอกว่ามาที่เพื่อเข้าพบประธานเฝิงงั้นหรอ?ฉันอยากถามแกจริงๆเล้ยว่า แกมีสิทธิ์อะไรมาเข้าพบประธานเฝิง?หรือแกจะบอกว่า แกรู้ว่าประธานเฝิงมีตำแหน่งอะไรในมู่ซื่อกรุ๊ปอย่างงั้นหรอ?”
“เขาเป็นถึงลูกน้องคนสนิทของประธานสวี ประธานสวีมอบหมายงานตั้งเยอะตั้งแยะให้เขาเป็นคนไปทำ!”
“แกแค่บอกว่าจะเข้าพบประธานเฝิง คิดว่าตัวเองคู่ควรรึไง?”
หลินหลิ่วจือมาทำงานที่มู่ซื่อกรุ๊ป เพื่อตั้งใจเข้ามาทำความรู้จักกับเฝิงจงเหลียง หลังจากที่เข้าใจถ่องแท้แล้ว หลินหลิ่วจือยิ่งตกใจเป็นการใหญ่ เฝิงจงเหลียงกับประธานสวีย้ายจากมู่หรานกรุ๊ป มาทำงานที่มู่ซื่อกรุ๊ปพร้อมกัน อายุน้อยมีความสามารถ แถมยังโสดอีกด้วย!
หลินหลิ่วจือยิ่งมีใจอยากจับเฝิงจงเหลียง ถ้าหากเธอ ได้กุ๊กกิ๊กกับเฝิงจงเหลียง จากนี้ไปถ้าเธอคงสามารถเรียกฟ้าเรยกฝนในมู่ซื่อกรุ๊ปได้อย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ จะปล่อยให้มู่เซิ่งมาทำเสียเรื่องที่นี่ไม่ได้!
หลินซ่วนหร่านเกลียดมู่เซิ่งเป็นอย่างมาก ตอนที่ไปบ้านของจ้าวหลินไม่ช่วยไม่ว่า ตอนนี้พอเห็นลูกสาวของเธอได้เข้าทำงานในมู่ซื่อกรุ๊ป คิดอยากจะมาเกาะแกะอีก
“ไสหัวไป รีบไสหัวไปจากตรงนี้เลยนะ!”
หลินซ่วนหร่านแทบจะชี้หน้าด่ามู่เซิ่ง“ไอ้เศษสวะอย่างแก อย่าคิดจะมาเทียบฉันบอกว่ารู้จักเราระ ฉันไม่ให้โอกาสนี้หรอกนะจะบอกให้!”
มู่เซิ่งหันกลับไป ด้วยสายตาเรียบเฉย สำหรับเขาในตอนนี้ หลินซ่วนหร่านสองแม่ลูก เขาไม่เห็นอยู่ในสายตานานแล้ว มันไม่มีผลกระทบต่อเขาเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นมู่เซิ่งไม่สนใจเธอ หลินซ่วนหร่านจึงรู้สึกโกรธมากขึ้น ตะโกนด่ารปภ.ที่อยู่ข้างนอกว่า“พวกแกยังไม่รีบจับตัวเขาออกไปอีก?”
มู่เซิ่งไม่เหลือบมองหลินซ่วนหร่านและคนอื่นๆแม้แต่หางตา เขาเดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์แล้วพูดว่า“โทรหาเฝิงจงเหลียง ให้เขาออกมาหน่อย”
เดิมทีเขาคิดจะรอเฝิงจงเหลียงประชึมเสร็จก่อน แต่แมลงวันสองตัวนี้เอาแต่บินไปมาข้างๆหู รบกวนจนเขาไม่อยากรอแล้ว
“ให้ประธานเฝิงออกมาก่อนหรอคะ?”
พนักงานต้อนรับตกตะลึง คิดว่าตัวเองหูฝาดไป
หลินซ่วนหร่านถึงกับหัวเราะ“ฮ่าๆๆ ไอ้สวะ แกคิดว่าตัวเองเป็นใครห้ะ แม้แต่เราที่มาเข้าพบประธานเฝิง ยังต้องอดทนรอเลย แกแค่โทรกริ๊งเดียวเขาจะออกมาเจอแกก่อนเวลางั้นหรอ?”
“น่าขำสิ้นดี!”
หลินหลิ่วจือหัวเราะอยู่ข้างๆไม่หยุด
ตอนนี้เอง พนักงานต้อนรับรู้สึกลังเล ในบริษัทแห่งนี้ มีแค่ประธานสวีที่สามารถเรียกให้เฝิงจงเหลียงออกมาก่อนเวลาได้ แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ เธอจึงทำได้แค่พูดว่า“คุณผู้ชายท่านนี้คะ ประธานเฝิงประชุมใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ ถ้าไม่อย่างงั้น……”
“บอกเขาไป ผมชื่อมู่เซิ่ง ให้เขาออกมาภายในหนึ่งนาที ถ้ายังไม่ออกมา ฉันจะไปแล้ว”
มู่เซิ่งพูดอย่างเรียบเฉย
“นี่……”พนักงานต้อนรับตกตะลึง
หลินหลิ่วจือพูดแขวะขึ้นมาว่า“ให้ประธานเฝิงออกมาภายในสองนาที แกคิดว่าแกเป็นใครไม่ทราบ?”
รปภ.ที่อู่ข้างๆล้อมเข้ามาใกล้ ด้วยท่าทางดุดัน
“มู่เซิ่ง ฉันรู้ว่าแกอยากขี้โม้ต่อหน้าฉัน เอาล่ะ ฉันเชื่อแล้วว่าแกรู้จักประธานเฝิงพอใจรึยัง รีบไสหัวไปตอนนี้ซะ หลังจากที่ประธานเฝิงออกมาจริงๆ ฉันว่าแกจะไม่มีที่ให้ร้องไห้ด้วยซ้ำนะ”
หลินซ่วนหร่านส่ายหัวไปมากล่าว
ยิ่งมู่เซิ่งไม่แยแส เธอก็ยิ่งมั่นใจว่า เขาเสแสร้ง
เขามีสิทธิ์ที่ไหนกัน ที่จะสั่งการเฝิงจงเหลียงได้?
ในใจของเขามั่นใจนานแล้ว มู่เซิ่งจะต้องสะกดรอยตามพวกเธอมา ที่มู่ซื่อกรุ๊ป คิดอยากจะใช้ชื่อเสียงของพวกเธอลอบเข้ามาในบริษัท หลังจากถูกพบเข้าจึงจงใจบอกว่ารู้จักประธานเฝิงเพื่อเป็นการกู้หน้ากลับมา
“ยังเหลืออีกหนึ่งนาที……”
มู่เซิ่งพูดอย่างเรียบเฉย
รับรู้ได้ถึงออร่าของมู่เซิ่ง ในที่สุดพนักงานต้อนรับก็คว้ามือถือขึ้นมา โทรศัพท์ออกไป
ปลายสาย หลังจากที่เฝิงจงเหลียงได้ยินชื่อของมู่เซิ่ง ก็รีบวางสายทันที
“เหอะๆ ตายใจเถอะ?คนเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแกเป็นใคร!”
หลินหลิ่วจือหัวเราะอย่างมีความสุข“ไอ้สวะ ตอนนี้แกไสหัวออกไปยังทันนะ ถ้าแกทำให้ประธานเฝิงไม่ประทับใจตั้งแต่แรกเห็น แกอาจจะทำให้เราติดร่างแหไปด้วย!”
ปึ้ง!
เมื่อสิ้นเสียง
ประตูของห้องประชุมก็ถูกเปิดออกอย่างแรง ได้ยินเสียงเร่งฝีเท้ามาแต่ไกล เดินมายังทางด้านนี้
ต่อมา ก็มีชายสวมชุดสูทนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามายังด้านหน้าของมู่เซิ่ง คนที่นำทีมก็คือเฝิงจงเหลียง สวมชุดสูทของอามานี่สีดำ มูลค่าแพงระยับ
แต่ตอนนี้ ใบหน้าของเฝิงจงเหลียง ตกใจกลัวเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นเฝิงจงเหลียงเดินออกมา หลินซ่วนหร่านกับหลินหลิ่วจือสองแม่ลูก ก็รีบเดินเข้าไปต้อนรับทันที
“ประธานเฝิง คุณมาแล้ว ที่นี่มีคนก่อความวุ่นวายค่ะ คุณช่วย……”
แต่แล้ว ไม่รอให้พวกเธอสองคนพูดจบ
เฝิงจงเหลียงมองไปรอบๆห้องโถง หลังจากนั้นก็สังเกตเห็นมู่เซิ่ง จากนั้นก็ล็อกเป้ามาที่ร่างของมู่เซิ่ง แล้วเดินเข้ามาหาเขาทันที“คุณมู่ครับ ขอโทษนะครับ ผมไม่รู้ว่าคุณจะมาก่อนเวลา……”
เมื่อได้ยินดังนั้น
หลินซ่วนหร่านกับหลินหลิ่วจือสองแม่ลูก ผงะไปทันที
คุณมู่?
เฝิงจงเหลียงรู้จักมู่เซิ่งจริงๆหรอเนี่ย?
อีกทั้งท่าทางของเขา ยังนอบน้อมมาก ราวกับว่าเขากำลังปฏิบัติต่อบุคคลที่เหนือกว่า!
“ไม่เป็นไร ผมมาก่อนเวลาเอง ถ้าไม่มีเรื่องอะไร คงไม่ให้คุณออกมาเร็วหน่อยหรอก”มู่เซิ่งพูดอย่างยิ้มๆ ไม่ใส่ใจ
เฝิงจงเหลียงถอนหายใจยาว เมื่อเห็นมู่เซิ่งยืนอยู่ด้านหลังของหลินหลิ่วจือ จึงเอ่ยปากถามว่า“คุณมู่ครับ นี่คือหลินหลิ่วจือที่คุณแนะนำผมหรอครับ?”
“ว่าไงนะ?”
หลินหลิ่วจือผงะไปครู่หนึ่ง เธอคิดไม่ถึง เธอเข้ามาทำงานที่บริษัทนี้ได้เพราะพึ่งบารมีของมู่เซิ่ง
“ประธานเฝิง คุณไม่ได้เห็นแก่ความสามารถของลูกสาวฉันหรอคะ ถึงชวนเธอเข้ามาทำงานที่บริษัท?”หลินซ่วนหร่านยังคงถาม เธอไม่ยอมรับผลลัพธ์นี้เด็ดขาด
พนักงานต้อนรับมองไปที่หลินซ่วนหร่านด้วยความอึดอัดใจ ลูกสาวเธอเนี่ยนะมีความสามารถโดดเด่น?นี่มันหน้าไม่อายเกินไปรึเปล่า
“คุณมู่ครับ……”เฝิงจงเหลียงมองไปทางมู่เซิ่ง
มู่เซิ่งไม่สะทกสะท้าน พูดออกมาหนึ่งประโยค“ในเมื่อคุณอยากลูกสาวคุณใช้ความสามารถเข้ามาทำงานที่บริษัทนี้ งั้นก็ให้เข้ามาด้วยความสามารถแล้วกัน”
พูดจบ เขาก็หันหลังกลับ เดินไปทางด้านล่างตึก
เฝิงจงเหลียงตกใจ รีบทำตามคำสั่งทันที หลังจากหันไปพูดกับเลขาสองสามคำ ก็รีบตามมู่เซิ่งลงไปข้างล่างทันที
“ประธานเฝิง วันนี้เรายังทำงานได้ไหมคะ?”หลินซ่วนหร่านถามอย่างไม่ตายใจ
เธออยากเดินตามไป แต่กลับถูกเลขาของเฝิงจงเหลียงขวางไว้
เลขาไม่รู้ว่ามู่เซิ่งเป็นใคร แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็น เฝิงจงเหลียงมีปฏิบัตินอบน้อมขนาดนี้ เรื่องนี้เขาจะตั้งใจทำตามคำสั่ง รีบเปิดปากกล่าวว่า
“คุณผู้หญิงครับ เรารับสมัครผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย 985( โครงการที่ส่งเสริมมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศให้ก้าวไปสู่ระดับโลก ริ่เริ่มเมื่อปี 1998 มีจำนวนทั้งหมด 39 มหาวิทยาลัย)แห่งเท่านั้น และการศึกษาของลูกสาวคุณไม่ตรงตามข้อกำหนดการรับสมัครของเรา ดังนั้น ตอนนี้ผมขอประกาศตรงนี้ว่า ลูกสาวของคุณไม่ผ่านการสัมภาษณ์ และสัญญาฉบับก่อนถือเป็นโมฆะ กรุณาออกไปเดี๋ยวนี้”
หลินหลิ่วจือหน้าซีด ทรุดนั่งกับพื้น