มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 220 โยนมันออกไป
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 220 โยนมันออกไป
“ผู้จัดการเฉิน ผมอ่านรายชื่อผู้เข้าร่วมที่หน้าประตูแล้ว มีชื่อมู่เซิ่งอยู่ในนั้นจริงๆ”
ในตอนนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าประตูก็วิ่งเหยาะๆเข้ามา พร้อมพูดกล่าว
ผู้จัดการได้ยินดังนี้ ก็ตะลึงอย่างไม่รู้ตัว ไอ้หมอนี่มีสิทธิ์เดินเข้ามาด้วยเหรอ? แต่ตอนที่มา เห็นได้ชัดว่ามู่เฟิงบอกเขาว่า มู่เซิ่งคนนี้ก็แค่เศษสวะคนหนึ่งก็เท่านั้น
ชี้ไปยังมู่เฟิงที่นอนอยู่บนพื้นแทบจะไม่ไหวแล้ว ผู้จัดการเฉินพูดต่อ: “ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่คนนอกแอบเข้ามา แต่คนที่มาร่วมงานเลี้ยงได้ ก็เป็นบุคคลสังคมชั้นสูงทั้งนั้น คุณมีสิทธิ์อะไรมาลงมือทำร้ายคนที่นี่?”
“ถูกต้อง ฉันว่ากุ๊ยอย่างคุณ กล้าทำร้ายคุณชายมู่ ไม่อยากมีชีวิตแล้วสิ!” และลุกขึ้นมาคล้อยตามไปด้วย
ทันใดนั้น เสียงวิพากวิจารณ์รอบข้างก็ดังขึ้นเรื่อยๆ
มู่เซิ่งกวาดสายตาไปรอบๆ ยิ้มแล้วพูดเสียงเบาว่า: “คิดไม่ถึง สุนัขของลูกพี่ลูกน้องของฉัน นอกจากตัวนี้แล้ว ยังมีอีกเยอะ”
คนที่เอ่ยปากคล้อยตาม ส่วนมากจะเป็นคนที่พยายามเบียดเสียดอย่างยากลำบากเพื่อที่จะให้มีสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ ในเวลาปกติ พวกเขาอยากประจบมู่เฟิง แต่ก็ไม่มีโอกาสเลย ตอนนี้เป็นเวลาที่จะได้เสนอหน้าพอดี
ดังนั้นทุกคนก็ชี้ไปที่มู่เซิ่ง ตะโกนด่าเสียงดังอย่างต่อเนื่อง แถมยังขู่อีกว่าถ้าไม่ยอมไสหัวออกไป ก็จะลงมือไล่เขาออกไปแล้ว
“คุณผู้หญิง คุณรีบไปจากคนคลุ้มคลั่งคนนี้เถอะ ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะทุบตีคุณได้เช่นกัน” มีคนจากในกลุ่มผู้คนพูดขึ้นมา
“ฉันอยู่กับใคร ต้องให้คุณยุ่งด้วยเหรอ?” โม่หยุ่นเอ๋อร์พูดด้วยความโมโห
มู่เซิ่งฝืนยิ้มและส่ายหน้า คิดไม่ถึงว่าจะถูกผู้คนเล่นงานขนาดนี้ และพูดว่า: “ถ้าคุณไม่เชื่อจริงๆ ก็ไปลองเช็กกับคุณวิลเลี่ยมดูก็ได้”
“คุณวิลเลี่ยม? ฮ่าฮ่าฮ่า คนอย่างเขา พาเพื่อนเข้ามา ทำไมฉันจะไม่รู้? อีกอย่างเดี๋ยวคุณก็บอกว่าเดวี่พาคุณมา อีกเดี๋ยวก็บอกว่าคุณวิลเลี่ยม พูดจาบ่ายเบี่ยง จะต้องเป็นพวกต้มตุ๋นแน่ๆ”
“รีบไสหัวออกไปซะ ไม่เช่นนั้นอย่าบีบให้ฉันต้องเรียกรปภ.นะ!”
มู่เซิ่งขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าผู้จัดการคนนี้จะบ้าอำนาจได้ขนาดนี้
แต่เขาเห็นว่าเวลาใกล้จะมาถึงแล้ว แล้วก็ขี้เกียจที่จะพูดต่อไปแล้ว “หลีกไป ฉันจะเข้าไปพบคุณวิลเลี่ยมในห้อง”
“โอ้ คนไร้ยางอายอย่างคุณ ฉันเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก เข้าไปพบคุณวิลเลี่ยมในห้อง คุณคิดว่าคุณเป็นใคร คู่ควรไหม?”
ผู้จัดการเฉินโบกมือ หยิบกระบองไฟฟ้าจากมือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้างๆ แล้วพูดว่า: “คนที่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ได้ ความสามารถล้วนแล้วอยู่ในระดับท็อปๆทั้งนั้น คุณทำร้ายคนตรงนี้ ก็จะต้องชดใช้ ในเมื่อคุณไม่อยากถูกไล่ออก งั้นก็หักมือไปข้างหนึ่ง”
ขณะที่เขากำลังพูด มู่เฟิงก็ถูกเจ้าหน้าที่กู้ภัยหามออกไปแล้ว กลับกลายเป็นว่าสุนัขพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟฟ์ ก็ถูกคนของมู่เฟิงพากลับไปยังสถานที่เกิดเหตุ
ผู้จัดการเฉินเกิดความคิด จู่ๆเขาก็ชี้ไปที่สุนัขพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟฟ์และพูดเสียงดังว่า:
“แต่ ฉันยังมีทางให้คุณเลือกอีก 3 ทาง”
“ถ้าคุณไม่อยากถูกไล่ออกไป และก็ไม่อยากเป็นพิการ ก็ขอโทษหมาตัวนี้ซะ”
“สุดท้ายแล้วคุณทำให้เขากลัว ถ้าหากว่าคุณคุกเข่าและขอโทษหมาตัวนี้ ฉันก็จะเป็นคนตัดสินใจ ที่จะให้คุณอยู่ต่อ”
เมื่อผู้จัดการเฉินพูดจบ ทุกคนก็หัวเราะกันอย่างครื้นเครง
ขอโทษหมาเหรอ? เห็นได้ชัดว่าเขาล้อเล่นกับมู่เซิ่งอยู่
ในดวงตาของมู่เซิ่ง เย็นชาลงอย่างไม่รู้ตัว
ทุกคนมองไปที่มู่เซิ่งซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน เมื่อกี้เขาลงมืออย่างโหดเหี้ยม ยังคิดว่าเป็นบุคคลที่โหดเหี้ยมซะอีก คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ถูกผู้จัดการเฉินปฏิบัติตัวจนพูดไม่ออก
“ฮ่าฮ่า คนคลุ้มคลั่งแบบนี้ ควรจะถูกไล่ออกทันทีนะ”
“พูดถูก เขาสามารถเข้ามาในนี้ได้ เดาว่าเป็นเพราะพวกกุ๊ยสินะ แต่ไม่ว่าถึงสู้เก่งแค่ไหน ต่อสู้ชนะปรมาจารย์บู๊เหรอ? ช่างเป็นเรื่องที่น่าขำเสียนี่กะไร”
ผู้จัดการเฉินถึงกับชูมือโบก “คุณจะออกไปเอง หรือว่าจะให้ฉันลงมือไล่คุณ?”
ทุกคนหัวเราะและดูฉากนี้ ขณะที่เตรียมตัวจะดูดราม่า
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น:
“ใครกล้าให้คุณมู่ออกไปล่ะ?”
พูดอย่างเฉียบขาด และโมโหสุดขีด!
ทุกคนมองไป ตรงที่เสียงดังขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดกี่เพ้า ก้าวเท้ายาวเดินมาตรงนี้
“คุณเดวี่!”
“คุณเดวี่ งานเลี้ยงยังไม่ได้เริ่มอย่างเป็นทางการเลย คุณ คุณมาได้ยังไง……”
ทุกคนตะลึงอ้าปากค้าง
ผู้จัดการเสินเปลี่ยนสีหน้าทันที ประโยคนี้ของคุณเดวี่ โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด หรือว่าหมู่เซิ่งเป็นเพื่อนของเธอจริงๆ?
คุณเดวี่รีบเดินมาตรงหน้ามู่เซิ่ง สีหน้าสำนึกผิด “คุณมู่ ขอโทษจริงๆ ฉันคิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นแบบนี้ ฉันจะจัดการทันที”
แม้ว่ามู่เซิ่งจะไหว้วานให้เธอเข้าไปในงานเลี้ยง แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง เธอเป็นเจ้าภาพ เธอควรจะปฏิบัติตัวให้ดีกับมู่เซิ่ง วันนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว เธอจะต้องจัดการอย่างจริงจัง
มู่เซิ่งพยักหน้า มองเดวี่จัดการกับเรื่องนี้อย่างไร
นี่ นี่มัน……
ผู้จัดการเฉินเห็นท่าทีเช่นนี้ เหงื่อก็ไหล่เต็มน้าผาก
“ประธานเดวี่ ที่จริงเรื่องนี้……”
เพี้ยะ!
ผู้จัดการเฉินยังไม่ทันพูดจบ คุณเดวี่ก็ตบหน้า ผู้จัดการเฉินไปฉาดหนึ่ง
ผู้คนตกตะลึงอย่างไม่รู้ตัว คิดไม่ถึง ว่าคุณเดวี่ที่เงียบขรึม จะกระทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้ แต่นี่ก็มองออก ว่าตอนนี้ในใจของเดวี่ โกรธขนาดไหน
แม้แต่โม่หยุ่นเอ๋อร์ก็มองดูอย่างกลั้นหายใจ
การตบครั้งนี้ไม่หนัก ผู้จัดการเฉินตะลึงทันที เขาไม่เคยเห็นประธานเดวี่โกรธขนาดนี้มาก่อน? มู่เซิ่งคนนี้ คือใครกันแน่นะ
“เก็บของของคุณซะ แล้วก็ไสหัวออกไป!” คุณเดวี่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ประธานเดวี่ คุณ คุณไล่ผมออกเหรอ?” ผู้จัดการเฉินไม่อยากจะเชื่อ
“ใช่ ตั้งแต่วันนี้ไป คุณไม่ใช่พนักงานในบริษัทของเราอีกต่อไป และห้ามไม่ให้ก้าวเข้าไปในส่วนใดส่วนหนึ่งของบริษัทเรา ออกไปซะ!” คุณเดวี่พูดด้วยความโกรธ
จู่ๆขาของผู้จัดการเฉินก็ขาอ่อน และเขาก็คุกเข่าลงกับพื้น
เขากำลังคิดว่าจะไต่ระดับความสัมพันธ์กับมู่เฟิง จะทำให้ตัวเองได้เจริญก้าวหน้าขึ้นในอนาคต ผลสุดท้ายตอนนี้ ก็ถูกคุณเดวี่ไล่ออกแล้ว อย่างที่รู้กัน เขาเป็นเสาหลักของบริษัทใน ถ้าเป็นสมัยก่อน อย่างมากที่สุดก็คือคำขอโทษ ไม่เคยคิดเลยว่าตนจะถูกไล่ออก ณ ตรงนั้นเลย
“ประธานเดวี่ ถ้าไม่อย่างงั้นประธานเดวี่ ผมรู้ว่าผมผิดไปแล้ว คุณอย่าไล่ผมออกเลย”
เมื่อเห็นว่าคุณเดวี่ไม่สนใจตนเลย ผู้จัดการเฉินก็คุกเข่าต่อหน้ามู่เซิ่ง “คุณผู้ชายครับ กระผมมีตาหามีแววไม่ ผมรู้ว่าผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษคุณด้วย ขอร้องล่ะคุณให้อภัยผมด้วยได้ไหม?”
ตำแหน่งผู้จัดการนี้ เขาอยู่ในสังคมชนชั้นสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เมื่อไม่มีตำแหน่ง ยังรู้สึกแย่กว่าการที่ฆ่าเขาเสียอีก
มู่เซิ่งยิ้ม แต่ไม่พูดอะไร
“โยนเขาออกไป!” เดวี่คุยกับรปภ. 2 คนที่ยืนอยู่ข้างๆผู้จัดการเฉิน
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนจับผู้จัดการเฉินทันที และโยนผู้จัดการเฉินออกไปนอกประตู ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องของทุกคน
ทั้งโถงใหญ่ เกิดความเงียบสงัด
และเมื่อทุกคนกำลังตะลึงในความแข็งแกร่งของมู่เซิ่ง คุณเดวี่ก็เอ่ยปากพูดอีกครั้ง: