มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 232 ไล่ออก
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 232 ไล่ออก
มู่เซิ่งไม่ได้กลับมาที่ตระกูลมู่เป็นเวลานาน ดังนั้นพนักงานของบริษัทตระกูลมู่เหล่านั้น ไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับมู่เซิ่งชื่อนี้ และหลังจากที่มู่เฟิงถูกมู่เซิ่งตัดมือขวา จึงแอบกระจายข่าวที่มู่เซิ่งเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าครอบครัวฝ่ายหญิง ทำให้ทุกคนบริษัทตระกูลมู่ เกลียดชังมู่เซิ่งเป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาได้ตัดสินใจลับๆ ไม่มีทางที่จะให้มู่เซิ่งมาบริหารบริษัท ไม่เพียงเท่านี้ พวกเขายังรอให้มู่เซิ่งมาถึงแล้วจะแสดงอำนาจให้เขาดู
“เฮ้อ ถ้าหากการบริหารบริษัทล้มเหลว ขาดทุน ถึงเวลามู่เซิ่งไม่เป็นไร กลับกันพวกเราจะประสบหายนะนี่สิ”
“ใช่ บริษัทนี้ทุกคนบริหารขึ้นมาอย่างยากลำบาก”
“แต่ได้ยินมาว่ามู่เซิ่งเป็นคนไร้น้ำยา หรือว่าพวกเราข่มขู่ให้เขาไสหัวไปเป็นอย่างไร?”
“นี่…เกรงว่าจะไม่ค่อยดีหรอกนะ” มีคนโต้แย้งด้วยสัญชาตญาณ ต่อให้มู่เซิ่งจะเป็นอย่างไร ก็คือคนของตระกูลมู่ พวกเขาที่เป็นลูกน้องเหล่านี้ จะขู่มู่เซิ่งโดยตรงได้อย่างไร
“ฉันว่าได้ ยังไงเขาก็แค่ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง เป็นแมงดา ไม่แน่ถูกข่มขู่สองประโยค ก็หวาดกลัวแล้ว”
“แต่ถ้าเป็นแบบนี้…”
“ชู่! มู่เซิ่งมาแล้ว”
จู่ๆ มีชายหนุ่มที่สวมชุดสูทวิ่งเข้ามาด้านในแล้วตะโกนขึ้นเบาๆ
ทันใดนั้น การวิพากษ์วิจารณ์ในห้องประชุมก็สิ้นสุดลงทันที
สายตาของทุกคนมองไป เห็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาทางห้องโถง เสื้อผ้าบนตัวที่แสนธรรมดา ดูไม่สะดุดตา ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาสักนิด
“มู่เซิ่ง ลูกเขยที่แต่งเข้าครอบครัวฝ่ายหญิงคนนั้น!”
“เสียงเบาหน่อย ไม่กลัวจะถูกเขาได้ยินหรือไง?”
ผลักประตูเข้ามา มู่เซิ่งเดินมาตรงกลางห้องประชุม สายตาของเขากวาดมองไปโดยรอบช้าๆ จากนั้นเอ่ยปากอย่างเรียบเฉย “พวกคุณคือพนักงานทั้งหมดของจิวเวลรี่มู่เหม่ยใช่ไหม? ตอนนี้ฉันคือประธานของจิวเวลรี่มู่เหม่ย พวกคุณนำเอกสารผลกำไรของจิวเวลรี่มู่เหม่ยภายในสามปีนี้ มาให้ผมที่ห้องทำงาน”
ถึงตอนนี้ เวลาหนึ่งเดิน เวลากระชั้นชิด
ถึงแม้มู่เซิ่งมีความมั่นใจที่จะคว้าอันดับหนึ่ง แต่ก็ไม่มีทางเสียเวลากับขั้นตอนที่ซับซ้อนมากเกินไป
เพียงแต่ ตอนที่มู่เซิ่งหันหลังกลับ ด้านหลังเกิดเสียงที่ไม่เหมาะสมดังขึ้นจากด้านหลัง “คุณมู่ คุณเพิ่งกลับมาที่ตระกูลมู่ พวกเราไม่รู้ว่าคุณมีความสามารถที่จะบริหารบริษัทจิวเวลรี่มู่เหม่ยได้อย่างดีหรือไม่ ตอนนี้ให้พวกเราทุกคนฟังคุณ เกรงว่าจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ?”
“อีกอย่าง ถ้าจิวเวลรี่มู่เหม่ยขาดทุน คุณรับผิดชอบไหวไหม?”
จู่ๆ ชายหนุ่มชุดสูทเอ่ยปากขึ้น ในคำพูดมีคำขู่ที่เผยออกมาอย่างชัดเจน
“คุณชื่ออะไร?” มู่เซิ่งหันกลับมาถาม
“ผมชื่อหวางเหลียง” ชายหนุ่มพูดอย่างทะนงตัว
แต่ทว่า สำหรับน้ำเสียงยั่วยุเช่นนี้ มู่เซิ่งเหมือนกับไม่ใส่ใจสักนิด เขายื่นมือออกมาเคาะโต๊ะเบาๆ พูดออกมาอย่างเรียบเฉย “ได้ หวางเหลียง ช่วงบ่ายคุณไปที่ฝ่ายการเงินรับเงินเดือนของเดือนนี้ซะ คุณถูกไล่ออกแล้ว”
ไล่ออก?
ทุกคนหดคอในทันที
“คุณ คุณกล้าไล่ผมออก คุณไม่รู้หรือว่าผมเป็นบุคคลสำคัญมีฝีมือ คือนักอัญมณีศาสตร์มืออาชีพของบริษัทเหรอ! คุณกล้าไล่ผมออก ทั้งบริษัทไม่มีใครที่สามารถวินิจฉัยอัญมณีได้แล้ว!” หวางเหลียงโมโหจนตัวสั่น ชี้หน้าด่ามู่เซิ่งอย่างสาดเสียเทเสีย
มู่เซิ่งเจ้าหนุ่มคนนี้ ทำไมถึงได้กล้าไล่ตัวเองออก?
เขาเป็นถึงหวางเหลียงตาเทพที่มีชื่อเสียงภายในบริษัท!
“คุณมู่ ถ้าหากคุณจะไล่คุณหวางเหลียงออก เช่นนั้นก็ไล่ผมออกด้วยเถอะ”
“ยังมีผม”
นักอัญมณีศาสตร์มืออาชีพอีกสองสามคนของบริษัทพากันยืนขึ้น ตบโต๊ะหาเรื่องมู่เซิ่ง
หวางเหลียงเผยสีหน้าลำพองใจออกมา เหมือนกับกำลังพูดว่า ถ้าหากนายกล้าไล่ฉันออก เช่นนั้นบริษัทจิวเวลรี่มู่เหม่ย ก็จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ขาดแคลนพนักงาน
แต่ว่า มู่เซิ่งไม่เงยหน้าขึ้นมองสักนิด เขาพยักหน้าพูด “ได้ งั้นพวกคุณกี่คน ช่วงบ่ายไปพร้อมกับหวางเหลียง ไปรับเงินเดือนที่ฝ่ายการเงิน”
นี่…
น้ำเสียงของเขาไม่ดัง
แต่ดังก้องภายในห้องประชุม ดูหนักแน่นเป็นอย่างมาก
ไล่ออกหมดเลย!
นี่เป็นถึงนักอัญมณีศาสตร์มืออาชีพของบริษัท ถ้าหากไล่ออกแล้ว ต่อไปเวลารับซื้ออัญมณี ซื้อของปลอมควรจะทำอย่างไร? ชื่อเสียงของบริษัทอาจจะเสียหายได้
ในสายตาของคนโดยรอบ แฝงไปด้วยความตกตะลึงและความสงสัย แต่ตอนนี้กลับไม่มีสักคนที่กล้าเอ่ยปากถามขึ้นอีก เพราะว่าการกระทำของมู่เซิ่ง ทำให้ทุกคนตกใจกลัว
เขาเป็นคนบ้า
ถ้าหากมีคนร้องเอะอะอีก เขากล้าไล่ทุกคนออกโดยที่ไม่สนใจอะไรจริงๆ
“ยังมีใครอีก? ลุกขึ้นมา ฉันสามารถให้เขาไสหัวไปพร้อมกันได้! มู่เซิ่งดวงตาเย็นชากวาดมอง คนที่อยู่ด้านล่างกลับไม่มีคนกล้าตอบรับ
ช่วยไม่ได้
ท้ายที่สุด พวกเขาทำงานให้กับตระกูลมู่ มู่เซิ่งจะไล่ใครออก ก็ไล่ออกได้
“มู่เซิ่ง คุณคิดถึงผลที่ตามมาจากการไล่ผมออกอยากชัดเจนแล้วใช่ไหม?” หวางเหลียงกัดฟัน เงินเดือนของบริษัทจิวเวลรี่มู่เหม่ยสูงมาก พูดตามตรง ถ้าหากมู่เซิ่งยอมลดทิฐิให้เขา เขาก็ไม่ยอมไปจากที่นี่
“พวกคุณไสหัวออกไปเอง หรือจะให้ฉันให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไล่พวกคุณออกไป?” มู่เซิ่งพูด
หวางเหลียงหน้าแข็งทื่อ
“ดี ดีมาก ฉันจะดูว่าหากบริษัทจิวเวลรี่มู่เหม่ยไม่มีพวกฉัน จะบริหารต่อไปได้อย่างไร มู่เซิ่ง นายมันผู้ชายแมงดาที่แอบอ้างบารมีข่มเหงผู้อื่น ในไม่ช้าจะต้องถูกไล่ออกจากตระกูลมู่!”
หลังทิ้งประโยครุนแรงไว้ หวางเหลียงพาคนอื่นๆ ออกจากบริษัทไป
การทำงานของทุกคนมีประสิทธิภาพสูงมาก
ในไม่ช้า ผู้บริหารชั้นสูงของบริษัท ได้นำสถานการณ์เมื่อสามปีที่แล้วของบริษัททำเป็นเอกสาร จัดแจงออกมา วางไว้บนโต๊ะทำงานของมู่เซิ่ง
มู่เซิ่งวางเท้าลงบนโต๊ะ หยิบเอกสารสองแผ่นขึ้นมาดูตามสบาย
เห็นท่าทีไม่ใส่ใจของมู่เซิ่ง ความโมโหในสายตาของทุกคนเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
เจ้าหมอนี่ สรุปมาบริหารบริษัท หรือว่ามาเสพสุขกันแน่?
ต้องรู้ไว้ว่า เอกสารเหล่านี้ พวกเขาใช้สอยทั้งบริษัทถึงจะจัดแจงออกมาได้อย่างรวดเร็ว แต่เขากลับดูอย่างตามสบาย อีกอย่างบริษัทไล่นักอัญมณีศาสตร์ออกหลายคนขนาดนั้น มู่เซิ่งไม่มีความคิดที่จะตามหาคนเลยสักนิดเหรอ?
มู่เซิ่งมองดูเอกสาร ในใจกลับมีแผนการตั้งนานแล้ว
นักประเมินเหล่านี้ ต่อให้ตัวเองไม่ลาออก มู่เซิ่งก็ไม่มีทางวางใจใช้งานพวกเขา ถึงตอนนี้ออกไปแล้ว กลับดียิ่งกว่า
สำหรับเรื่องนักอัญมณีศาสตร์ที่ขาดหายไปเหล่านั้น?
มู่เซิ่งเคยรับปากตระกูลกู่กับสวีเจ๋อปิง จะให้โอกาสพวกเขา กลับมาที่เมืองเยียนจิงอีกครั้ง ตระกูลกู่เป็นตระกูลเก่าแก่ที่ชอบศึกษาวัตถุโบราณ ตอนนี้ในสถานการณ์เช่นนี้ มีผู้ประเมินหลายคน สามารถแก้ไขเรื่องเร่งด่วนของเขาได้พอดี
อีกอย่าง
นอกจากตระกูลกู่แล้ว ที่เมืองเยียนจิง เขายังมีทางออกตั้งนานแล้ว…
วันต่อมา ตอนที่มู่เซิ่งนั่งอยู่ในห้องทำงาน เตรียมจัดการใบสั่งซื้ออัญมณี ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น
เลขาเซ็กซี่ที่สวมถุงน่องดำคนนั้นที่นั่งอยู่ในห้องประชุมก่อนหน้านี้ กำลังรออยู่ที่ประตูห้องทำงานอย่างเชื่อฟัง
“คุณหาฉันมีธุระอะไร?” มู่เซิ่งยิ้มแล้วถาม
“แย่แล้วค่ะ คุณมู่” ในที่สุดเลขารอจนมู่เซิ่งปรากฏตัวขึ้น แล้วลุกขึ้นอย่างร้อนใจ รีบพูดขึ้น “หน้าร้านจิวเวลรี่มู่เหม่ยภายใต้การบริหารของพวกเรา เกิดปัญหานิดหน่อย…”