มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 253 ฉันมีกระบี่ ที่สามารถฟันดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 253 ฉันมีกระบี่ ที่สามารถฟันดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้
หลังจากที่เสียงของมู่เซิ่ง ดังขึ้นมาจากซากปรักหักพังแล้ว เงาร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่ง ก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของทุกคนอีกครั้ง
“นี่มัน เป็นไปได้อย่างไร? ” ท่ามกลางกลุ่มคน มีคนผู้หนึ่งตะโกนขึ้นอย่างกะหันหัน
ทันใดนั้น เสียงอุทานของแต่ละคนก็ดังขึ้นติดต่อกัน เหยาเผิงลุกขึ้นจากพื้นอย่างตื่นตระหนก แล้วก็ตามไปดูทันที
พบว่าท่ามกลางซากปรักหักพัง ภายใต้กองอิฐและกระเบื้องที่ตกหล่นลงมาทับถมกันนั้น ไม่นึกว่าจะเป็นมู่เซิ่งที่ลุกยืนขึ้นมา โดยนอกจากเสื้อผ้าที่ฉีกขาดบ้างแล้ว ที่บริเวณร่างกายก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใดเลย!
หลินยิงโส่วถึงกับสะดุ้งขึ้นทันที ในฐานะที่เป็นผู้ใช้ ป้ายมือโลหิตเมื่อครู่นี้นั้น คงไม่มีใครที่จะรู้สึกได้ถึงพลังอานุภาพที่ชัดเจนไปมากกว่าเขาแล้ว ไม่เพียงแต่เขา ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่ไร้เทียมทานระดับนักเสวียนชั้นกลาง ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะสงบนิ่งเฉยเมยอย่างมู่เซิ่งนี้
“เป็นไปได้อย่างไร ทำไมนายถึงสามารถรับมือต่อพลังความรุนแรงของป้ายมือโลหิตนี้ได้? ”
หลินยิงโส่วแสดงสีหน้าท่าทางที่หวาดกลัวออกมา เขาจินตนาการไม่ออกจริง ๆ ว่า ทำไมมู่เซิ่งถึงสามารถรับมือต่อความหนักหน่วงรุนแรงระดับนี้ได้
จากนั้น เขาก็กำหมัดทั้งสองข้าง และโจมตีใส่ทันที โดยที่ไม่ให้มู่เซิ่งได้มีโอกาสพักผ่อน หายใจอะไรเลย
ตูมมตูมม!
ปล่อยพลังหมัดสลับกันไปมา เกิดเสียงปะทะเข้าใส่กันอย่างดุเดือด
แต่ไม่ว่าพลังหมัดของหลินยิงโส่วจะรุนแรงหนักหน่วงแค่ไหน เพียงมู่เซิ่งยื่นมือสองข้างออกมา ก็สามารถรับมือได้อย่างไม่พลาด
ตูมมม!
ทั้งสองคนกระโดดขึ้นไปในอากาศ พลังหมัดของทั้งสองคนที่ปะทะกันกลางอากาศนั้น กลายเป็นลมกรรโชกอันรุนแรงจนทำให้ใบหูของทุกคนโดยรอบเกิดความเจ็บปวด ส่วนเศษซากที่อยู่บนพื้นได้ถูกแรงลมนี้พัดโบกกระจายหายไปหมดแล้ว
หลังจากที่ปะทะกันหนึ่งยก มู่เซิ่งกับหลินยิงโส่วต่างก็กลับลงมาบนพื้น หลินยิงโส่วยืนหอบอยู่ที่บริเวณขอบสังเวียน และมองไปยังมู่เซิ่งด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
“นายมีพลังความสามารถเพียงเท่านี้เหรอ? ยังจะมีท่าไม้ตายอะไรอีก และซ่อนป้ายมือโลหิตเอาไว้เท่าไรกัน ใช้มันออกมาให้หมดเลยสิ” มู่เซิ่งมองไปที่หลินยิงโส่ว พร้อมกับส่ายศีรษะและถอนหายใจเล็กน้อย
การระเบิดก่อนหน้านี้ไม่ได้สร้างความบาดเจ็บอะไรต่อมู่เซิ่งเลย เพราะในตอนที่คลื่นพลังของป้ายมือโลหิตโจมตีมานั้น กระบี่กระหายเลือดในมือของมู่เซิ่ง ก็ได้ปะทุส่งเสียงดังขึ้นอีกครั้ง โดยไม่นึกว่าพลังเลือดที่ระเบิดขึ้นนั้น จะถูกดูดซับไปทั้งหมดแล้ว!
สิ่งนี้ทำให้มู่เซิ่งตกตะลึงเป็นอย่างมาก ไม่นึกว่ากระบี่กระหายเลือด ยังจะมีความสามารถในด้านนี้ด้วย
ดังนั้นขณะที่คลื่นพลังระเบิดเหล่านั้นพุ่งโจมตีเข้ามา ทำให้สนามกีฬาพังทลายย่อยยับไปหมด แต่กลับไม่ได้ทำร้ายมู่เซิ่งเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามยังเป็นการส่งเสริมเพิ่มพลังให้กระบี่กระหายเลือดในมือของเขาทรงพลังมากยิ่งขึ้นไปอีก
“เหอะเหอะ นายก็แค่มีพละกำลังที่มากกว่า และมีพลังการป้องกันที่แข็งแกร่งกว่าก็เท่านั้น ต่อให้ฉันเอาชนะนายไม่ได้ แต่นายเองก็ไม่มีความสามารถที่จะฆ่าฉันได้เหมือนกัน! ” หลินยิงโส่วตะโกนพูดขึ้นด้วยความโกรธแค้น
เขาไขว้มือทั้งสองข้าง ไว้เหนือร่างของเขา แล้วพลังเสวียนคุ้มกันกายก็ปรากฏขึ้น
ครั้งนี้ แตกต่างกับครั้งก่อนที่ถูกมู่เซิ่งลอบโจมตี เขามั่นใจมากว่าจะสามารถตั้งรับต้านทานเอาไว้ได้
“แน่ใจเหรอ? ”
มู่เซิ่งแสยะยิ้ม ดวงตาเปล่งประกายแสง ก้าวเท้าเดินไปด้านหน้า และพุ่งโจมตีเข้าใส่หลินยิงโส่วอย่างหนักหน่วงทันที
ตังงง!
คลื่นกระแสพลังที่แข็งแกร่ง โดยมีมู่เซิ่งกับหลินยิงโส่วเป็นจุดศูนย์กลาง ได้พัดโหมกระหน่ำไปทั่วทุกสารทิศ
หลินยิงโส่วร้องตะโกนเสียงดัง พลังเสวียนคุ้มกันกายบนร่างของเขา ราวกับกระจกที่ระเบิด แตกสลายหมดสิ้นลงอย่างไรอย่างนั้น ตัวเขา ไร้สิ่งปกป้องคุ้มกันอะไรแล้ว จากนั้นก็ร่วงตกลงมาจากสังเวียนอย่างรุนแรง
โครมมม
พื้นดินสั่นสะเทือน
ผู้คนทั้งหมดต่างก็เบิกตาโพลง รู้สึกหวาดกลัวเสียวสันหลังขึ้น
มู่เซิ่งคนนี้ มีพลังความสามารถอะไรกันแน่
“เป็นไปไม่ได้ ทำไมนายถึงแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ไม่ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน นายคงจะโชคดีเป็นแน่ ที่สามารถทำลายจุดอ่อนของฉัน และเอาชนะฉันได้ จะต้องเป็นแบบนี้แน่เลย” หลินยิงโส่วที่บาดเจ็บล้มลุกคลุกคลาน ได้ลุกยืนขึ้นมา พร้อมกับผมเผ้าที่กระเซอะกระเซิง ใบหน้าที่แก่ชรา และสีหน้าท่าทางที่ตะลึงเหลือเชื่อ
“โกหก ทั้งหมดคือเรื่องโกหกทั้งนั้น”
“ไอ้หนุ่มคนนี้ จะต้องโชคดีแน่นอน”
หลินยิงโส่วชี้ไปยังมู่เซิ่ง และตะโกนพูดขึ้น ขณะนี้ เขาแทบจะบ้าคลั่งไปแล้ว
เพราะความภาคภูมิใจในการเป็นนักเสวียน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถยอมรับได้ว่า ต้องมาพ่ายแพ้ลงด้วยน้ำมือของมู่เซิ่ง
มู่เซิ่งยืนอยู่บนสังเวียน และมองไปที่หลินยิงโส่วด้วยสีหน้าเฉยชา ในสายตาของเขาแล้ว ก็แค่มดแมลงที่ส่งเสียงร้องตัวหนึ่ง แต่การที่มดแมลงส่งเสียงร้องมากเกินไป ก็จะรู้สึกรำคาญ ยิ่งไปกว่านั้นมู่เซิ่งยังเตรียมที่จะทดลองว่า กระบี่กระหายเลือดที่ได้ดูดซับพลังเลือดนั้นเข้าไป จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
“พอเท่านี้แล้วกัน ต่อไปจะให้นายได้พบเห็นพลังความสามารถที่แท้จริงของฉันแล้ว”
มู่เซิ่งยื่นมือขวาออกไป กระบี่กระหายเลือดก็พลันพุ่งออกมาจากท่อนแขน กลิ่นอายพลังเลือดที่รุนแรงจากฝ่ามือของเขาได้กระจายส่งกลิ่นไปทั่ว เพียงแค่ฟาดฟันเบา ๆ ก็เกิดเสียงลมพัดขึ้นแล้ว
ท่วงท่าของเขาในเวลานี้ ได้มาถึงขั้นสูงสุดแล้ว
เท้าสองข้างไม่เคลื่อนไหว มู่เซิ่งจับไปที่ด้ามกระบี่กระหายเลือด แล้วถ่ายทอดพลังเสวียนทั้งหมดเข้าไป พร้อมกับออกแรง ฟาดฟันไปที่หลินยิงโส่วอย่างช้า ๆ:
ฉันมีกระบี่
ที่สามารถฟันดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้
ตูมมมม—-
ลำแสงกระบี่ที่แหลมคมได้ฟาดฟันลงไป หลินยิงโส่วไขว้มือสองข้างซ้อนกันเพื่อต้านทาน แต่ตัวเขาก็ยังเหมือนกับถูกค้อนยักษ์ที่มองไม่เห็นทุบตีลงไปอย่างแรง จนทำให้เขากระเด็นลอยไปไกล
พื้นดินสั่นสะเทือน
หลินยิงโส่วหมดความสามารถที่จะต้านทานเอาไว้ได้ จึงถูกทุบตีจนกระเด็นไปยังแท่นที่นั่งของผู้ชม
ปรมาจารย์บู๊บางคนที่ติดตามหลินยิงโส่วมานั้น ยังคิดที่จะรองรับตัวเขาเอาไว้ แต่กลายเป็นว่าภายใต้พลังอันรุนแรงนี้ ทำให้มือและเท้าถูกทุบตีจนหักอย่างไม่มีข้อยกเว้น พร้อมกับร้องโอดครวญกันไปทั่ว
ส่วนหลินยิงโส่ว หลังจากที่ร่วงตกลงมาสู่พื้นแล้ว บนหน้าผากของเขา ก็ปรากฏเส้นเลือดฝอยที่หนาแน่นเด่นชัด โดยหลังจากที่เขาอ้าปากบ้วนเลือดออกมาจำนวนมากแล้ว ก็ค่อย ๆ เอนร่างนอนลงไปที่พื้น อย่างไร้เสียงหายใจ
ตาย……ตายแล้วเหรอ?
มีคนที่ยื่นมือเข้าไปใต้จมูกของหลินยิงโส่วอย่างระมัดระวัง แล้วก็ส่งเสียงอุทานขึ้นโดยพลัน
ตายแล้ว!
“พระเจ้า ไอ้หนุ่มนี้ยังเป็นคนอยู่อีกหรือไม่? ”
“หลังจากที่ต้านทานป้ายมือโลหิตอย่างซึ่งหน้าแล้ว ไม่นึกว่ายังจะใช้กระบี่ฟันหลินยิงโส่วจนเสียชีวิตด้วย นี่ กระบี่เล่มนี้ฟาดฟันทะลุผ่านอากาศออกมาเลยทีเดียว ไม่นึกว่าจะมีพลังอานุภาพระดับนี้ กระบี่เล่มนี้ น่าจะเป็นอาวุธเสวียนตามที่ตำนานกล่าวไว้ล่ะสิ? ”
“ต่อให้พลังเสวียนก็คงไม่อาจมีพลังอานุภาพแบบนี้ได้ ดูเหมือนว่าพลังความสามารถของคุณมู่นี้ คงจะถึงระดับขั้นที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมากแล้วเป็นแน่เลย”
“นับจากนี้ต่อไป ชื่อเสียงของคุณมู่นี้ คงจะต้องเป็นที่เลื่องลือไปทั่วเมืองเยียนจิงอย่างแน่นอน ฉันจะต้องหาโอกาส เพื่อผูกมิตรกับคุณมู่ให้ได้แล้ว”
“เพียงแต่ ไม่รู้ว่าไอ้หนุ่มนี้มีสถานะอะไรกันแน่ ทำไมก่อนหน้านี้ฉันถึงไม่เคยได้ยินว่ามีนักเสวียนที่แซ่มู่ด้วยล่ะ? ”
ในใจของทุกคนต่างก็ตื่นตระหนก และมองไปที่มู่เซิ่งด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม แต่ละคนต่างก็คิดกันอยู่ว่าจะใช้วิธีการใดกันแน่ ถึงจะสามารถมาผูกมิตรกับคุณมู่ได้
เวลานี้ จิตใจที่ลอยเคว้งคว้างของเหยาเผิงนั้น ก็โล่งอกเบาใจลงได้ทั้งหมดแล้ว
พลังความสามารถของมู่เซิ่ง ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!
การที่เขาติดตามมู่เซิ่งนั้นถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างที่สุด โดยการที่มีบุคคลผู้ยิ่งใหญ่แบบนี้คอยปกป้องคุ้มครองอยู่เบื้องหลังแล้ว ต่อไปเขาจะต้องเจริญรุ่งเรืองไปพร้อมกับมู่เซิ่งอย่างแน่นอน
สำหรับเรื่องการจมน้ำเมื่อวาน ที่พูดถึงกันนั้น?
ฮ่าฮ่า นั่นเป็นแค่เรื่องตลกขบขัน!
คุณคิดว่าคนที่เก่งกาจอย่างมู่เซิ่งนี้ จะจมน้ำด้วยเหรอ? เขาก็แค่ตั้งใจที่จะทำแบบนี้ก็เท่านั้น ถึงแม้จะตกน้ำไปจริง ๆ แต่ก็เป็นเขาที่กระโดดลงไปเองต่างหาก
ไม่เพียงแต่เหยาเผิง ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ต่างก็คิดแบบนี้ในใจเช่นเดียวกัน
คุณเดวี่กุมมือสองข้างไว้ที่ทรวงอก แล้วมองไปที่มู่เซิ่ง ด้วยแววตาที่ล้ำลึก โดยที่ประทับใจในความสามารถมาตั้งนานแล้ว
การฝึกเต๋าที่ไร้เทียมทาน การบู๊ที่ไม่มีผู้ใดเทียบเท่า
ทั่วใต้หล้านี้ ไม่นึกว่าจะมีบุคคลผู้ยิ่งใหญ่แบบนี้ด้วย
บางที……ฉันอาจจะสามารถพึ่งพาเขา เพื่อช่วยเหลือวงศ์ตระกูลได้