มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 258 ผู้เล่นระดับประเทศ
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 258 ผู้เล่นระดับประเทศ
มองเห็นคนจำนวนนับไม่ถ้วนยืนกันอยู่ด้านนอก อย่างคาดหวังและตั้งตารอคอย แล้วก็มองไปยังมู่เฉินเทียนที่ร่างกายแข็งทื่อ ในสภาพที่ใกล้จะตายแหล่มิตายแหล่ ทันใดนั้นมู่จงหยุนก็รู้สึกฮึกเหิม หัวเราะเสียงดังขึ้นและพูดว่า: “มู่เฉินเทียน ได้ยินว่าเมื่อก่อนนายชอบเล่นหมากล้อม อย่างนี้ดีไหมก่อนที่การคัดเลือกจะเริ่มต้นขึ้นนั้น พวกเรามาเล่นหมากล้อมกันก่อนสักตาเป็นอย่างไรล่ะ? ”
เมื่อพูดออกมา ทุกคนก็มีสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไป
คำพูดของนายนี้มันช่างโหดร้ายเกินไปแล้ว ก็จริงอยู่ที่มู่เฉินเทียนนั้นชอบเล่นหมากล้อม แต่ไม่เห็นหรือไงว่าตอนนี้มู่เฉินเทียนเป็นอัมพาตแล้ว ไม่นึกว่าจะให้เขาเล่นหมากล้อมกับนายอีก มันช่างเป็นการเยาะเย้ยถากถางกันอย่างซึ่งหน้าเลยทีเดียว
มู่เฉินเทียนสวมใส่เสื้อนวมที่หนา ได้ขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า: “คุณพี่ ครั้งนี้คือการเลือกตั้งผู้สืบทอดเจ้าบ้าน ไม่ใช่การแข่งขันเล่นหมากล้อมสักหน่อย? ”
“ถึงอย่างไรก่อนการแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น ก็ยังต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยในการเตรียมตัว มู่หยวน นายว่าใช่ไหมล่ะ? ” มู่จงหยุนยิ้มและพูดขึ้น โดยสายตาก็จ้องมองไปยังลูกหลานตระกูลมู่ที่กำลังจัดการคอมพิวเตอร์อยู่ เพื่อเตรียมที่จะแสดงข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดขึ้น
“อ่า……ถูกต้อง พวกข้อมูลเหล่านี้ล้วนมีการเพิ่มรหัสลับ หากจะจัดแจงออกมาได้นั้น ฉันจะต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย” มู่หยวนพยักหน้าและพูดขึ้น
คราวนี้ สีหน้าท่าทางของมู่จงหยุนก็ยิ่งจะกระหยิ่มยิ้มย่องขึ้นไปอีก
นายลองดูสิว่า ตระกูลมู่ถูกฉันแทรกแซงเข้ามาถึงระดับไหนแล้ว ตอนนี้เจ้าบ้านอย่างนาย มีเพียงชื่อแต่ไร้อำนาจไปตั้งนานแล้ว แม้ว่านายจะไม่อยากเสียหน้า แต่ฉันก็ยังมีนับร้อยวิธีที่จะทำให้นายเสียหน้าได้
สำหรับที่ว่าในเมื่อสามารถดึงตัวของมู่หยวนเข้ามาเป็นพวกเดียวกันได้แล้ว ทำไมถึงไม่ลงมือปรับเปลี่ยนแก้ไขข้อมูลไปเลยล่ะ?
นายเห็นว่ามู่คู่กับผู้อาวุโสมู่โง่เง่าอย่างนั้นเหรอ ตอนนี้ถึงแม้ว่าเขาจะกว้านซื้อดึงคนตระกูลมู่มาเป็นพวกเดียวกันได้จำนวนมากแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นควบคุมอำนาจเด็ดขาดเสียทีเดียว ถ้าหากกล้าที่จะกระทำเรื่องแบบนี้แล้ว เกรงว่าคงจะถูกผู้อาวุโสมู่ขับไล่ออกจากตระกูลมู่อย่างแน่นอน
“คุณพี่ ร่างกายของฉันไม่ค่อยจะแข็งแรงสักเท่าไร ยังไงก็รอคอยกันสักพักเถอะ จากนั้นก็จะได้ดำเนินการเลือกตั้งผู้สืบทอดเจ้าบ้านกัน” มู่เฉินเทียนส่ายศีรษะและพูดขึ้น
ท่าทางของเขานั้น ราวกับว่าอยากที่จะให้เสร็จสิ้นลงโดยเร็ว แล้วก็จะได้กลับไปที่โรงพยาบาล เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียหน้าในสถานที่แห่งนี้
แต่เมื่อเขายิ่งแสดงท่าทางแบบนี้ออกมา มู่จงหยุนก็ยิ่งจะอยากที่จะให้มู่เฉินเทียนอับอายขายหน้าขึ้นไปอีก
“ไม่รีบร้อนไม่รีบร้อน การเลือกตั้งผู้สืบทอดเจ้าบ้านนี้ ยังไม่เริ่มต้นเร็วขนาดนั้นหรอก ฉันรู้ว่านายมีฝีมือเล่นหมากล้อมที่เหนือกว่าฉันเป็นสิบเท่า ฉันคงไม่ใช่คู่ต่อกรของนายแน่นอน แบบนี้แล้วกัน ให้ลูกชายของนายออกมาเล่นสักรอบก็ได้ โดยฉันจะไม่รังแกนายหรอก ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ นายเลือกได้ตามใจชอบเลย” มู่จงหยุนยิ้มและพูดขึ้น
จากนั้น สายตาของเขาก็มองไปที่มู่เซิ่ง และถามขึ้นว่า: “มู่เซิ่ง ไม่ใช่ว่านายเล่นหมากล้อมไม่เป็นนะ? ”
คำพูดนี้ถือว่าเป็นการโจมตีด้านการศึกษาของมู่เซิ่ง เรียกได้ว่าเหยียบย่ำแทงใจอย่างมาก
“เรียนรู้มาบ้าง” มู่เซิ่งพยักหน้าและพูดขึ้น
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เลือกคนมาเลย” มู่จงหยุนชี้ไปโดยรอบ
นอกจากตนเอง ก็ยังมีมู่คู่ มู่ปู้ที่ยังยืนอยู่ แต่มู่จงหยุนได้นำการศึกษามาโจมตีมู่เซิ่ง ถ้าหากมู่เซิ่งต้องการจะพิสูจน์ตนเอง ก็จะต้องเลือกมู่ปู้
แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ มู่เซิ่งคงจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
ทุกคนต่างก็เฝ้ามองดูเหตุการณ์ อยากดูว่ามู่เซิ่งจะเลือกอย่างไร
หลังจากที่มู่เซิ่งกวาดตามองแล้ว ก็พยักหน้า “ในเมื่อคุณอาเชื้อเชิญอย่างจริงจัง ฉันก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ งั้นลองเล่นหมากล้อมกับมู่ปู้สักรอบก็แล้วกัน”
เมื่อพูดจบ ในใจของทุกคนต่างก็แอบตำหนิว่ากล่าว และแอบดีใจกันไม่หยุด
มู่เซิ่งนี้ ตั้งแต่การประชุมตระกูลมู่ครั้งก่อนที่ได้ลงมือทำร้ายพ่อบ้านนั้นก็สามารถมองออกได้ว่า เป็นคนที่ชอบเอาชนะคน เวลานี้ถูกมู่จงหยุนกระตุ้นให้โกรธ ก็เลยติดกับเข้าให้แล้ว
ฝีมือการเล่นหมากล้อมของมู่ปู้นี้ นายสามารถเทียบเคียงได้เหรอ?
ตอนที่เขาศึกษาอยู่ในต่างประเทศ ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศหมากล้อม หลังจากกลับมายังประเทศแล้วก็ยังคงชนะมาโดยตลอด ในช่วงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขานั้น หาคู่ต่อกรไม่ได้เลย
ในจำนวนลูกหลานตระกูลมู่ที่เล่นหมากล้อมเป็นแทบทุกคนต่างก็เคยเล่นกับมู่ปู้มาแล้ว แต่ไม่เคยมีผู้ใดสามารถเอาชนะได้
“ได้เลย ฮ่าฮ่า แต่ว่า การแข่งขันที่ไม่มีการวางเดิมพันนั้นคงไม่ค่อยน่าดูเท่าไร ถ้าหากมู่ปู้เอาชนะได้ นายก็คุกเข่าคารวะลงสามครั้งจะว่าอย่างไรล่ะ? แน่นอนว่า ถ้าหากมู่ปู้เป็นฝ่ายแพ้ เขาก็ต้องทำแบบนี้เช่นกัน เรื่องนี้ห้ามคนอื่นทำแทน”
“ไม่มีปัญหาแน่นอน” มู่ปู้พูดขึ้น
แพ้?
นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยที่จะคิดพิจารณามาก่อนเลย
“ตกลงตามนี้” มู่เซิ่งพยักหน้า
มู่จงหยุนยิ้มแล้วก็โบกมือ และเริ่มหลับตาลงเพื่อพักผ่อน
จากนั้น ก็มีคนยกหามกระดานหมากขนาดใหญ่ขึ้นมา
กระดานหมากนี้มีขนาดใหญ่มากทีเดียว อีกทั้งยังมีการฉายจอมอนิเตอร์ไปบนฝาผนังด้วย ซึ่งยิ่งทำให้ใหญ่มากขึ้นไปอีก ทำให้ไม่ว่าลูกหลานที่อยู่ในห้องประชุม หรือว่าลูกหลานตระกูลมู่ที่อยู่ด้านนอกห้องประชุม ต่างก็สามารถมองเห็นกันได้อย่างชัดเจน
“มู่เซิ่ง เชิญ” มู่ปู้หยิบตัวหมากสีดำขึ้น แล้ววางลงไปบนกระดานหมาก
ครั้งก่อนหลังจากที่ถูกมู่เซิ่งตบหน้า เขาก็โกรธแค้นอยู่ในใจมาโดยตลอด โดยเรื่องนี้ ก็เป็นผลลัพธ์ที่พ่อของเขากับมู่จงหยุนพูดคุยปรึกษากัน ต่อให้มู่เซิ่งไม่เลือกเขา เขาก็มีวิธีอื่นที่จะลงแข่งขัน
คิดไม่ถึงว่าในตอนนี้ เรื่องนี้จะสามารถดำเนินการไปได้อย่างราบรื่นอย่างน่าแปลกใจ ทำให้เขามั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จได้แน่นอน
สำหรับมู่เซิ่งนั้น?
คนที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลมู่เพื่อไปเป็นทหารตั้งแต่เด็ก ต่อให้จะเล่นหมากล้อมเป็น แต่เกรงว่าคงจะไม่ถึงระดับเก้าหรอก?
“เชิญ”
มู่เซิ่งก็หยิบหมากสีขาวขึ้นมาหนึ่งตัว วางเอาไว้ในมือ
แปะ!
แปะ!
ทั้งสองคนวางหมากอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักตัวหมากสีดำและตัวหมากสีขาวบนกระดานหมากก็พัวพันกันไปหมด โดยค่อย ๆ เริ่มจากมุมด้านล่างซ้าย และกระจายวางหมากไปจนทั่วทั้งกระดาน
โบราณกล่าวไว้ว่า คนที่ชมการเล่นหมากล้อมแล้วไม่พูดนั้นมีมารยาทยอดเยี่ยมที่สุด ตั้งแต่ที่เริ่มต้นแข่งขัน ลูกหลานของตระกูลมู่ทุกคน ต่างก็ไม่มีใครพูดออกเสียงอีก โดยสายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปบนจอมอนิเตอร์ เพื่อมองดูการเปลี่ยนแปลงวางหมากบนจอมอนิเตอร์
ในสายตาของพวกเขาแล้ว ความสามารถของมู่เซิ่งและมู่ปู้ทั้งสองคนนั้น มีช่องว่างระยะห่างระหว่างกันที่ยากจะก้าวข้ามถึงกันได้ เมื่อเห็นมู่ปู้วางตัวหมากสีดำ ไล่บดบี้อย่างกระชั้นชิดแล้ว ในสายตาของพวกเขานั้น เกรงว่าอีกไม่นานมู่เซิ่งก็คงจะพ่ายแพ้แล้ว
แต่ว่า เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง……
สายตาของทุกคนก็ชะงักทันที
เพราะว่า จากเกมหมากล้อมที่ค่อย ๆ กระจายวางหมากไปทั่วนั้น แต่เดิมตอนเริ่มต้นที่มู่ปู้ไล่บดบี้อย่างกระชั้นชิด ไม่นึกว่าจะกลายเป็นตั้งรับไปเสียแล้ว ตาชั่งแห่งชัยชนะเริ่มเอนเอียงมาทางมู่เซิ่ง ความเร็วในการวางหมากของมู่ปู้ ก็เริ่มที่จะช้าลงแล้ว
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึง ไม่นึกว่ามู่เซิ่งยังมีความสามารถในการเล่นหมากล้อมที่เก่งกาจขนาดนี้
ทำไมพวกเขาถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย?
ลูกหลานตระกูลมู่ไม่เคยยินมาก่อน ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะหมากล้อมของมู่เซิ่งนั้น เดิมทีก็เรียนรู้มาจากช่วงเวลาว่างในกองทหาร ตอนนั้นเขาเคยเล่นกับนักหมากล้อมระดับประเทศคนหนึ่ง และหลังจากที่เล่นกันหลายรอบแล้ว นักหมากล้อมระดับประเทศก็ตกตะลึง ถึงขนาดที่จะรับมู่เซิ่งเป็นลูกศิษย์ โดยได้พูดคำท้าเอาไว้ว่า เพียงแค่มู่เซิ่งเรียนรู้จากเขาช่วงเวลาหนึ่ง นักหมากล้อมระดับประเทศในอนาคต จะต้องเป็นเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!
แต่มู่เซิ่งปฏิเสธ เพราะเขาคิดว่าหมากล้อมนั้น ใช้เล่นเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้นเอง และไม่ได้คิดที่จะเป็นผู้เล่นระดับประเทศเลย
หลังจากที่เล่นมาจนจะสิ้นสุดกระดานแล้ว แม้ว่าผลแพ้ชนะจะยังไม่ได้ตัดสิน แต่บนกระดานหมากเห็นได้ชัดว่าถูกตัวหมากสีขาวกินไปเกินกว่าครึ่ง คนที่ฉลาดมีความรู้ก็สามารถมองออกได้ว่า ผลลัพธ์ด้านบนนั้นเป็นอย่างไร
แพ้แล้ว
ไม่นึกว่ามู่ปู้ จะพ่ายแพ้แล้ว
ทำไมมู่เซิ่งถึงมีความสามารถที่เก่งกาจมากขนาดนี้
มู่จงหยุนยังคงหลับตาพักผ่อนอยู่ แต่เขาก็ทนรอจนเกิดความรำคาญแล้ว จึงโบกมือ และเร่งถามว่า: “มู่ปู้ นายเล่นเสร็จแล้วยัง? สิ้นเปลืองเวลาไปนานมากแล้ว เล่นเสร็จได้แล้วนะ? ”
มู่ปู้ไม่ตอบ เพราะสีหน้าของเขาในเวลานี้ย่ำแย่เป็นอย่างมาก ขาวซีดไปหมดแล้ว
มีเพียงแต่มู่เซิ่งที่เอ่ยปากขึ้น ตอบกลับออกมาสามคำว่า: “เรียบร้อยแล้ว……”
“โอ้ว ไอ้หนุ่มนี้ ไม่เบาเลยนะ ที่รู้ว่าจบเกมลงแล้ว”
มู่จงหยุนแสยะยิ้ม พร้อมกับลืมตาขึ้น
จากนั้น เขาก็ตะลึงงัน……