มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 264 ทำงานพาร์ทไทม์
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 264 ทำงานพาร์ทไทม์
เมื่อมู่เซิ่งได้ยินเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย “ฉู่อีอีก็มาที่นี่ด้วยเหรอ?”
“แน่นอน ฮิฮิ แต่เป็นเพราะเมื่อวานเธอมีธุระกลับก่อนเวลา ตอนนี้กำลังถูกผู้จัดการอู่ดุด่า ไม่รู้ว่าสุดท้ายผลจะเป็นอย่างไร เฮ้ย ทั้งหมดเป็นเพราะผู้จัดการอู่คนนี้ทำเกินไปจริงๆ ตอนนี้กำลังเศร้าเสียใจอยู่ พี่มู่ พี่ต้องปลอบใจเธอดีๆนะ”
เมื่อพูดถึงผู้จัดการอู่หวังซินเอ๋อก็โกรธจนคันปาก แต่เธอก็ทำอะไรผู้จัดการอู่ไม่ได้ ได้แต่พูดกับมู่เซิ่ง
เธอยังอยากจะคุยกับมู่เซิ่งต่อ จู่ๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งในชุดสูทเรียกเธออยู่ที่หน้าประตู หวังซินเอ๋อแลบลิ้นใส่มู่เซิ่ง แล้วก็วิ่งออกไป
มู่เซิ่งขมวดคิ้ว เขาให้ค่าครองชีพฉู่อีอีเพียงพอไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังต้องมาทำงานที่นี่?
“พี่มู่ พี่ ทำไมพี่ถึงรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่”
ไม่นาน ท่ามกลางเสียงดังของดนตรีที่อยู่หน้าประตู ฉู่อีอีวิ่งเหยาะๆมา แก้มของเธอแดงๆ เธอมองมู่เซิ่งด้วยความประหลาดใจ ที่น่าแปลกก็คือมู่เซิ่งถึงกับหามาถึงที่นี่
ในขณะเดียวกันเธอถอยหลังด้วยความกลัว กลัวว่ามู่เซิ่งจะดุเธอที่เธอมาที่นี่
มู่เซิ่งไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ และพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่นัดเพื่อนมาที่นี่ แต่บังเอิญเจอหวังซินเอ๋อ เขาบอกว่าเธออยู่ที่นี่ ดังนั้นพี่เลยตั้งใจมาหาเธอ”
“ได้ยินว่าเธอโดนดุ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“มีเรื่อง จะมีเรื่องอะไรได้ล่ะ”
ฉู่อีอีหมอบหน้าที่หดหู่ลงบนโต๊ะ ดูเหมือนหมดอาลัยตายอยาก “เฮ้อ ฉันก็แค่ขอลางานโดยไม่ได้บอกเขาล่วงหน้า ก็ถูกหักเงินเดือนตั้งครึ่งเดือนทันที ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เหลียนรั้งฉันไว้ ฉันคงจะออกไปนานแล้ว”
“เธอมีธุระรีบร้อนอะไร ลางานโดยไม่บอกล่วงหน้า” มู่เซิ่งถามด้วยความแปลกใจ
โดยปกติ เรื่องอาหารเสื้อผ้าการเป็นอยู่ทุกอย่างเขาก็รับผิดชอบดูแลหมด เหตุใดฉู่อีอีจึงรีบเร่งทุกวันแบบนี้ ราวกับว่ามีเรื่องด่วนอะไร
“ก็เพราะว่าเรื่องนี้ด่วนเกินไปไง ฉันก็เลยไม่มีเวลาลางาน เฮ้อ ไม่อย่าพูดละ เดี๋ยวผู้จัดการอู่ก็จะมาแล้ว เพื่อไม่ให้ถูกดุ ฉันไปก่อนนะ”
ฉู่อีอีพูดจบ ก็ทำตัวให้กะปรี้กะเปร่า วิ่งเหยาะๆออกไป
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็วิ่งกลับมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ในมือเธอถือถาดผลไม้เล็กๆ เธอวางไว้ตรงหน้ามู่เซิ่ง และพูดด้วยรอยยิ้ม “หึหึ พี่มู่นี่เป็นถาดผลไม้ที่ฉันให้พี่ ในครัวทำไว้เยอะ ฉันแวะเอามาให้พี่ พี่รีบกินเร็วเข้า”
ฉู่อีอียิ้มและทำตาปริบๆให้มู่เซิ่ง จากนั้นเช็ดมือของเธอบนชุดทำงาน แล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ที่หน้าประตูพนักงานบริกรหวังลี่เห็นมู่เซิ่งกินถาดผลไม้ราคาถูก และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ คนแบบนี้เขาเคยเห็นมาเยอะ แทบไม่มีเงินอะไรเลย ยังคิดจะเรียนแบบทายาทคนรวยมาจีบสาวในบาร์ คนประเภทนี้ มักจะไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นคนจน
เธอก็ขี้เกียจไปสนใจ ในเมื่อ ไม่ว่าเธอจะดูถูกแค่ไหน เธอก็เป็นแค่พนักงานเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ที่จะขับไล่มู่เซิ่งออกไป
ในขณะที่มู่เซิ่งกำลังกินผลไม้อยู่นั้น หน้าประตูก็มีเสียงตะโกนด่า พร้อมกับเสียงกรีดร้องขอหวังซินเอ๋อ
มู่เซิ่งรีบวางถาดผลไม้ลง และเดินออกจากประตูห้องวีไอพี
“คุณหมายความว่าอย่างไร? กูก็แค่อยากให้เธอดื่มไวน์กับคุณชายจูสองแก้ว เธอก็ไม่ไป เธอก็ไม่ใช่ว่าดื่มเหล้าไม่เป็น แต่ละเดือนกูจ่ายเงินเดือนให้เธอเยอะขนาดนั้น ไร้ประโยชน์จริงๆ? รีบไปดื่มเป็นเพื่อนคุณชายจู ถ้าเธอกล้าชักช้า วันนี้กูก็จะตีเธอให้ตาย!”
ชายอ้วนจ้ำม่ำคนหนึ่งถือขวดไวน์ที่แตกแล้วชี้ไปที่ฉู่อีอีและตะโกนด่า
“ผู้จัดการอู่ โปรดระวังคำพูดของคุณด้วย ฉันมาทำงานที่นี่ เป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น และฉันจะไม่ไปดื่มเหล้ากับแขก!” ฉู่อีอีปฏิเสธอย่างไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นเหตุการณ์การดื่มไวน์ กอดๆจูบๆ ถ้าผู้ชายเกิดหน้ามืดขึ้นมา ถึงกับอุ้มผู้หญิงที่ดื่มเหล้าด้วยนอนลงบนโซฟาของห้องวีไอพีแล้วจัดการเลยก็มี คนที่ดื่มเหล้าเป็นเพื่อนแทบต่อต้านไม่ได้เลย เรื่องแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ฉู่อีอีจะยอมตกลง
ผู้จัดการอู่ตะโกนด้วยความโกรธ “เธอไม่รู้เหรอสถานะของคุณชายจูเป็นใคร? อยู่กับเขา เธอจะได้กินดีอยู่ดีไม่มีอด หากเธอไม่ไป ไม่เพียงเงินเดือนครึ่งเดือนนี้ เงินเดือนทั้งเดือนของเธอฉันก็จะหักให้หมดเลย!”
“คุณ คุณไม่มีเหตุผล!” ฉู่อีอีกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
เงินนี้ เป็นเงินที่เธอต้องเอาไปช่วยชีวิตคนนะ!
“กูไม่มีเหตุผลแล้วยังไงล่ะ? มีปัญญาก็ไปหาทนายมาฟ้องฉันสิ?” ชายอ้วนจ้ำม่ำหัวเราะเยาะเย้ยและโบกมือ จากนั้นกลุ่มบอดี้การ์ดในเครื่องแบบหลายคนก็เดินเข้ามา “พวกนาย ถอดเสื้อผ้าผู้หญิงคนนี้ออก เหลือแต่ชุดชั้นใน แล้วลากตัวเข้าไปในห้องวีไวพีของคุณชายจูคืนนี้ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ห้ามปล่อยเธอออกมาเด็ดขาด!”
“ผู้จัดการอู่ คุณ ถ้าคุณกล้าทำกับเพื่อนของฉันแบบนี้ ฉันก็จะแจ้งตำรวจ!”
หวังซินเอ๋อหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า ข่มขู่และสั่นไปทั้งตัว
“แม่งไปให้พ้นซะ เด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ไม่มีค่าอะไร?” ผู้จัดการอู่แย่งโทรศัพท์มือถือจากมือของหวังซินเอ๋อ กระแทกลงบนพื้นแล้วเยาะเย้ย “เธออยากช่วยเขาใช่ไหม?” งั้นเธอก็ไสหัวไปซะ?” ถอดชุดทำงานแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันจะบอกให้ เงินเดือนของเธอในเดือนนี้ก็จะไม่ได้สักบาท!”
“ไม่เพียงแค่นี้ บาร์ในบริเวณที่ใกล้เคียงนี้จะไม่มีที่ไหนรับเธอไปทำงานด้วย”
คำพูดข่มขู่ของผู้จัดการอู่ทำให้พนักงานบริกรหลายคนที่คิดจะมาช่วยพูดต่างก็หวาดกลัวไปกันหมด ดูเหมือนว่า คืนนี้ไม่มีใครกล้าคัดค้านคำพูดของผู้จัดการอู่ได้แล้ว
“ฉันต้องการพบพี่เหลียน พี่เหลียนบอกว่าเธอจะไม่ยอมปล่อยให้ฉันทำอะไรที่ฉันไม่ชอบ!” ฉู่อีอีดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้พ้นมือของรปภ.
“พี่เหลียนบ้าบออะไร กูอยู่นี่ นางโสเภณีนั่นมีสิทธิ์มาพูดเหรอ?” ผู้จัดการอู่โบกมือ “พวกแกเร็วเข้า อย่ามาชักช้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็รีบถอดเสื้อผ้าของฉู่อีอีออกทันที และเตรียมลากตัวเข้าไปในห้องวีไอพี
ฉู่อีอีตื่นตระหนกตกใจ เธอคิดไม่ถึงว่าผู้จัดการอู่จะบีบบังคับเธอให้ทำเรื่องแบบนี้ เธอมองไปรอบๆเพื่อขอความช่วยเหลือ นอกจากหวังซินเอ๋อที่ถูกจับกดไว้ นอกนั้นไม่มีบริกรคนไหนกล้าเดินมาข้างหน้า ในสายตาเธอ แสดงถึงความสิ้นหวังอย่างที่สุด
หากเธอถูกลากเข้าไปในห้องวีไอพีจริงๆ งั้นผลที่ตามมา เธอสามารถจินตนาการได้เลย
ดวงตาของฉู่อีอี ทันใดนั้นน้ำตาคลอเบ้า
“หยุดนะ!”
ในขณะที่เธอกำลังท้อเเท้สิ้นหวัง ทันใดนั้นก็มีเสียงตะคอกมาจากระยะไกล เสียงตะคอกนั้นดังขึ้น เสียงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ทำให้ทุกคนตกใจและมองไปยังทิศทางของเสียง
ดวงตาของฉู่อีอีสั่นไหว จู่ๆราวกับคิดได้อะไรบางอย่าง ก็หันไปยังทิศทางที่ทุกคนมองอยู่
เห็นมู่เซิ่งก้าวออกมาจากฝูงชน ปรากฏตัวท่ามกลางผู้คน ผลักรปภ.ที่อยู่รอบๆฉู่อีอีออกไป และยื่นแขนออกไปขวางฉู่อีอีไว้
ผู้จัดการอู่ต้องการที่จะเอื้อมมือไปคว้าฉู่อีอี แต่ถูกมู่เซิ่งบีบข้อมือของเขา พลังแรงมาก ทำให้เจ็บจนขาสองข้างสั่น ทนไม่ไหวจนคุกเข่าลงต่อหน้ามู่เซิ่ง
“ปล่อยมือ นายปล่อยมือซะ!”
เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของผู้จัดการอู่ดังก้องไปทั่วบาร์