มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 281ฮันนีมูน
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่281ฮันนีมูน
ตามติดเสียงพูดของกู่ชิงเสวียนหยุดลง ในโทรศัพท์ของอีกฟาก แว่วเสียงกระทบกระแทกดังอย่างแรง!
เสียงโพล้งเพล้งที่ดังมา น่าจะเป็นเสียงแก้วใบหนึ่งในมือของกู่มู่สวีนตกลงกับพื้น กระแทกจนแตกกระจาย!
“คุณปู่ เกิดอะไรขึ้นที่นั่นหรือ?” กู่ชิงเสวียนร้อนใจขึ้นมาทันที
เสียงในโทรศัพท์จากฟากตรงข้ามสงบเงียบไปพักหนึ่ง เหมือนจัดการเก็บของอะไรบางอย่างขึ้น หลังจากนั้นจึงเอ่ยปากถามขึ้น น้ำเสียงออกสั่นเล็กน้อย “หลานสาว คุณมู่พูดยังไงกับหนูบ้าง?”
“เขาบอกว่า ได้ดูแลหนูเหมือนน้องสาวแท้ ๆ ของเขามาตลอด ถ้าใครจะมาทำอะไรหนู เขาต้องปกป้องหนูอย่างสุดชีวิต กู่ชิงเสวียนครุ่นคิดไปพลาง ไล่เรียงเอาคำพูดของมู่เซิ่งที่ห้องอาหาร นำกลับมาพูดอีกครั้ง”
กู่มู่สวีนสะอึกเล็กน้อย ตามมาในจังหวะกับเสียงหัวเราะลั่น
เมื่อครู่นี้ เขาก็ได้ยินมู่เซิ่งถึงกับพูดว่าเห็นกู่ชิงเสวียนเหมือนน้องสาวแล้ว ตื่นเต้นจนถึงขนาดจับถ้วยชาในมือไม่อยู่ ตอนนี้ได้รับการพูดยืนยันจากกู่ชิงเสวียนอีก เขาก็ไม่สามารถเก็บกดความตื่นเต้นในใจได้ หัวเราะเสียงฮ่า ๆ ลั่นขึ้นมา
“คุณปู่ คุณปู่หัวเราะอะไรอ่ะ?มู่เซิ่งรับเป็นเหมือนพี่ชายหนู คุณปู่ต้องดีใจขนาดนี้เชียวหรือ?” กู่ชิงเสวียนมึนตึ้บไปทั้งหัว
“ดีใจ ปู่ต้องดีใจมากสิ” กู่มู่สวินหัวเราะยังไม่ยอมหยุด เขาไม่ได้หัวเราะแบบนี้มานานแล้ว
ฐานะของมู่เซิ่ง กู่มู่สวีนรู้ดีชัดเจนกว่ากู่ชิงเสวียนอยู่มาก เขาเป็นถึงคุณชายบ้านตระกูลมู่เลยทีเดียว อีกทั้งใกล้ ๆ นี้ยังทำเอาเมืองเยียนจิงป่วนไปทั้งเมือง ตอนนั้นที่มู่เซิ่งบอกให้กู่มู่สวีนไปพบที่บริษัทจิวเวลรี่มู่เหม่ยนั้น เขาก็รู้แล้วว่าการกลับมาเยียนจิงของมู่เซิ่งครั้งนี้ เป็นการมาเข้าร่วมงานชิงตำแหน่งทายาทผู้นำบ้านตระกูลมู่ จากนั้นมู่เซิ่งก็ได้ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ภายใต้สายตาดูแคลนจากคนทุกคน ขึ้นได้มาเป็นผู้นำตระกูลมู่!
นี่เป็นตำแหน่งระดับไหน
ไม่ใช่แต่กู่มู่สวีนอย่างเขา โดยอิทธิพลตระกูลมู่ในปัจจุบัน แม้แต่ผู้นำบ้านตระกูลกู่เมื่อพบกับมู่เซิ่ง ก็ยังต้องโค้งคำนับรับรองด้วยความเคารพ สามารถเป็นน้องสาวของมู่เซิ่ง ทั้งยังได้ยินคำรับรองมาจากปากของเขาเอง ไม่ต้องพูดไปอื่นไกล เพียงแค่ทั่วทั้งประเทศตงหัว ก็ไม่มีใครกล้ามองตระกูลกู่ไม่ขึ้นแล้ว
เพราะฉะนั้นกู่มู่สวีนจึงตื่นเต้นดีใจถึงขนาดนี้ ถึงกับไม่เป็นตัวของตัวเองไปเลย
“ชิงเสวียน เวลานี้หนูอาจจะยังไม่รู้ชัดว่าความสัมพันธ์นี้มีความหมายยังไง แต่ไว้อีกหน่อยหนูก็จะเข้าใจเอง มีความสัมพันธ์ในชั้นนี้แล้ว ชีวิตของหนูหลังจากนี้ต่อไป จะโปร่งโล่งเหมือนได้รับให้เปิดตัวช่วยพิเศษ” กู่มู่สวินพัวเราะไปพูดไป
“โปร่งโล่งเหมือนได้รับให้เปิดตัวช่วยพิเศษ ?เขาก็เพียงแค่รับหนูเป็นน้องสาวเท่านั้น แล้วถ้างั้นพวกเราก็ยังจะกลับไปตระกูลกู่แท้ ๆ อีกได้หรือ?” กู่ชิงเสวียนยังงงมึนอยู่
“ไม่ใช่แค่เพียงแต่จะกลับไปตระกูลกู่ได้ เขายังถึงขนาดจะทำให้เธอได้เป็นถึงผู้นำตระกูลกู่ด้วยซ้ำ หนูจะเชื่อไหม?” กู่มู่สวีนพูด
“หนู……”
กู่ชิงเสวียนถึงกับอึ้ง
ผู้นำตระกูลกู่?
คำว่าตระกูลกู่ที่คุณปู่พูดนั้น เป็นตระกูลอิทธิพลในเยียนจิงเลยทีเดียว!เคยอยู่ในสถานะของคนตระกูลอิทธิพลมาก่อน หล่อนย่อมรู้ซึ้งถึงน้ำหนักในสังคมของตระกูลกู่ดี อย่าว่าแต่ตระกูลเจียงเลย ถึงจะให้บ้านตระกูลทั้งหมดในเมืองเจียงหนานรวมกัน ก็ไม่มีปัญญาเขย่าตระกูลกู่ให้สะเทือนได้ คุณปู่เอาอะไรมาพูดว่ามู่เซิ่งสามารถทำให้หล่อนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลกู่ได้?
“คุณปู่ มู่เซิ่งคนนี้มีฐานะอะไรกันแน่นะ?” กู่ชิงเสวียนถามด้วยความแปลกใจ
“อีกหน่อยเธอก็รู้เอง ตอนนี้รีบเข้านอนซะ ดูแลร่างกายหน่อยหละ” กู่มู่สวีนพูดด้วยเสียงหัวเราะ เขามีอารมณ์เป็นสุขมากในตอนนี้ นั่งอยู่ในห้องทำงาน ยังอดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงออกมา เขาทำงานให้กับมู่เซิ่ง ยังต้องคอยหาช่องทางเอาใจมู่เซิ่ง ในที่สุดตอนนี้ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว หลานสาวแท้ ๆ ของตัวเอง กลับกลายไปเป็นน้องสาวของมู่เซิ่ง
มีมู่เซิ่งครอบอยู่ เขาไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วหลังจากนี้
“ฮึ ก็ยังไม่ยอมบอกอีก”
กู่ชิงเสวียนสะบัดเสียงฮึออกจมูก เกี่ยวกับเรื่องมู่เซิ่ง หล่อนถามคุณปู่มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่แล้วทุกครั้งคุณปู่ก็เอาแต่แถไถพูดไปให้ผ่าน ๆ ทั้งยังสั่งกำชับไม่ให้ไปถามมู่เซิ่งในเรื่องของเมืองเยียนจิง ฉะนั้นในครั้งนี้หล่อนก็ขี้เกียจเซ้าซี้ถามแล้ว
ได้ยินกู่มู่สวีนพูดกำชับแล้ว กู่ชิงเสวียนก็รับปากไป แล้วก็ตัดวางโทรศัพท์
กู่มู่สวินสุขอยู่ในใจจนเก็บไม่อยู่ เดินออกจากห้องทำงาน เจียดชาชงให้ตัวเองอีกแก้ว มองไปที่พนักงานที่ทำงานล่วงเวลาอยู่ พูดด้วยเสียงอันดังว่า “ทุกคนเหนื่อยหน่อยนะ ค่าล่วงเวลาของอาทิตย์นี้ เพิ่มอีกเท่าตัว ข้าควักจ่ายของตัวเอง!”
“ดีจัง!”
“ขอบคุณเถ้าแก่กู่”
“เจ้านาย มีอะไรสุขใจมากถึงขนาดนี้เหรอ เล่าให้พวกเราชื่นใจด้วยสิครับ/คะ”
“ฮะ ฮะ ฮะ อาทิตย์นี้ฉันจะทำล่วงเวลามันทุกวันเลย เพิ่มรับค่าล่วงเวลาเท่าตัวของบริษัท ฉันจะมีเงินเก็บได้อีกก้อนโต” ก็มีพนักงานคิดกันอย่างอารมณ์ดี
กู่มู่สวินเจียดใบชาชงเสร็จด้วยหัวใจชื่นมื่น เดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง เห็นมีสัญญาณโทรศัพท์เข้ามาจากกู่ชิงเสวียน รีบหยิบขึ้นมาเปิดรับ “ว่างัยหลานสาวที่น่ารัก ยังมีอะไรจะบอกอีกเหรอ?”
“ใช่แล้วคุณปู่ หนูลืมบอกกับคุณปู่อยู่เรื่องหนึ่ง หนูได้ตอบรับปากกับมู่เซิ่งแล้ว บอกว่าจะจัดงานการกุศลรับบริจาคงานหนึ่ง รวมพลังสามัคคีกลุ่มตระกูลทั้งหลายในเมืองเจียงหนาน เพื่อหารายได้มอบให้กับบ้านเอื้อเฟื้อ ซึ่งในนั้นล้วนแต่เป็นเด็กพิการแต่กำเนิด และผู้สูงอายุที่ไม่มีคนเลี้ยงดู เขาคิดจะใช้ชื่อเสียงอิทธิพลตระกูลกู่ที่มีต่อเจียงหนาน ดึงความสนใจให้ชาวเจียงหนานได้ใส่ใจกับบ้านเอื้อเฟื้อ” กู่ชิงเสวียนพูด
“นี่ก็คือเรื่องหลักที่เขาชวนหนูมาทานอาหารกับเขาในครั้งนี้”
“บ้านเอื้อเฟื้อ”
กู่มู่สวีนชะงักอึ้ง ชื่อนี้ เขารู้สึกจะไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่จากการชี้แจงของกู่ชิงเสวียน ก็บอกรู้ได้ชัดว่าเป็นองค์กรการกุศล การมอบความรักกับสังคมย่อมไม่ใช่เรื่องที่กู่มู่สวีนจะมีอคติ จึงพูดไปว่า “ไม่มีปัญหา พรุ่งนี้ปู่จะเริ่มเตรียมการงานกุศลนี้ให้เลย แล้วจะเชิญบรรดาตระกูลทุกตระกูลที่มีอยู่ในเมืองเจียงหนานทั้งหมดมา และในการครั้งนี้ ปู่จะใช้ในนามของตระกูลกู่ บริจาคเงินเจ็ดสิบล้าน ไม่ หนึ่งร้อยล้านด้วยหัวใจบริจาค ในการช่วยบ้านเอื้อเฟื้อ”
แน่นอนว่าพื้นที่ที่จะทำการฟื้นฟูสร้างขึ้นมาใหม่ เป็นภาระของตระกูลกู่ที่จะจัดให้เต็ม
มู่เซิ่งกลับไปถึงบ้าน ช่วงนี้เขาไม่ได้อยู่บ้าน จ้าวหลินก็ไม่อยากทำกับข้าว ก็จึงได้จ้างแม่บ้านมาไว้ มู่เซิ่งที่ยากจะหาเวลาว่างได้ง่าย ๆ ก็ไม่มีความเห็นอะไร ก็ล้มตัวนอนดูทีวีอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก
พอเจียงหว่านกลับมาถึง เห็นเงียบขรึมไม่พูดไม่จา มู่เซิ่งก็รู้ หล่อนต้องเผชิญหน้ากับความกดดันจากเจียงมู่หลง ด้วยเหตุนี้ ทำให้ในระยะนี้หน้าตาอยู่แต่ความหมองเศร้า มู่เซิ่งถึงแม้ได้เตรียมใจให้เจียงหว่านก้าวผ่านอุปสรรคนี้ด้วยตัวหล่อนเอง แต่เขาก็ทำใจไม่ได้ที่จะเห็นสีหน้าเจียงหว่านต้องหมองเศร้าอยู่ทุกวัน
“เจียงหว่าน ช่วงนี้เธอไม่เป็นไรนะ?” มู่เซิ่งเบียดตัวเข้าไป แกล้งลองถาม
เจียงหว่านชบหัวลงบนหัวไหล่ของมู่เซิ่ง พฤติการณ์แบบนี้ สำหรับหล่อนแล้วเป็นเรื่องที่ทำไปอย่างธรรมชาติ หล่อนถอนหายใจแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร เพียงแต่ความกดดันในบริษัทสูงมาก”
“ในเมื่อความกดดันสูงมาก หรือไม่เธอก็ลาพักร้อนสักหลายวัน พวกเราจะได้เดินทางไปท่องเที่ยวด้วยกัน แล้วอีกอย่าง พวกเราแต่งงานกันมาก็นานแล้ว ยังไม่ได้ถ่ายภาพคู่ในชุดวิวาห์กันเลย ก็น่าจะหาโอกาสไปถ่ายกันไว้ได้แล้ว”
มองเหม่อไปที่ผนังห้องที่ว่างโล่ง มู่เซิ่งก็พูดขึ้นมาอย่างทันที
เขาทำเหมือนว่า ยังไม่เคยมีการถ่ายภาพคู่ในชุดวิวาห์กับเจียงหว่านเลย และเขาก็วาดฝันไว้ จะเห็นภาพเจียงหว่านอยู่ในชุดวิวาห์
“ภาพในชุดวิวาห์?” เจียงหว่านอึ้ง
หล่อนก็ไม่คิดเลยจริง ๆ มู่เซิ่งจะมาพูดถึงเรื่องนี้ได้
“ทำไม เธอไม่เอาด้วยหรือ?” มู่เซิ่งพูด
“ยอมสิ แน่นอนว่าฉันก็อยากถ่ายภาพในชุดวิวาห์นะ แต่เรื่องราวในบริษัทนั้น…..” เจียงหว่านไม่พูดต่อ เพราะว่าขณะนี้สถานะของบริษัท ไม่อำนวยให้หล่อนปลีกตัวได้นานขนาดนั้น
“วางใจเถอะ เรื่องในบริษัทนี้ ปล่อยให้ผมจัดการเอง ผมรับรองได้ว่าเมื่อเธอกลับมา ปัญหาที่มีอยู่ทั้งหมดจะเรียบร้อย” มู่เซิ่งยิ้ม ๆ พูดอย่างให้การรับรองว่า “เธอก็เป็นภรรยาผม การเดินทางท่องเที่ยวครั้งนี้ ก็ถือเป็นการเดินทางฮันนีมูนชดเชยแล้วกันนะ”
“ฮัน…ฮันนี่มูน” แก้มที่ใบหน้าเจียงหว่าน ระเรื่อแดงขึ้น