มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 283วางแผนเส้นทาง
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่283วางแผนเส้นทาง
“มู่เซิ่ง อาหารค่ำวันนี้ คุณจัดการทำเองแล้วกัน” จ้าวหลินก็ได้พูดขึ้นอีกในตอนนี้ น้ำเสียงออกมาแบบเชิดได้สบาย ๆ
มู่เซิ่งรู้ดีอยู่ว่าจ้าวหลินชอบ อวดโอ่เอาหน้า อีกทั้งตอนนี้คนตระกูลจ้าวมาถึงเมืองเยียนจิง พักอยู่ที่คฤหาสน์ของพวกเขาที่นี่ ฉะนั้นต้องวางตัวให้ดูมีความเป็นเจ้าบ้าน มู่เซิ่งก็จึงขี้เกียจพูดอะไรให้มากเรื่อง ผงกหัวรับ แล้วก็ตรงออกจากบ้านไป
“พวกเธอสบายใจได้ ในบ้านนี้ ยังไงก็ฉันพูดคำเดียวรู้เรื่อง” จ้าวหลินมือตบอก รู้สึกได้หน้าเต็ม ๆ
เด็กหนุ่มซือเอินหรานผุดรอยยิ้มขึ้นในทันทีนั้น
แม้จ้าวลิ่วป๋อเองก็ผงกหัวด้วยความสบายใจ ถึงมู่เซิ่งจะร้ายกาจ แต่ก็ยังอยู่ในความควบคุมของจ้าวหลิน แสดงว่าลูกสาวของตนคนนี้มีสมรรถภาพมากใช้ได้
เจียงหว่านในขณะนี้ก็ได้เดินไปข้างหน้าจ้าวหลิน พูดเสียงเบา ๆ ว่า “แม่ มู่เซิ่งเขาให้หน้าคุณแม่นะ พอสมควรก็พอนะ แม่อย่าถึงขนาดใช้มู่เซิ่งแบบใช้คนรับใช้เลยนะ”
พูดจบ เจียงหว่านก็เดินตามมู่เซิ่งออกไป
“ฉันรู้แล้ว ฉันถึงยังไงก็เป็นแม่ยายนะ เรียกใช้หน่อยเดียวจะเป็นไรไป” จ้าวหลินบ่นอุบอิบสองสามคำ สุดท้ายโบกมือให้ออกไป วางมาดแบบคนระดับชี้นิ้วสั่งงาน
เหล่าบรรดาญาติตระกูลจ้าว ยิ่งรู้สึกซูฮกจ้าวหลินกันอย่างศิโรราบ
ให้รู้ไว้ว่า ครั้งนั้นในงานเลี้ยงวันเกิด ขนาดกลุ่มผู้ใหญ่อิทธิพลต่าง ๆ ก็ยังอยากคบหากับมู่เซิ่ง สุดท้ายต่อหน้าจ้าวหลิน ก็ยังต้องสยบอยู่อย่างสงบเสงี่ยม
“คุณน้าจ้าว ครั้งนี้ที่ผมมาเมืองเจียงหนาน ก็เพราะได้รับเชิญมาร่วมในกิจกรรมงานการกุศลของบ้านเอื้อเฟื้อ ฉะนั้นในช่วงนี้ต้องขออาศัยอยู่บ้านคุณน้าที่นี่ คุณน้าเห็นว่าสะดวกหรือไม่ครับ?” ถึงตอนนี้ซือเอินหรานก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้น
“ว่าง ว่างแน่นอน อีกทั้งพวกมู่เซิ่งเค้าก็จะไปงานบ้านเอื้อเฟื้อด้วย ช่วงนี้พวกเธอก็พักกันอยู่ที่นี่ได้เลย” จ้าวหลินผายมืออย่างเชื้อเชิญ พูดตามติดมาทันที
และในเวลานั้น ทุกคนก็วางใจสบายลง ต่างคนต่างขนสัมภาระเข้าไปในห้อง
มู่เซิ่งหันออกไปจากคฤหาสน์ ด้านหนึ่งเพราะไม่อยากดูคนตระกูลจ้าวพวกนั้นกระแนะกระแหนกันกับเขา อีกด้านหนึ่ง ก็เพราะเหยาเผิงที่อยู่เยียนจิงบอกมีธุระสำคัญต้องการพบเขา
ใกล้ ๆ นี้ ด้วยทางกลุ่มสมาพันธ์ได้มอบให้เหยาเผิงเข้ามาจัดการเรื่องเส้นทางน้ำและทางบก ธุรกิจต่างประเทศมากมายขนาดนั้น เป็นสิ่งเย้ายวนให้พวกโจรสลัดมืออาชีพด้านปล้นสะดมจ้องกันตาเป็นมัน ในตอนนี้ ก็ได้เตรียมพุ่งเป้าจัดการกับเรือสินค้าของเหยาเผิง
ประเด็นสำคัญคือพวกโจรสลัดเหล่านั้นวางอิทธิพลหากินกันมาเป็นเวลานานแล้ว กองกำลังที่มีอยู่นั้นไม่ธรรมดา พวกยอดฝีมือที่เหยาเผิงจ้างมาคุ้มกันสินค้าต่างก็ถูกถล่มแพ้ไปกันยับเยินหมด และด้วยเพราะว่าในนั้นยังมีทรัพย์สินของจิวเวลรี่มู่เหม่ยอยู่ด้วย เหยาเผิงจึงได้หามาถึงมู่เซิ่งอีก
มู่เซิ่งได้ทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ดีแล้ว ก็แสดงตัวว่าหลังจากนี้สักระยะหนึ่ง จะไปกับขบวนสินค้ากับเขาสักเที่ยว
อย่างน้อยก็ได้ไปถล่มพวกโจรสลัดกลุ่มนั้นให้ยอมสยบ ให้รู้จักกองเรือสินค้าของเหยาเผิง จนไม่กล้าลงมือทำอะไรถึงจะจบกัน
เวลาผ่านไปเงียบ ๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงหว่านตื่นขึ้นมาแต่เช้า จัดเก็บเสื้อผ้าอยู่ในห้อง ตอนนี้จะไปฮันนี่มูนกับมู่เซิ่ง เรื่องนี้ทำเอาหล่อนตื่นเต้นอยู่ทั้งคืน แม้กระทั่งนั่งอยู่บนรถแล้ว ก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้ มองวิวนอกหน้าต่างที่วิ่งถอยไปข้างหลังตามรถ ขนาดว่ายังไม่กล้าขยับตัวออกแรง กลัวภาพที่เห็นนั้นเป็นความฝันที่จะแตกสลายไปถ้าถูกสะกิด
“เป็นอะไรไปจ๊ะ?” มู่เซิ่งเห็นท่าทางงงเซ่อของเจียงหว่าน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วถามไป
“มู่เซิ่ง นี่พวกเรา จะไปถ่ายรูปภาพชุดวิวาห์กันจริง ๆ หรือ?” เจียงหว่านถามเหมือนเป็นคำถามโง่ ๆ
มู่เซิ่งหัวเราะแล้วพูดว่า “ก็แน่นอนสิจ๊ะ พวกเรากำลังอยู่บนเส้นทางไปยังเกาะสองใจ งานในบริษัทของเธอนั้นผมได้จัดให้คนเข้าไปจัดการแทนแล้ว รับรองว่าหลังจากเธอกลับไป ก็ยังคงจะอยู่ในสภาพรุ่งเรืองขึ้นทุกวัน”
ปัญหาหยุมหยิมในบริษัทของเจียงหว่าน มู่เซิ่งได้ให้เหยาเผิงไปช่วยจัดการ หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้ว ค่อยให้ไปรับพวกเขาที่เกาะสองใจ
ได้ยินที่มู่เซิ่งพูด เจียงหว่านน้ำตาคลอทอส่องเป็นประกาย ก้มหน้าลงในทันใดนั้น อารมณ์ดูหดหู่ลงไปในฉับพลัน
“เป็นอะไรหรือ?” มู่เซิ่งถามด้วยความห่วงใย
“คุณคะ ฉันนี่ไม่เอาไหนเลยจริง ๆ ใช่ไหม ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จำเป็นต้องคุณมาช่วย ทุกวันนี้นายก็ช่วยชิงเอาบริษัทกลับคืนมาได้อย่างแสนยาก สุดท้ายก็ยังทำอะไรเองได้ไม่เท่าไหร่” เจียงหว่านอยู่ในอารมณ์ที่หดหู่มาก มีคำพูดมากมายคับคาอยู่กับปาก แต่ยังพูดไม่ออก
คำพูดนี้ทำเอามู่เซิ่งก็ไม่รู้จะพูดยังไงถูก
ที่เจียงหว่านมีสถานะอยู่ได้ในเวลานี้ กับความสำเร็จในปัจจุบัน คงทิ้งไปจากความเกี่ยวพันด้วยของมู่เซิ่งไม่ได้ แต่ทว่าตัวเจียงหว่านเองซึ่งเป็นกำลังหลัก ก็มีความสำคัญเต็มร้อย ถ้าไม่มีสมองคิดในทางธุรกิจ น่ากลัวว่าครั้งแรกที่โดนเจียงมู่หลงถล่มระเบิดใส่อย่างไม่ให้ลืมหูลืมตาได้ในตอนแรกนั้น ก็คงจะรับไม่ไหวแล้ว
“เธอจะไม่เอาไหนได้ยังไง ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ บริษัทนี้ปิดตัวล้มไปตั้งแต่ต้นแล้ว ผมเพียงแต่คอยช่วยประคองอยู่ข้าง ๆ หน่อยเดียวเท่านั้นเอง” มู่เซิ่งพูดยิ้ม ๆ แล้วทำหน้าทะเล้นพูดว่า “แล้วก็ ผมในฐานะสามี นี่ก็เป็นเรื่องที่จะต้องทำอยู่ด้วยนี่นะ”
เมื่อฟังมาถึงคำพูดช่วงหลัง หน้าของเจียงหว่านก็เรื่อแดงขึ้นมาอีก
เธอทำเบ้ปากพูดไปว่า “ก็งั้นฉันก็คิดอยากพิสูจน์ตัวเองไง?”
“ก็ได้อยู่แน่นอน ผมเพียงแต่ให้เพื่อนเข้าไปจัดการเรื่องปลีกย่อยบางอย่างเท่านั้น บริษัทในเวลานี้ ยังคงต้องอยู่ใต้การนำของเธอ ก้าวขึ้นไปอย่างรุ่งโรจน์ทุกวัน” มู่เซิ่งพูด
ได้ยินคำปลอบโยนของมู่เซิ่ง เจียงหว่านก็รู้สึกดีขึ้นมากในทันที หล่อนก็เพราะกลัวว่ามู่เซิ่งจะรำคาญหล่อน จึงได้แกล้งพูดไป ตอนนี้ดูแล้ว เป็นเพราะหล่อนคิดมากไปเอง
ถ้าหากมู่เซิ่งรู้ว่าเป็นแบบนี้ ในใจคงรู้สึกพิลึก
รำคาญเจียงหว่าน?
มีหรือว่าเขาจะเป็นได้ มู่เซิ่งยังแอบคิดหาทางอยู่ว่าจะหลอกยังไงพาตัวเจียงหว่านไปให้พ่อเขาดูตัว
ระยะทางที่นี่ห่างจากเกาะสองใจไม่ไกล แต่ว่าต้องเปลี่ยนพาหนะเดินทางหลายอย่าง จากรถบัสเปลี่ยนไปลงเรือท่องเที่ยวเที่ยวแล้วไปต่อรถนำเที่ยว กว่าจะไปถึงเกาะสองใจ ก็มืดค่ำแล้ว อีกทั้งเกาะสองใจก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ฮอทฮิทมาก เหล่าบรรดา อินเทอร์เน็ตเซเล็บฯ.ก็นิยมมาถ่ายรูปกันที่นี่ ฉะนั้นโรงแรมก็จะแน่นเต็ม
ที่โรงแรม มู่เซิ่งยังได้สั่งเป็นพิเศษกับท่านหลงให้ช่วยจัดหาช่างภาพให้คนหนึ่ง
นี่ต้องจัดว่าเป็นช่างภาพมือหนึ่งเลยทีเดียว พอเห็นมู่เซิ่งแล้ว ก็ได้วิ่งเหยาะ ๆ เข้ามา ถึงแม้เขาไม่เคยได้พบกับมู่เซิ่ง แต่นี่เป็นคำสั่งของท่านหลง แน่นอนว่าเขาก็ต้องเริ่มวิเคราะห์วิวตำแหน่งสถานที่ที่จะไปถ่ายทำกันในวันรุ่งขึ้นพร้อมกันกับมู่เซิ่งและเจียงหว่านเลยเดี๋ยวนั้น
“พรุ่งนี้พวกเราจะไปเลือกชุดวิวาห์กันก่อนดีหรือไปจับจองสถานที่กันก่อน?ที่เกาะสองใจนี้มีหลายที่ที่ฉันคิดไว้ว่าจะไป ตอนนี้ไล่เรียงออกมาแล้วมีห้าแห่ง ต้องเรียงลำดับลงมาจากรายการบนสุดมั้ย?สถานที่หลายแห่งนี้คงไปกันวันเดียวไม่จบเป็นแน่ คุณคะ นายจะรำคาญมั้ยว่าใช้เวลามากเกินไป?” ภายในห้องพัก เจียงหว่านมองดูรายการแผนเดินทาง รู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจ
เธอตื่นเต้นมากเกินไป
เพราะงานนี้สำหรับหล่อน เป็นครั้งแรกที่มาแบบแปรรูปความหมายในรูปธรรม!
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเร่งรีบ ขอเพียงให้สุดที่รักพอใจ ให้ผมอยู่ไปสิบปีก็ไม่มีอะไรต้องรีบ” มู่เซิ่งพูดยิ้มจนตาหยี
ขอเพียงให้เจียงหว่านสุขใจ ให้เขาทำยังไงก็ยอม
ได้ยินมู่เซิ่งพูดอะไรทุกอย่างก็ตามใจหล่อนเอง เจียงหว่านก็ให้รู้สึกสดชื่นอารมณ์ใจ แต่ทว่า หล่อนแน่ใจอยู่ว่าจะเอาแต่ใช้อารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวคนเดียวไม่ได้ ถึงแม้ว่าหล่อนยังไม่เคยอยู่ในห้วงรักคุยจีบกัน แต่หล่อนก็รู้อยู่อย่างดีว่า คนสองคนอยู่ด้วยกัน จำเป็นต้องเกื้อกูลเติมเต็มซึ่งกันและกัน ทั้งคู่จึงจะได้ใช้ชีวิตด้วยอารมณ์รักที่เป็นนิจนิรันดร์กันได้
“เอาอย่างนี้ดีกว่า……..” เจียงหว่านจู่ ๆ ก็เอ่ยปากพูดออกมา