มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 287 ฉันยินดี
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่287 ฉันยินดี
“จุ๊ ๆ ๆ เสื้อผ้าชุดนี้ซื้อมาจากที่ไหนเนี่ย ทำไมดูธรรมดาจัง คุณภาพวัสดุก็แย่นะ มองทีเดียวก็รู้เลยว่าของปลอม” ตอนนี้ คนผู้ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็พูดเชิดเสียงทำฟอร์มใหญ่ขึ้นมา
“ชุดวิวาห์ของแท้หรือของปลอม ไม่เห็นจะเกี่ยวกับคุณเลยมั้ง?” มู่เซิ่งกวาดตามองเขาไปชืด ๆ
สำหรับคนประเภทนี้ เขาขี้เกียจที่จะไปยุ่งเกี่ยวด้วย ในสายตาของเขา ไอ้ผู้ชายแบบนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปกับพวกตัวตลกสลับฉาก ที่จะทำให้มู่เซิ่งอยากจะลงมือยังไม่มีเลย
“เฮอะ ๆ ขนาดชุดวิวาห์ยังของปลอม มันช่างจนอย่างน่าอนาถแท้” ผู้ชายนั้นพูดเย้ยหยัน
ขณะนั้นเองหยางเหนิงที่ยืนทำการถ่ายภาพอยู่ตรงนั้นก็ทนดูไม่ได้แล้ว เขาจึงพูดไปด้วยน้ำเสียงเหยียด ๆ ว่า “ชุดที่ใส่อยู่บนตัวพวกคุณก็ซื้อมาจากร้านชุดวิวาห์ซินซินมั้ง ในเมื่อพวกคุณก็รู้จักชุดชุดนี้ ก็ย้อนกลับไปดูด้วยตาเองก็รู้เรื่องได้แล้วมั้ง?”
หนุ่มสาวคู่นี้มัวยืนแกล้งเซ่ออยู่ตรงนี้ มันเป็นการกีดขวางงานถ่ายภาพของเขาอย่างแท้จริง
“นับว่าแกยังมีตา เห็นชุดที่เมียข้าใส่อยู่นั้นซื้อมาจากร้านชุดวิวาห์ซินซิน สองแสนห้าชุดนี้ เทียบกับชุดของปลอมของพวกแก ราคาคงแพงขึ้นไปกว่าร้อยเท่าละมัง?” คนผู้ชายพูดพร้อมกับยิ้มเย้ย
ฝ่ายผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ยินแบบนั้น ก็ออกอาการสะใจ ผู้ชายของเขามีเงินมีอำนาจ ก็เป็นต้นทุนส่วนหนึ่งที่ให้หล่อนใช้คุยอวดได้
มู่เซิ่งส่ายหน้า ไม่พูดอะไรต่อ
ถ่ายภาพที่ระลึกแต่งงานอยู่ดี ๆ เขาไม่อยากไปเสียเวลากับพวกคนประเภทนี้
สุดท้าย เห็นมู่เซิ่งใม่อยากยุ่งกับเขา ผู้ชายตนนั้นเลยกลับคิดว่ามู่เซิ่งคงจะหงอ เลยคิดจะไปดึงชุดวิวาห์บนตัวของเจียงหว่าน เพื่อจะพูดประชดมู่เซิ่งอีกสักหลายคำ เพื่อวางมาดความเป็นคนมีฐานะสูงพอในสังคม
แต่ว่า มือของเขายังไม่ทันแตะถูกชุดวิวาห์ ก็ถูกมือของมู่เซิ่งจับไว้แน่น
“คุณ คุณจะทำอะไร?”
กำลังที่แรงมาก เหมือนถูกปากคีมเหล็กบีบไว้แน่น คนผู้ชายนั้นหน้าถึงกับถอดสี
“มือทั้งคู่ของคุณ ไม่มีคุณสมบัติพอจะแตะต้องชุดวิวาห์นี้ ก่อนที่ผมคิดเปลี่ยนใจทำอะไรลงไป ไสหัวไปให้ไกล ๆ!” มู่เซิ่งมองผู้ชายคนนั้น พูดเสียงหนาวเยือก
“ผม….”
ผู้ชายคนนั้นถูกสายตาของมู่เซิ่งจ้องใส่ ทันทีนั้นต้องสะท้านหนาวขึ้นมา
แววตาผู้ชายคนนี้ ช่างน่ากลัวจริง ๆ!
ดูเหมือนกับมัจจุราชที่เดินออกมาจากกองศพทะเลเลือด ลึกเข้าไปในนัยน์ตา แฝงอยู่ด้วยความหนาวเยือก ในใจเกิดสังหรณ์อะไรที่รุนแรงขึ้นมา ให้รู้ว่าถ้าเขาขืนกล้าตอแยอีกต่อไป ผลออกมาน่ากลัวต้องเป็นเรื่องที่ไม่อยากคิดให้เป็น
“แม่งนี่ ไว้มึงคอยดูทีกูมั่งแล้วกัน” ผู้ชายคนนั้นทิ้งคำอาฆาตไว้ กุมแขนที่เจ็บระบมอยู่ พาผู้หญิงคู่ของเขาเดินจากที่นี่ไป
ผู้หญิงคู่ของเขาเดินไปด้วยอารมณ์ไม่ดีตลอดทาง แต่ดูท่าทางของคนผู้ชายแล้ว ก็ไม่กล้าพูดอะไร รอจนเดินห่างออกมาไกลแล้ว หล่อนจึงตัดพ้อถามไปว่า “หวงอวี่ คุณทำไมต้องไปกลัวไอ้หมอนั่นด้วยนะ ชุดที่มันใส่ก็ของปลอมอยู่แล้วชัด ๆ!”
“เฮอะ ๆ เธอไม่เห็นไอ้ช่างภาพที่อยู่ข้าง ๆ มันนั่นหรือ?” เดินมาถึงบริเวณที่ไม่ค่อยมีคนแล้ว ฝ่ายผู้ชายค่อยมีสีหน้าปกติ แต่เรื่องที่มู่เซิ่งทำให้เขาเสียหน้า กลับยังค้างคาใจเขาอยู่
“ช่างถ่ายภาพ มันจะมีอะไรหรือ?” ฝ่ายผู้หญิงถามอย่างข้องใจ
“ไอ้ช่างภาพคนนั้นบนแขนเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น ดูปั๊บก็รู้ว่าเป็นพวกประเภทกะเลวกะราดในสังคม อีกทั้งตอนนี้เรามาฮันนี่มูนกัน แล้วก็ไม่ได้เอาบอดี้การ์ดมา ถ้าเกิดมีเรื่องขึ้นมา ฝ่ายเสียเปรียบนั้นคือเรา” หวงอวี่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดอย่างเจ็บแค้น “เดี๋ยวผมจะโทรศัพท์ไป ให้คุณพ่อส่งลูกน้องเขาเข้ามา แล้วให้พวกเขาล้อมกรอบเล่นงานไอ้หมอนั่น ดูว่ามันยังกล้าเอาอะไรมาหือกับผม!”
“จะต้องให้ส่งคนมาเยอะหน่อยนะ ให้มันเห็นของจริงมั่ง!” ผู้หญิงคนนั้นก็เจ็บแค้นอยู่ด้วยเหมือนกัน
“วางใจเถอะ อาศัยกลุ่มกำลังของพ่อผมในอำเภอซานเซี่ยง อย่างน้อยก็ต้องมีมาสักห้าหกสิบคน” ฝ่ายผู้ชายพูดด้วยรอยยิ้มที่เหี้ยมเกรียม
พ่อของเขานั้นก็จัดเป็นเจ้าพ่อมีอันดับอยู่ ลูกน้องในมือมีกว่าร้อยคนขึ้น เวลานั้นเอาคนมาแค่สักครึ่งเดียวล้อมกรอบมู่เซิ่ง ไอ้หมอนี่คงไม่กล้าแข็งขืน คงต้องถึงกับตกใจกลัวจนเยี่ยวแตกแน่
แล้วผู้หญิงข้างตัวเขานางนั้น อีกไม่ช้าก็ต้องตกมาเป็นของเล่นของเขา
“ไปเถอะ ไปดูที่ร้านชุดวิวาห์กันก่อน ผมยังไม่เชื่อจริง ๆ ไอ้หมอนี่จะมีเงินซื้อของแท้ได้จริง ๆ” หลังจากโทรศัพท์แล้ว ฝ่ายผู้ชายพูดเสียงเยือก ๆ
……
อีกด้านหนึ่ง เจียงหว่านมองหนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวนั่นออกไปแล้ว พูดกับมู่เซิ่งว่า “มู่เซิ่ง พวกเราอย่าไปเสียอารมณ์กับคนประเภทนี้เลย ชุดวิวาห์ชุดนี้ ฉันชอบอย่างมากเลย”
ชุดวิวาห์ชุดนี้ ไม่ต้องพูดว่าเป็นของแท้เลย ถึงให้เป็นของเลียนแบบ ขอเพียงแต่เป็นของที่มู่เซิ่งซื้อให้หล่อน เจียงหว่านก็ชอบใจแล้ว
“เธอชอบก็ดีแล้ว” มู่เซิ่งหัวเราะและหันหน้าไป
หยางเหนิงเห็นทั้งสองยืนอยู่ตรงริมหน้าผา ภาพจินตนาการแวบขึ้นมา พูดไปว่า “คุณทั้งสอง น่าจะถ่ายภาพที่ระลึกขอแต่งงานที่ริมหน้าผาสักภาพนะ”
“ขอแต่งงาน?”
ในใจเจียงหว่านสะท้านขึ้นมาเบา ๆ
การแต่งงานของหล่อนกับมู่เซิ่ง ตั้งแต่ต้นมาล้วนแล้วแต่คุณพ่อจัดการให้ การขอแต่งงาน การถ่ายภาพที่ระลึก กระบวนการประเภทนี้ไม่เคยได้มี ถึงแม้ปัจจุบันที่อยู่กับมู่เซิ่งมา หล่อนก็พูดแต่ปากว่าไม่ได้ต้องสนใจ แต่ความจริงในใจนั้นกระหายอยากอย่างมากที่จะมีกระบวนในพิธีแต่งงานที่เป็นทางการ
มู่เซิ่งดูจากสภาพการณ์ ก็เข้าใจแจ้งชัดขึ้นมาในทันที คุกเข่าลงข้างหนึ่ง หันไปทางเจียงหว่าน ค่อย ๆ ยื่นมือออกไป
ขนตาของเจียงหว่านพริบไหวเล็กน้อย เอามือวางลงบนฝ่ามือมู่เซิ่ง พูดว่า “ฉันยินดี…..”
แครช—–
หยางเหนิงกดชัตเตอร์ เก็บภาพนี้ขึ้นมา ประทับวางเก็บในอุปกรณ์ไว้ได้ตลอดไป
ส่วนมู่เซิ่งเมื่อได้ยินคำพูดนั้น น้ำตาเอ่อขึ้นมาคลอที่เบ้าจากจิตสำนึก สามคำที่พูดนี้ เขาไม่เคยได้ยินจากปากของเจียงหว่านเลย มาถึงตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป เจียงหว่านแสดงเจตจำนงชัดเจนแล้วว่ายินดีแต่งงานกับมู่เซิ่ง ยินดีที่จะอยู่กินกับเขา
มู่เซิ่งรู้สึกขึ้นมาในทันทีนั้น ความน้อยเนื้อต่ำใจที่รับมาเต็ม ๆ ในสามปีก่อนหน้าจะได้ยินคำพูดนี้ มันไม่ใช่เป็นเรื่องเลยสักนิด
เพียงคำเดียวนี้ของเจียงหว่าน ก็สามารถทำให้สลายเป็นควันเลือนหายไป
“แต่ว่า ผม…ผมลืมเอาแหวนมาด้วย” มู่เซิ่งพูดอย่างเคอะเขิน
“ไม่จำเป็น ขอมีเพียงนาย มีนายก็พอแล้ว” เจียงหว่านเอามือปิดจมูก น้ำตาเริ่มไหลลงมาตามร่องแก้ม
ขอเพียงเป็นมู่เซิ่ง
ก็คือขอเพียงมีมู่เซิ่ง
งานแต่งงานของหล่อน จึงจะใช่เป็นงานแต่งงานของหล่อน
มู่เซิ่งค่อย ๆ ลุกยืนขึ้น ใช้นิ้วมือปาดเช็ดน้ำตาที่พลิ้วไหวอยู่กับขนตาเจียงหว่าน เจียงหว่านเชิดคอที่เรียวยาวระหง ค่อย ๆ พริ้มตาปิดลง
“ที่รักจ๊ะ นายรู้ไหม เวลาหญิงสาวพริ้มตาหลับลง ก็เพราะจะให้นายทำอะไร?” เสียงของเจียงหว่านเบามาก เผยอปากดั่งกุหลาบแรกแย้ม
ให้มู่เซิ่งโง่ถึงขนาดที่สุด ก็เข้าใจความหมายของเจียงหว่าน ก้มหน้าลงประทับจูบลงไปอย่างสุดซึ้ง
ขอยึดมั่นในใจเดียว เกี่ยวก้อยคู่กันไปจนแก่เฒ่า
ทั้งสองคนในขณะนี้ ความอัดอั้นน้อยใจกันมาทั้งสามปี สลายมลายสิ้นไป จากจูบที่สุดซาบซึ้งถึงทรวงในครั้งนี้
แครช ๆ ———
นิ้วมือของหยางเหนิงสั่นรัว ในนาทีนี้ เขาก็อินไปกับความรู้สึกในบรรยากาศ ไม่สนใจกับจำนวนเฟรมภาพ กดชัตเตอร์รัว ๆ ไปอย่างบ้าคลั่ง
เขาต้องบันทึกให้ได้หมด กับภาพที่สวยงามที่สุดนี้
“เธอ โชคดีที่สุด” ในชั่วแวบที่กดชัตเตอร์ ลึก ๆ ในใจหยางเหนิงพูดอยู่เงียบ ๆ
คนภายนอก ใคร ๆ ก็ว่ามู่เซิ่งเป็นบ่าวขยะแต่งเข้าของบ้านตระกูลเจียง เริ่มแรกเขาก็หลงเชื่อในข่าวลือ ในใจก็มีความเห็นด้วยอยู่ แต่ในฐานะที่เขาเป็นช่างภาพขณะนี้ สามารถสัมผัสรู้ได้จากแต่ละฉากของภาพถ่าย ความสุขใจของทั้งสองคน ไม่ใช่เป็นอย่างที่คนทั่วไปลือกันไว้ ว่าแข็งทื่อหนาวเยือก
ตรงกันข้าม ความสุขของคนทั้งสอง ไม่มีทางที่คนธรรมดาทั่วไปจะรับรู้ได้
“เป็นไปได้ว่า มู่เซิ่งไม่ได้เป็นไอ้ขยะอย่างที่เป็นข่าวลือกัน อย่างน้อยในสายตาของเจียงหว่าน เขาไม่ใช่แน่นอน” ในใจหยางเหนิงคิดอยู่ เขารู้ว่าคุณนายเจ้าของร้านชุดวิวาห์จงใจเสนอเรื่องงานประมูลกับมู่เซิ่ง แหวนวงที่มีราคาสูงค่าเทียมเมือง แต่ไม่รู้เป็นยังไง ในใจของเขานั้นสังหรณ์อยู่ลึก ๆ ว่า มู่เซิ่งจะได้แหวนวงนี้ จากการประมูลในครั้งนี้ได้อย่างสบาย ๆ
ในขณะที่ทั้งสองกำลังเก็บภาพกันอยู่นั้น หวงอวี่กับผู้หญิงข้างกายคนนั้น ก็ได้มาถึงที่ร้านชุดวิวาห์ซินซิน
แต่ทว่า ทั้งสองเพียงเดินไปถึงหน้าประตูร้าน ต่างต้องชะงักด้วยจิตสำนึก
เพราะสิ่งที่พวกเขามองเห็นนั้น ชุดซิกเนเจอร์สุดวิเศษที่โชว์อยู่ในร้าน หายไปแล้ว…..