มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 288 เงื่อนไขของงานประมูล
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่288 เงื่อนไขของงานประมูล
ชุดวิวาห์สวยวิเศษอันเป็นซิกเนเจอร์ประจำร้าน ที่เคยวางอยู่ตรงกลางร้าน ทำให้ไม่ว่าใครจะอยู่ตรงมุมไหน ก็สามารถมองเห็นชุดวิวาห์สุดยอดนี้ได้ ฉะนั้นเจิ้นซินซินจำตำแหน่งนี้ได้แน่นอน
แต่ในครั้งนี้ ตอนที่พวกเขามาถึง ตู้กระจกเหลือแต่ความว่างเปล่า
นี้ทำเอาใจของเจิ้นซินซิน ในทันใดนั้นเหมือนตกวูบหล่นลงไปในเหวลึก
ชุดวิวาห์นี้ หายไปได้ยังไง?
หรือจะใช่ว่า ชุดวิวาห์ที่ผู้หญิงคนเมื่อกี้นี้ใส่นั้น เป็นของจริง?
สติปัญญาบอกความจริงให้หล่อน แต่เจิ้นซินซินก็ยังไม่เชื่อเรื่องนี้ หล่อนไม่ยอมเชื่อ ชุดที่ระดับอย่างหล่อนเองยังไม่มีปัญญาจะซื้อ คนอื่นจะใช้ปัญญาอะไรมาซื้อไปได้ ก็จึงถามไปอย่างหงุดหงิดใจว่า “คุณนายเจ้าของร้าน ชุดวิวาห์ชุดนี้หายไปได้ยังไงกัน?”
“ชุดวิวาห์ชุดนี้ ดิฉันเพิ่งจะขายออกไป” คุณนายเจ้าของร้านพูด แถมอธิบายถึงรูปร่างหน้าตาของเจียงหว่านให้ด้วย
จากความเป็นจริงที่เห็นอยู่ข้างหน้า เจิ้นซินซินย้อนพูดอะไรไม่ออกอีก ไฟริษยา ความอับอาย อารมณ์สับสนหลากหลาย ระดมปั่นป่วนอยู่ในใจหล่อน คำประชดเย้ยหยันต่อมู่เซิ่งที่ผ่านมานั้น ตอนนี้กลายเป็นฝ่ามือตบ ฟาดกลับใส่เข้าเต็มหน้าหล่อน
หวงอวี่ถึงกับเกิดความหวาดหวั่นขึ้น กำลังคิดจะโทรศัพท์ออกไป เพื่อบอกให้พ่อของเขาไม่ต้องมาแล้ว
ถึงยังไง คนที่ซื้อชุดเสื้อผ้าราคาสามสิบกว่าล้านได้ เบื้องหลังย่อมไม่ใช่ธรรมดา ไม่แน่ว่าตัวเองจะไปแหย่เอาคนระดับผู้ยิ่งใหญ่เข้า
ในขณะที่หวงอวี่กับเจิ้นซินซินต่างคนต่างคิดเรื่องต่าง ๆ กันอยู่ คุณนายเจ้าของร้านจู่ ๆ ก็เอ่ยปาก พูดอย่างสะเทือนใจว่า “เฮ้อ แต่ก็ไม่รู้ผู้หญิงคนนี้เนี่ยนะ ทำไมถึงได้ไปชอบเขาได้ ถึงแม้ดูว่าฝ่ายชายเป็นคนจ่ายเงิน แต่เงินนั่นมันของฝ่ายหญิงทั้งนั้น”
“เงินของฝ่ายหญิง?” พอหวงอวี่ได้ยินคำพูดนี้ ใจชื้นขึ้นมาทันที รีบจี้ถามต่อ
“นั่นแหละ ผู้หญิงคนนี้เปิดบริษัทเอง มีมูลค่าในตลาดถึงพันล้าน ผู้ชายไม่มีงานทำ เงินนี้ก็ขอมาจากฝ่ายหญิงนั้นเอง มีหรือที่เขาจะเสกออกมาได้?” คุณนายเจ้าของร้านพูด “แต่ผู้ชายคนนี้ก็เกินไป ผู้หญิงก็มีเงินอยู่แค่นั้น เสร็จแล้วเขาก็เอาไปใช้จ่ายอย่างไม่รู้จักเสียดาย อย่างกับว่าเป็นเงินของตัวเอง”
“เฮอะ ๆ ที่รัก เห็นไหมผมว่าไว้ไม่มีผิด ผู้ชายแบบนี้มันก็ไอ้พวกเหลือขอ ซื้อชุดวิวาห์ชุดหนึ่ง ยังทำเป็นฟอร์ม คนประเภทนี้ไร้ยางอายยิ่งกว่าที่ผมคิดอีก” หวงอวี่แค่นหัวเราะ เอ่ยปากว่าไป
เดิมทีเขายังคิดว่ามู่เซิ่งจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่มาจากไหน ตอนนี้ดูแล้ว ก็ผู้ชายปะเหลาะเกาะผู้หญิงกินนั่นแหละ
ส่วนบริษัทของผู้หญิงคนนี้มีมูลค่าระดับพันล้านในตลาด คงไม่ได้อยู่ในสายตา
ผู้หญิงคนนั้นผงกหัวยิ้มเหยียด ๆ ต้องอย่างนี้สิ มู่เซิ่งเป็นพวกหนุ่มปะเหลาะ ถึงได้เป็นลักษณะของมู่เซิ่งตรงกับที่หล่อนมอง
“ไอ้ผู้ชายคนนั้นยังคุยโอ่อย่างไม่รู้จักเจียมว่าจะไปในประมูลที่กำลังจะจัดขึ้น งานประมูลระดับนี้เขาจะมีปัญญาเข้าไปร่วมได้หรือ?ทั้งยังคุยว่าจะซื้อแหวนที่เป็นตัวหลักของงาน พวกคุณอยากดูเขาเสียหน้า ก็น่าจะไปดูที่งานประมูลนั้นได้” คุณนายเจ้าของร้านชุดวิวาห์พูดต่อ
ชุดวิวาห์อันเป็นซิกเนเจอร์ของร้านนี้ แทบจะพูดได้ว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของร้านชุดวิวาห์ซินซิน ตอนนี้ตั้งแต่ถูกซื้อไปแล้ว ก็ได้มีคนเข้ามาสอบถามหลายคนแล้ว คุณนายเจ้าของร้านชุดวิวาห์เห็นว่าการไปมุงดูเรื่องสนุกไม่ใช่จะเป็นเรื่องใหญ่ ก็จึงได้เชิญชวนพวกคนเหล่านั้นไปดูหนังสนุก ๆ กันที่งานประมูลด้วย
“ในเมื่อเขาจะไป ผมก็ต้องไปแน่ งานประมูลนี้เป็นงานประมูลระดับสุดยอดของเกาะนี้ เขาคงไม่ใช่จะไปประมูลซื้อของ แล้วยังใช้เงินของเมียได้มั้ง” หวงอวี่พูดเสียงหัวเราะ
“ฉันว่าเป็นไปได้มากนะ ไอ้คนขยะที่ไม่มีงานทำ ถ้าไม่ได้อยู่กับเมีย จะหากินข้าวยังยากเลย” เจิ้นซินซินพูด
หล่อนเดิมที่เดียวเห็นผู้หญิงที่สวยกว่าตัวเองก็หมั่นไส้อยู่แล้ว ยิ่งเจียงหว่านมีเงินมากด้วย ยิ่งทำให้ความอิจฉาริษยาในใจพุ่งปรี๊ดขึ้นมา หล่อนจึงตั้งใจเฝ้ารอจะไปงานประมูลนี้ เพื่อไปดูมู่เซิ่งไปทำขายหน้ายังไง
ความจริงในความตั้งใจของพวกเขา จะเที่ยวให้ทั่วเกาะนี้ในสามวัน สุดท้ายในช่วงบ่ายของทั้งวันเดียวนี้ ก็ได้แค่วนเวียนอยู่ที่วิวริมหาด จนเวลาใกล้ค่ำแล้ว ก็ไปได้แค่เพียงสองที่ ก็ต้องถอนกำลังกลับที่พักกันแล้ว
ไม่ได้มีเหตุผลอื่นใด แต่เป็นเพราะหยางเหนิงเอาแต่กดชัตเตอร์ กล้องถ่ายรูปแทบจะไม่ได้วางลงเลยตลอดทาง มู่เซิ่งกับเจียงหว่านทั้งสองคน ไม่ว่าจะเดินไปตรงจุดไหน ก็ล้วนแล้วแต่เห็นวิวสวยสุดยอดไปหมด ฟิล์มที่เตรียมมาอย่างเพียงพอ สรุปใช้ไปหมดเกลี้ยงภายในวันเดียวนี้
แน่นอนว่าหยางเหนิงมีฟิล์มเตรียมสำรองอยู่ แต่ทิ้งไว้ที่ที่พัก ฉะนั้นก็ต้องเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยถ่ายกันต่อ
มู่เซิ่งกับเจียงหว่านทั้งสองคนเดินกันทั้งวัน พอกลับถึงห้องพัก ก็ล้มตัวนอนแผ่หลาบนเตียง
“เหนื่อยมากเลย ไม่คิดว่าการถ่ายชุดวิวาห์นี่ จะเป็นงานที่ยากลำบากขนาดนี้” เจียงหว่านพูด เธอถึงจะเหนื่อยมาก แต่สีหน้ายังคงอิ่มเอิบด้วยรอยยิ้มที่แสนสุขจากความรัก
มู่เซิ่งกลับไม่ได้เหนื่อยถึงขนาดนั้น นั่งอยู่ขอบเตียง พูดกับเจียงหว่านด้วยเสียงหัวเราะว่า “ที่รัก ผมไปตักน้ำใส่กะละมังมาให้ล้างเท้านะ”
“ที่รักจ๊ะ มีนายอยู่ข้าง ๆ นี่ ดีจังเลย” เจียงหว่านเห็นเหนื่อยวุ่นกันมาทั้งวัน ยังมาช่วยหล่อนเช็ดเท้าอีก พูดด้วยความตื้นตัน
มู่เซิ่งเอาน้ำที่ล้างเท้าไปเททิ้ง พลางพูดว่า “ถ้านี่เป็นสามปีที่แล้ว น่ากลัวเท้าของเธอคงไม่ยอมให้ผมแตะต้องเลยมั้ง?”
อารมณ์ความรู้สึกต่อกันของทั้งสอง พูดได้ว่าผสานกลืนกันเข้าเป็นหนึ่งเดียว เป็นสามีภรรยากันโดยแท้จริงแล้ว ฉะนั้นการพูดกันแบบนี้ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องตะขิดตะขวงใจ แต่กลับเป็นความหลังที่ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ
เจียงหว่านแหงนหน้ามองฝ้าเพดาน พูดอย่างสะท้อนใจ “ใช่สิ ตอนนั้นฉันเรียนจบใหม่ ๆ เพิ่งจะกลับมาถึง มารับช่วงบริษัท สุดท้ายคุณพ่อฉันก็พาใครคนหนึ่งมา พูดว่านี่คือสามีในอนาคตของเธอ นายว่าเรื่องแบบนี้ ใครจะรับกันได้อ่ะ”
มู่เซิ่งผงกหัว เรื่องของจิตใจนี่ ฝืนใจกันไม่ได้จริง ๆ ตัวเขาเองมาถึงตอนนี้ ก็คือเขยิบทีละนิด จึงได้ค่อย ๆ เดินเข้ามาอยู่ในหัวใจของหล่อนได้
“จริงด้วย ตอนนั้นคุณไปรู้จักกับคุณพ่อฉันได้ยังไงกัน?” เจียงหว่านถามไปด้วยความประหลาดใจ
“ตอนนั้น ผมกำลังปฏิบัติภารกิจในหน่วยมังกร ถูกหักหลัง ผมบาดเจ็บสาหัสกระโดดลงแม่น้ำไป เพื่อเอาชีวิตรอด ตอนที่อยู่ในอาการสาหัสผมก็ได้รับการช่วยเหลือจากคุณพ่อของเธอ ตอนนั้นคุณพ่อเธอเห็นว่าเธออยู่ในบ้านตระกูลเจียงมีสภาพย่ำแย่มาก ฉะนั้นจึงขอร้องให้ผมช่วยดูแลปกป้องคุณสักสามปี ด้วยเหตุนี้จึงได้รับผมเป็นบ่าวเข้าบ้านตระกูลเจียง” มู่เซิ่งบอกเล่า
เจียงหว่านฟังอยู่อย่างสงบ
เรื่องพวกนี้ หล่อนไม่เคยได้ยินมู่เซิ่งพูดให้ฟังมาก่อนเลย ตอนนี้มาได้ยินที่มู่เซิ่งพูด หล่อนถึงได้เข้าใจ สามปีที่ผ่านมานี้ มู่เซิ่งได้รับการกดดันสบประมาทอย่างมากมาย
ส่วนมู่เซิ่งก็ไม่ได้พูดถึงเบื้องหลังของครอบครัวตัวเอง เจียงหว่านก็ไม่ซักถามมาก เพราะหล่อนก็รู้ดี ให้ถึงเวลาที่เหมาะสม เรื่องต่าง ๆ มู่เซิ่งก็จะบอกหล่อนเอง
ทั้งสองนั่งพิงอยู่ข้างเตียง เจียงหว่านฟังมู่เซิ่งพูดไปทั้งคืน จนสองตาประกบเข้าหากัน ทนจนไม่ไหวหลับไป
เห็นเจียงหว่านนอนหลับไปแล้ว มู่เซิ่งใส่เสื้อผ้า เตรียมตัวเสร็จออกจากห้องไป
ออกจากโรงแรม เขารีบจัดการเรียกรถ ตรงไปยังสถานที่จัดงานประมูล งานประมูลครั้งนี้ เขาต้องเตรียมทำการบ้านให้พร้อมล่วงหน้า
ถึงแม้ว่า เขายังไม่ได้เห็นแหวนแต่งงานนั้นจริง ๆ แต่การถ่ายรูปคู่แต่งงานในวันนี้ ตอนที่เจียงหว่านวางมือลงบนฝ่ามือของมู่เซิ่งนั้น เขามีความรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า ยิ่งทำให้มู่เซิ่งเกิดความคิดอันหนึ่งขึ้นมา เขาจะต้องซื้อแหวนแต่งงานนี้มาให้ได้ แล้วจัดการขอแต่งงานอีกครั้งหนึ่ง
การขอแต่งงานที่ไม่มีแหวนแต่งงาน จะเรียกว่าขอแต่งงานได้ยังไง
แต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ พอเขาก้าวเข้าไปถึงหน้าประตูทางเข้างานประมูล ก็ได้ถูกกั้นขวางห้ามเข้า
เพราะว่าเงื่อนไขการเข้าไปในงานประมูลนี้ สูงมาก…..