มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 30 ร้องขอความเมตตา
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 30 ร้องขอความเมตตา
ท่านสามรีบกล่าวว่า “ขอโทษด้วย ผมไม่รู้ว่าเป็นของขวัญจากท่านกู่ ดังนั้นผมถึงได้โยนลงบนพื้น”
ใบหน้าเหี่ยวย่นของเขาน่าเกลียดมาก
หลังจากร่วมมือทำงานกับของมู่ซื่อ กรุ๊ปแล้ว สามารถกล่าวได้ว่าธุรกิจของตระกูลเจียงจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาอาจกลายเป็นตระกูลชั้นหนึ่งในเมืองเจียงหนานก็เป็นได้ แต่ถ้าตระกูลเจียงล่วงเกินตระกูลกู่ และเมื่อตระกูลกู่ลงมือเคลื่อนไหว สามารถกล่าวได้ว่าสำหรับตระกูลเจียงแล้ว มันเป็นหายนะ
“คุณหนูกู่ ขอโทษด้วย ผมคิดว่ามู่เซิ่งซื้อของชิ้นนี้มาจากแผงลอยข้างถนน” เจียงมู่หลงขอโทษด้วยความจริงใจเช่นกัน
“ถ้าคุณปู่ไม่นำมามอบด้วยตนเอง พวกคุณก็สามารถใส่ร้ายว่ามันเป็นขยะเหรอ? ตราราชลัญจกรชิ้นนี้ล้ำค่ามาก พวกคุณตาบอดเหรอ?” กู่ชิงเสวียนกล่าวด้วยความเย็นชา
ท่านสามเป็นคนที่มักรังแกคนที่อ่อนแอกว่า แต่กลัวคนที่แข็งแรงกว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลใหญ่อย่างตระกูลกู่แล้ว เขาไม่กล้าอารมณ์เสียแม้แต่น้อย เขาตบหน้าตนเองหลายครั้งและกล่าวว่า “ขอโทษด้วย เป็นเพราะพวกเราตาบอด ที่คิดว่าของขวัญโบราณเป็นขยะ ขอร้องโปรดยกโทษให้พวกเราสักครั้ง และอย่าบอกท่านกู่เด็ดขาด”
กู่ชิงเสวียนมองท่านสามด้วยความเย็นชา และดวงตาที่เย็นชาของเธอมองเขาเหมือนมองสุนัขตัวหนึ่ง
เดิมทีเธอเป็นผู้หญิงที่เย่อหยิ่งอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะคำขอของคุณปู่ เธอไม่มีทางมาร่วมงานเลี้ยงของตระกูลเจียงอย่างแน่นอน ตอนนี้เธอพบเจอเรื่องแบบนี้ แล้วเธอจะยอมรามือได้อย่างไร
“ฮ่า ๆ สายเกินไปแล้ว!”
กู่ชิงเสวียนเดินไปอยู่หน้ามู่เซิ่ง แล้วโยนของขวัญลงบนโต๊ะอย่างแรง “มู่เซิ่ง นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่คุณปู่ให้ฉันนำมามอบให้ตระกูลเจียง แต่ตอนนี้ ฉันให้คุณ! แล้วฉันจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้คุณปู่ฟังอย่างละเอียด”
ท่านสามตกใจจนตัวสั่น ถ้าตระกูลกู่รู้เรื่องนี้ เขาไม่กล้าจินตนาการว่าผลที่ตามมามันจะร้ายแรงขนาดไหน!
จริงสิ! มู่เซิ่ง
ดูเหมือนว่ากู่ชิงเสวียนมาที่นี่เพราะมู่เซิ่ง
และตราราชลัญจกรที่อยู่ในมือของเขานั้น ท่านกู่เป็นคนมอบให้เขาเอง
ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่ามู่เซิ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลกู่ได้อย่างไร แต่ตอนนี้ มู่เซิ่งเป็นความหวังสุดท้ายของตระกูลเจียง
ตุ๊บ!
ทันใดนั้นท่านสามตัวสั่น และกอดต้นขามู่เซิ่งทันที ด้วยสีหน้าอ้อนวอนและร้องไห้อย่างขมขื่น
“มู่เซิ่ง ถึงอย่างไรผมก็เป็นปู่ของคุณ ขอร้องได้โปรดช่วยออกหน้าพูดแทนด้วยเถอะ”
เจียงหว่านรู้สึกตกตะลึง ปกติท่านสามเป็นคนที่น่าเกรงขาม เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน?
“มู่เซิ่ง คุณจะช่วยออกหน้าพูดแทนเขาเหรอ? ตระกูลแบบนี้ ถึงถูกทำลายล้างมันก็แค่นั้น” กู่ชิงเสวียนขมวดคิ้วแล้วมองมู่เซิ่ง และกล่าวด้วยความรังเกียจ
เมื่อได้ยินคำว่าทำลายตระกูล ท่านสามสั่นไปทั้งตัว และรู้สึกหวาดกลัวยิ่งขึ้น “หลานเขย หลานเขยที่ดีของปู่ รีบขอร้องคุณหนูกู่เถอะ เพราะอย่างไรเสีย คุณก็เป็นสมาชิกของตระกูลเจียง คุณจะนิ่งดูดายไม่ได้”
“ถ้าตระกูลเจียงล่มสลาย แม่ยายและภรรยาของคุณจะอยู่อย่างไร?”
“ขอร้องได้โปรดเถอะ”
“โอเค โอเค” มู่เซิ่งโบกมือด้วยความจำใจ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบท่านสาม แต่ตอนนี้ท่านสามคุกเข่าและร้องไห้อ้อนวอน ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เขาโบกมือ หันหลังแล้วเดินจากไป
“ฮึ่ม ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้ามู่เซิ่ง เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่จบอย่างแน่นอน!”
เมื่อได้ยินมู่เซิ่งเอ่ยปาก กู่ชิงเสวียนตะคอกด้วยเย็นชา หยิบของขวัญขึ้นมา หันหลังแล้วเดินตามมู่เซิ่งออกไป “พวกคุณไม่คู่ควรกับของขวัญสองชิ้นนี้!”
“ครับ! ครับ! เด็ก ๆ ไปส่งคุณหนูกู่” ท่านสามยังคงหมอบอยู่บนพื้น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น และรู้สึกเสียใจมาก
ตราราชลัญจกรมูลค่าห้าสิบแปดล้าน
ตราราชลัญจกรชิ้นเดียว มีมูลค่าเท่ากับผลกำไรของตระกูลเจียงหนึ่งปี
“คุณหนูกู่ไปแล้วใช่ไหม?”
“เฮ้อ เมื่อสักครู่กดดันจนทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก”
จนกระทั่งตอนนี้ ทุกคนถึงกล้ายืนขึ้น แล้วล้อมท่านสามเอาไว้
ไม่เป็นไร? จะไม่เป็นไรได้อย่างไร! ตอนนี้ท่านสามรู้สึกอึดอัดมาก!
นี่มันอะไรกันแน่? ผู้นำตระกูลร้องขอความเมตตาจากหลายเขยไม่เอาถ่าน ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ตระกูลเจียงจะต้องอับอายขายหน้าอย่างแน่นอน?
“ท่านสาม ผมมีธุระที่บ้าน ผมขอตัวกลับก่อน”
“ต้องขอโทษท่านสามด้วย เรื่องนี้ตำหนิผมไม่ได้”
“ผมวางของขวัญวันเกิดไว้ตรงนี้ ถ้าท่านสามรู้สึกแย่ ผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้”
แขกที่นั่งอยู่โซนด้านหน้าลุกขึ้นทีละคน การที่พวกเขามาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดคราวนี้ เพราะเห็นแก่ที่ตระกูลเจียงร่วมมือทำงานกับมู่ซื่อ กรุ๊ป และอยากจะมาแบ่งปันผลประโยชน์ แต่ตอนนี้ตระกูลเจียงล่วงเกินตระกูลกู่ ถึงแม้ตระกูลกู่จะไม่ถือสา แต่ทุกคนก็ไม่อยากอยู่ร่วมงานเลี้ยงต่อ
ถ้าพวกเขาอยู่ต่ออีกสักพัก แล้วกู่ชิงเสวียนเกิดโกรธแค้นพวกเขาด้วย
เมื่อท่านสามได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของเขายิ่งน่าเกลียดขึ้นไปอีก
“คุณปู่ อย่าโมโหเลย คนไม่เอาถ่านคนนี้กะอีกแค่อาศัยบารมีของตระกูลกู่ เขาลำพองใจได้ไม่นานหรอก” เจียงมู่หลงปลอบอยู่ด้านข้าง “เมื่อคุณหมดประโยชน์กับตระกูลกู่แล้ว คุณจะเอาอะไรมาสู้กันผม!”
เจียงมู่หลงคิดว่าการที่มู่เซิ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลกู่ เป็นเพราะตระกูลกู่ต้องการหลอกใช้ เพื่อให้เขาทำอะไรบางอย่างแน่นอน และหลังจากหลอกใช้เขาเสร็จแล้ว เขาจะต้องถูกตระกูลกู่ถีบหัวส่งอย่างแน่นอน
ท่านสามไม่พูดอะไร และแสดงสีหน้าเคร่งขรึมมาก
“คุณเดินตามผมนานขนาดนี้ คงจะตามพอแล้วใช่ไหม?”
มู่เซิ่งเดินอยู่ริมแม่น้ำ เขาหยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน หันหลังแล้วกล่าวเบา ๆ
“ฉันจะเดินตรงไหน มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ?” ร่างที่สวยงามเดินออกมาจากหลังต้นไม้ และกู่ชิงเสวียนกล่าวด้วยความไม่พอใจ
“คุณปู่ของคุณ เป็นคนให้คุณมาใช่ไหม?”
มู่เซิ่งไม่เข้าใจ เขาแค่ชี้แนะว่าเป็นภาพวาดปลอม ซึ่งมันเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น มันไม่น่าถึงกลับทำให้กู่มู่สวีนมอบของขวัญให้เขา แล้วยังส่งหลานสาวมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดอีกด้วย
“ฉันไม่บอกคุณหรอก!” กู่ชิงเสวียนมุ่ยปาก แสดงสีหน้าว่าถ้าฉันไม่ยอมรับ แล้วคุณจะทำอะไรฉันได้
“โอเค ถ้าคุณอยากเดินตาม ก็แล้วแต่คุณ” หลังจากกล่าวจบ มู่เซิ่งกำลังจะเดินจากไป
กู่ชิงเสวียนเดินไปยืนขวางอยู่หน้ามู่เซิ่งและกล่าวว่า “คุณปู่บอกว่าคุณไม่ใช่คนธรรมดา ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณปู่ถึงให้ความสำคัญกับคุณมากขนาดนี้ แต่คุณกลับซ่อนตัวอยู่ในตระกูลชั้นสอง และเป็นแค่เขยแต่งเข้าเท่านั้น”
“ถ้าวันนี้ฉันไม่มาร่วมงานเลี้ยง เกรงว่าของขวัญที่คุณปู่มอบให้คงถูกกวาดลงถังขยะไปแล้ว”
คนที่สามารถทำให้คุณปู่ให้ความสำคัญขนาดนี้ ในเมืองเจียงหนานไม่มีคนที่สองอีกแล้ว ดังนั้นกู่ชิงเสวียนจึงรู้สึกแปลกใจมาก ทำไมมู่เซิ่งถึงได้ไปเป็นเขยแต่งเข้าของตระกูลเจียง
มู่เซิ่งขมวดคิ้ว “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ?”
“ฮ่า ดูเหมือนว่าคุณปู่จะมองคนผิด!” กู่ชิงเสวียนกล่าว
เธอเคยถามคำถามนี้กับคุณปู่แล้ว แต่คุณปู่บอกเธอว่าคนเก่งจะไม่เปิดเผยตัว จะเปิดเผยความสามารก็ต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้น และมู่เซิ่งสามารถดึงดูดความสนใจของคนได้มากขนาดนี้ เขาไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้มองแล้ว เห็นได้ชัดว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงคนไม่เอาถ่านคนหนึ่งเท่านั้น
“คุณก็ถือเสียว่าคุณปู่ของคุณมองคนผิดเถอะ” มู่เซิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายเจตนาก่อกวน ดังนั้นเขาจึงหันหลังแล้วเดินจากไป
“คุณ——”
และขณะที่กู่ชิงเสวียนเดินตามเขาด้วยความโมโห
เธอไม่เคยเห็นผู้ชายที่เย็นชาขนาดนี้มาก่อน
“คุณเป็นใคร ทำไมถึงได้อยู่กับน้องสาวของผม?”
ขณะเดียวกัน น้ำเสียงที่เคร่งขรึมของผู้ชายดังมาจากด้านหลัง
“ซูเคอที่น่ารังเกียจ ทำไมเขาถึงอยู่ที่นี่ด้วย”
กู่ชิงเสวียนบ่นอยู่ในใจและขมวดคิ้วจนแน่น
อย่างไรก็ตาม วินาทีต่อมา หมัดพุ่งไปทางมู่เซิ่งอย่างรวดเร็ว ทำให้สีหน้าของกู่ชิงเสวียนเปลี่ยนอย่างมาก ถ้าหมัดนี้กระแทกร่างกายของมู่เซิ่ง มันเพียงพอที่จะทำให้เขาเป็นอัมพาตได้!
พรึบ!
หมัดที่ปล่อยออกมาเกิดเป็นเสียง
มู่เซิ่งเอียงกายหลบ แล้วหันมามองสำรวจผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังกู่ชิงเสวียน ดวงตาของเขาเคร่งขรึมจนน่ากลัว