มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 317 ทอยลูกเต๋า
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 317 ทอยลูกเต๋า
“ไอ้เด็กเวร ทำลายเรื่องดีๆ ของฉันแล้วจะไปงั้นเหรอ”
ขณะมู่เซิ่งกับเหยาเผิงกำลังจะออกไป จู่ๆ มีเงาใครบางคนมาขวางหน้ามู่เซิ่งแล้วพูดอย่างเย็นชา
“เรื่องดีเหรอ ฉันทำลายเรื่องดีอะไรของนายไม่ทราบ” มู่เซิ่งรู้แต่ก็แสร้งถาม
“หึ ไม่ต้องมาเสแสร้ง เมื่อกี้นายจงใจด่าเพื่อนเสียงดัง เพราะจะเตือนผู้หญิงคนนี้สินะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ นายอยากแสดงตัวเป็นฮีโร่ ก็ต้องแสดงความสามารถของฮีโร่ออกมา” ชายร่างกายกำยำพูดอย่างโมโห
มองแวบเดียวก็ดูออกว่าผู้หญิงสวมแว่นดำคนนี้เป็นมือใหม่ที่เพิ่งมาเล่นพนันครั้งแรก ไม่รู้กฎอะไรทั้งนั้น เขาวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว แค่พนันต่อไปเรื่อยๆ จากนั้นจงใจยั่วโมโหผู้หญิงคนนี้สักสองสามครั้ง เธอต้องแพ้อย่างไม่เหลืออะไรแน่นอน ไม่เพียงแค่นั้นยังจะติดหนี้ก้อนโตจากบ่อนพนันแห่งนี้อีกด้วย
พวกคนที่มีกำลังจ่ายคืน แค่เอาเงินมาคืนก็จบ แต่ถ้าไม่มีเงินคืน จุดจบที่ตามมาไม่ต้องพูดก็เข้าใจ
เขาใช้วิธีนี้หลอกผู้หญิงหลายคนแล้ว ผู้หญิงสวมแว่นดำคนนั้น เป็นผู้หญิงที่มีราศีที่สุดตั้งแต่ที่เขาเคยเจอผู้หญิงมา ขณะที่เธอกำลังจะติดกับดัก มู่เซิ่งก็ดันส่งเสียงออกมา ทำลายเรื่องดีของเขาพังจนหมด
นี่ทำให้ชายร่างกายกำยำโมโหเป็นอย่างมาก
“ฉันไม่ได้พูดกับนายสักหน่อย ฉันพูดให้เพื่อนฉันฟัง” มู่เซิ่งผายมือยักไหล่ ทำหน้าใสซื่อ
เหยาเผิงพยักหน้ารัว “ใช่ ลูกพี่สั่งสอนฉัน ไม่ได้ว่านายสักหน่อย อีกทั้งลูกพี่ว่าคนโกง นายโกงหรือไง ทำไมถึงอินขนาดนั้นล่ะ”
“นาย นาย……”
พูดตามตรงว่าสกิลการพูดของเหยาเผิงเก่งกาจจริงๆ เพียงไม่กี่ประโยคก็ทำให้ชายร่างกายกำยำโมโหจนหน้าแดง โกงงั้นเหรอ เขาโกง แต่จะพูดเรื่องนี้อย่างโจ่งแจ้งในบ่อนพนันได้ยังไงล่ะ เขาโมโหจนกำหมัดจนเกิดเสียงดังกรอบแกรบ
ลูกน้องที่ติดตามผู้ชายร่างกายกำยำพากันล้อมเข้ามา ปิดล้อมมู่เซิ่งกับเหยาเผิงเอาไว้จนไปไหนไม่ได้
มู่เซิ่งมองแววตาที่จะฆ่าคนของชายร่างกายกำยำ เขาก็เหนื่อยใจเหมือนกัน จึงพูดว่า “เราไม่ได้จงใจเล่นงานนาย นายจะมาหาเรื่องเรา ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน”
ชายร่างกายกำยำมองมู่เซิ่งอย่างเย็นชา กดเสียงต่ำพูดว่า “หึหึ ไม่มีอะไรจะพูดงั้นเหรอ นายไล่ลูกค้าฉันไป นายต้องชดใช้ให้ฉัน ฉันให้นายสองทางเลือก!”
“หนึ่งคือชดใช้ให้ฉันสิบล้าน! แล้วไสหัวออกไปซะ”
“สองคือนายเอาเงินมาเล่นพนันกับฉันต่อแทนผู้หญิงคนนั้น ถ้านายชนะเรื่องนี้จะจบ ถ้านายแพ้นายก็ต้องจ่ายเหมือนกัน”
พวกนักเลงมองมู่เซิ่งด้วยท่าทางหยิ่งผยอง เยาะเย้ยในใจไม่หยุด
พวกเขาเป็นลูกน้องของชายร่างกายกำยำ หลิวต้าเลี่ยงลูกพี่ของพวกเขา เป็นเซียนพนันที่มีชื่อเสียงในบ่อนพนันแห่งนี้ ดูเหมือนหลิวต้าเลี่ยงให้มาสองตัวเลือก อันที่จริงจุดจบก็เหมือนกันทั้งนั้น
ถึงกระทั่งที่นักเลงพวกนั้นคิดว่าเลือกข้อหนึ่งจะดีกว่า แบบนี้อย่างน้อยเสียแค่สิบล้าน แต่ถ้าเลือกข้อสอง ไม่รู้ไอ้หมอนี่จะต้องเสียเท่าไรถึงจะหยุดได้
“ฉันเลือกข้อสอง” มู่เซิ่งพูดอย่างราบเรียบ
“โอ้ มีความกล้าอยู่บ้าง ฉันนึกว่านายจะยอมจ่ายเงินง่ายๆ แล้วไสหัวไปซะอีก” หลิวต้าเลี่ยงพูดเสียงดัง พวกนักเลงด้านหลังหัวเราะพรืดออกมา
“นายจะพูดไร้สาระอีกนานไหม รีบเริ่มจะได้รีบจบ” เหยาเผิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์อยู่ข้างๆ
หลิวต้าเลี่ยงแววตาเย็นชา
เขาโบกมือตะโกนเรียกพนักงานในบ่อนพนัน จากนั้นเอาบัตรสมาชิกให้เขาแล้วพูดว่า “เปิดห้องระดับสูงสุดหนึ่งห้อง”
“ได้เลยครับ ที่นี่มีห้องระดับสูงหมายเลขสองและห้องระดับสูงหมายเลขสาม พี่เลี่ยงต้องการห้องไหนครับ” พนักงานพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น
“ทำไมถึงไม่มีห้องระดับสูงหมายเลขหนึ่งล่ะ” หลิวต้าเลี่ยงถามขึ้น เขากะจะพามู่เซิ่งไปห้องระดับสูงหมายเลขหนึ่ง แล้วทำให้มู่เซิ่งอับอายอย่างรุนแรง แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนอยู่ห้องนั้นแล้ว
“วันนี้คุณชายขวงมาบ่อนพนันของเรา พักอยู่ในห้องระดับสูงสุดหมายเลขหนึ่งแล้วครับ ก็เลย……” พนักงานพูดอย่างลังเล
“คุณชายขวงเหรอ ลูกชายของโจรสลัดขวงซาอย่างนั้นเหรอ” หลิวต้าเลี่ยงใช้ชีวิตที่นี่มาเป็นเวลานาน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนไร้ประสบการณ์ เมื่อได้ยินชื่อก็รู้เบื้องหลังของอีกฝ่ายทันที
เขายังรู้อีกว่าตัวเองไม่สามารถล่วงเกินอีกฝ่ายได้
“โอเค ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้ห้องระดับสูงหมายเลขหนึ่งกับคุณชายขวงเถอะ นายพาฉันไปห้องระดับสูงหมายเลขสองแล้วกัน” แม้ยอมหลีกให้ แต่ภายนอกหลิวต้าเลี่ยงก็ยังแสร้งทำเป็นมีศักดิ์ศรี
“ได้ครับ เชิญพี่เลี่ยงตามผมมา” พนักงานเดินนำข้างหน้า
ทั้งสองคนเดินบนพรมของบ่อนพนันเข้าไปด้านใน
โต๊ะพนันด้านนอกถือว่าสะอาด คนที่มาล้วนเป็นผู้หญิงที่มาพนันเล่นๆ แต่ยิ่งเดินเข้าไปข้าง จำนวนเงินที่พนันยิ่งสูงขึ้น โต๊ะพนันแต่ละโต๊ะเหมือนกินยากระตุ้นประสาท ล้อมอยู่ที่โต๊ะพนัน แสงด้านบนส่องลงมาบนใบหน้าห่อเหี่ยวของพวกเขา ลูกตาของพวกเขาถลึงออกมาเบาๆ เพราะความตื่นเต้น แววตาไร้ชีวิตชีวาจ้องเขม็งไปที่ไพ่บนโต๊ะ
เหมือนด้านล่างไพ่เหล่านั้นไม่ใช่โต๊ะ แต่เป็นชีวิตของพวกเขา
แต่เป็นเช่นนี้จริงๆ มองจากแง่ใดแง่หนึ่ง พูดว่านี่คือชีวิตของพวกเขาก็ไม่เกินไปสักนิด
มู่เซิ่งเดินผ่านภาพเหล่านี้ก็อดถอนหายใจไม่ได้
เขาเห็นเรื่องที่สิ้นเนื้อประดาตัวเพราะการพนันมาเยอะมาก เขาเห็นภาพแบบนี้จนชินไปแล้ว
ภายใต้การนำทางของพนักงาน พวกหลิวต้าเลี่ยงมาถึงห้องสไตล์โบราณห้องหนึ่ง ในห้องมีโต๊ะขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง ด้านบนมีกระดิ่งและของต่างๆ แค่กดกระดิ่งก็เรียกพนักงานได้
หลิวต้าเลี่ยงลากเก้าอี้มานั่ง มู่เซิ่งนั่งตรงข้ามเขา ส่วนเหยาเผิงยืนอย่างนอบน้อมอยู่ด้านข้างเหมือนนักเลงพวกนั้น จ้องเขม็งไปที่โต๊ะพนัน
“เดี๋ยวจะหาว่าฉันรังแกนาย นายว่ามาเลยว่าจะพนันอะไร” หลิวต้าเลี่ยงพูดอย่างไม่ใส่ใจ ทำท่าเหมือนกำชัยชนะอยู่ในมือ
ในความคิดของเขาคนแบบมู่เซิ่ง ดูก็รู้ว่าเป็นคนธรรมดาที่ไม่เคยพนันเงิน ถึงเคยพนันอย่างมากก็แค่ในเว็บสนุกเท่านั้น ไม่ต่างจากผู้หญิงแว่นดำคนนั้นสักเท่าไร
คนแบบนี้ถึงเขาหลับตาก็ชนะได้
“งั้นมาเล่นพนันแบบง่ายๆ ดีกว่า พนันลูกเต๋ากันเถอะ” มู่เซิ่งเอ่ยขึ้น
เล่นพนันลูกเต๋าแบบง่ายๆ เขาก็ไม่ต้องเหนื่อยมากเหมือนกัน
ไม่นาน เมื่อกดกระดิ่งกลางโต๊ะ พนักงานสาวในชุดบันนี่สุดเซ็กซี่เดินเข้ามาโค้งทำความเคารพแล้วเอ่ยขึ้น หน้าอกอึ๋มกระเพื่อม “ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายต้องการอะไรคะ”
“ลูกเต๋า 6 ลูก ถ้วยเขย่าลูกเต๋า 1 อัน แล้วก็เอาชิปมาสักหน่อย” หลิวต้าเลี่ยงเอาทิปสองร้อยหยวนตบลงบนอกของผู้หญิง
ผู้หญิงเดินออกไปด้วยรอยยิ้มขวยเขิน
ไม่นานลูกเต๋ากับถ้วยเขย่าลูกเต๋าก็มาวางอยู่บนโต๊ะ
“สามรอบตัดสินแพ้ชนะ ถ้านายชนะถือว่าเรื่องนี้จบ ถ้านายแพ้ต้องให้ฉันสิบล้าน!” หลิวต้าเลี่ยงดันลูกเต๋ากับถ้วยเขย่าลูกเต๋ามาทางมู่เซิ่งแล้วเอ่ยขึ้น
“ได้”
มู่เซิ่งพยักหน้า