มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 321 เรียนรู้ได้แล้ว
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 321 เรียนรู้ได้แล้ว
“ทำเป็นเสแสร้งอะไรกัน ลูกน้องนายสู้ฉันไม่ได้ นายมาสู้จะมีประโยชน์อะไร” หลิวต้าเลี่ยงแสยะยิ้ม หยิบขาโต๊ะบนพื้นขึ้นมากระแทกไปทางมู่เซิ่งอย่างแรง
นักเลงข้างๆ เห็นสถานการณ์ก็พากันหยิบเก้าอี้มาคนละตัวกระแทกไปทางมู่เซิ่ง
สีหน้ามู่เซิ่งนิ่งและเรียบเฉย กำหมัดซัดไปทางขาโต๊ะของหลิวต้าเลี่ยงทันที
“พลั่ก!”
ขาโต๊ะโดนหมัดของมู่เซิ่งซัดจนแตกเป็นเสี่ยงๆ เศษไม้ลอยกระจายไปทั่ว ร่วงหล่นลงมาเหมือนเกล็ดหิมะ ความรุนแรงของหมัดทำให้หลิวต้าเลี่ยงตกใจจนถอยหลังกรูด กำท่อนไม้ครึ่งหนึ่งในมืออย่างตกตะลึง
หมัดนี้ซัดจนแตกเป็นเสี่ยงๆ เลยเหรอ
ในเวลาเดียวกัน มู่เซิ่งเดินมาด้านหน้า เขามาตรงหน้าพวกนักเลงแล้วพูดด้วยเสียงทรงพลัง
“หมัดสิงอี้ของนาย รูปร่างเหมือนแต่เจตนาไม่เหมือน ด้วยเหตุนี้จึงควบคุมยาก หมัดสิงอี้เน้นการที่เจตนาไปตามวิชาหมัด ใช้เจตนาควบคุมหมัด”
มู่เซิ่งพูดพลางพุ่งเข้าไปหานักเลงตัวผอมที่อยู่ด้านหน้าสุด
“พลั่ก!”
เสียงดังสนั่น ทุกคนพบว่าตรงหน้ามืดไปหมด เงาซูบผอมกระเด็นถอยหลังออกไปจากประตูห้อง กระแทกกับรถเข็นหน้าประตูห้องอย่างแรง
โครมมม!
แก้วไวน์บนรถเข็นหล่นลงมาบนพื้น บนพื้นมีแต่ไวน์เต็มไปหมด
ทุกคนอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นได้ยินเสียงร้องโอดครวญดังมาจากรถเข็น รวมถึงนักเลงตัวผอมตะเกียกตะกายขึ้นมา บนหน้าเขามีเศษแก้วปักอยู่เต็มไปหมด
“โอ๊ยๆๆๆ”
นักเลงตัวผอมที่โดนเตะจนกระเด็นเช็ดเลือดตรงมุมปาก พยายามลุกขึ้นนั่งหลายครั้ง แต่ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ จากนั้นก็ล้มดังตุ้บลงบนพื้น
มู่เซิ่งลงมืออย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีใครรู้ว่าเขาออกหมัดยังไง!
พวกนักเลงที่ถือเก้าอี้และเครื่องมือต่างๆ ที่อยู่อีกด้านมองหน้ากันไปมา เห็นความหวาดกลัวนัยน์ตาของกันและกัน มู่เซิ่งลงมือโหดเหี้ยมกว่าไอ้อ้วนเมื่อกี้อีก!
พวกเขากำลังจะถอย คิดไม่ถึงว่ามู่เซิ่งมาปรากฏตัวตรงหน้าพวกเขาแล้ว หมัดเหมือนสายลมกระแทกมาตรงหน้าพวกเขาอย่างรวดเร็ว
พลั่กๆๆๆๆๆ!
นักเลงตัวผอมที่ล้มอยู่ตรงรถเข็นยังไม่ทันลุกขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงหมัดกระแทกเนื้อดังขึ้นมาจากในห้อง เขาเงยหน้าขึ้นทันที เห็นเงาคนลอยมากมายลอยเข้ามาตรงหน้า
“บัด บัด……”
นักเลงตัวผอมคนนั้นพูดติดอ่าง เขาอยากอ้าปากตะโกนออกมาว่าบัดซบ แต่เขายังไม่ทันตะโกนออกมา ก็โดนกลุ่มคนนับไม่ถ้วนกลืนกินไปหมด
คนหลายสิบคนกระเด็นออกมา พริบตาเดียวข้างกายหลิวต้าเลี่ยงกับมู่เซิ่งไม่มีใครยืนอยู่อีกแล้ว
หลิวต้าเลี่ยงช็อกไปแล้ว
ลูกน้องเขาล่ะ ลูกน้องตั้งเยอะแยะโดนมู่เซิ่งซัดจนปลิวออกไปเหมือนกระดาษ ตอนนี้เหลือเขาแค่คนเดียวงั้นเหรอ
“ตอนนี้คนที่เกะกะไปหมดแล้ว ฉันโชว์วิชาหมัดได้แล้ว” มู่เซิ่งถูมือไปมาแล้วพูดต่อ
ให้ตายเถอะ
หลิวต้าเลี่ยงได้ยินแล้วสั่นไปทั้งตัว เมื่อกี้ที่นายซัดคนตั้งเยอะแยะจนกระเด็น เป็นแค่การวอร์มร่างกายเหรอ เขาไปหาเรื่องคนแบบไหนกันนะ
แต่มันสายไปแล้ว
เพราะวินาทีต่อมา มู่เซิ่งปรากฏตัวตรงหน้าหลิวต้าเลี่ยง ออกหมัดเหมือนมังกร โจมตีลงบนท้องน้อยของหลิวต้าเลี่ยง ต่อยจนเขามึนงงไปหมด ตัวเขาลอยแล้วล้มคว่ำลงบนพื้น
หลังโจมตีไปหนึ่งหมัด มู่เซิ่งถามอย่างราบเรียบว่า “นี่คือหมัดสิงอี้ท่ามังกร นายเรียนรู้ได้หรือยัง”
“ลูกพี่โจมตีเร็วเกินไป ผมมองเห็นชัดเจนแต่ไม่เข้าใจ” เหยาเผิงดูอย่างจริงจังแล้วเอ่ยขึ้น
สำหรับหมัดที่มู่เซิ่งสอน แน่นอนว่าเขาตั้งใจเรียนอย่างจริงจัง เพราะคนมากมายภายนอกอยากเรียนวิชาหมัดนี้ แต่ก็อย่างที่เขาพูด มู่เซิ่งโจมตีเร็วเกินไป
“งั้นฉันจะช้าลงหน่อย ลองดูสักครั้ง” มู่เซิ่งพูดอย่างราบเรียบ
เขายกขาขึ้นเตะหลิวต้าเลี่ยงที่ล้มอยู่บนพื้นจนลอยขึ้นมา จากนั้นมู่เซิ่งออกหมัดอย่างแข็งแกร่ง แต่ละหมัดซัดลงบนตัวหลิวต้าเลี่ยง โจมตีจนหลิวต้าเลี่ยงไม่มีโอกาสได้สู้กลับสักนิด ร้องโอดครวญแล้วหมอบลงบนพื้นอีกครั้ง
“ครั้งนี้ล่ะเป็นไง” มู่เซิ่งถามขึ้น
“ครั้งนี้เห็นชัดขึ้นเยอะเลย แต่ยังมีบางรายละเอียดที่ไม่ค่อยชัดเจน ลูกพี่ลองอีกรอบได้ไหม” เหยาเผิงพูดอย่างถ่อมตัว
ในเมื่อจะเรียนหมัดก็ต้องเรียนให้ครบทั้งหมดสิถึงจะถูก
เมื่อหลิวต้าเลี่ยงได้ยิน เขาโมโหจนสะเทือนใจกระอักเลือดออกมาทันที ให้ตายเถอะ นี่ซัดใส่มาสองรอบแล้ว นายยังเรียนรู้ไม่ได้อีกเหรอ รอให้นายเรียนรู้ได้ ฉันคงโดนไอ้หมอนี่ซัดจนตายแล้วล่ะมั้ง
พลั่ก!
มู่เซิ่งซัดหมัดออกมา ยกหลิวต้าเลี่ยงขึ้นมาแล้วซัดจนกระเด็นอีกครั้ง
หลิวต้าเลี่ยงกระแทกกับพื้นอย่างแรง ฝุ่นตลบอบอวล ครั้งนี้เขาไม่อยากลุกขึ้นมาอีกแล้ว
“ครั้งนี้เป็นไง” มู่เซิ่งถามขึ้น
“หยุดๆๆๆ!”
เมื่อหลิวต้าเลี่ยงได้ยินก็รีบตะโกนออกมาทันที “ไอ้อ้วน พี่อ้วน ฉันสำนึกผิดแล้ว ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ ตัวเล็กๆ ของฉันโดนซัดไม่ไหวแล้ว นี่สิบล้านถือว่าชดใช้ให้นาย ฉันสำนึกผิดแล้ว ขอร้องล่ะ”
เขาพูดพลางเอาบัตรธนาคารออกมาจากกระเป๋าเสื้อ วางลงบนพื้นอย่างนอบน้อม หลิวต้าเลี่ยงกลัวแล้วจริงๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้ เหยาเผิงหยิบบัตรขึ้นมา วางลงบนมือมู่เซิ่งแล้วพูดว่า “ลูกพี่ เหมือนผมเรียนรู้ได้แล้วล่ะ”
เมื่อรับบัตรมา มู่เซิ่งมองหลิวต้าเลี่ยงที่เกือบโดนซัดจนตาย เขาจึงหยุดมือแล้วพูดอย่างราบเรียบ “เป็นเช่นนี้แล้วยังไม่รีบไสหัวไปอีกเหรอ”
พวกลูกน้องที่จะตายมิตายแหล่รีบตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้น ประคองหลิวต้าเลี่ยงที่ใกล้จะตายออกจากห้องนี้อย่างรวดเร็วเหมือนบินออกไป
พวกผีพนันที่อยู่ด้านนอกห้องยังคงจมอยู่ในโลกของตัวเอง จ้องไพ่ตรงหน้าเขม็ง มีแค่ไม่กี่คนที่เห็นหลิวต้าเลี่ยงออกมาจากห้อง รู้สึกแปลกใจว่าใครซัดหลิวต้าเลี่ยงจนอยู่ในสภาพนี้
“นายเรียนรู้ได้แล้วจริงเหรอ” เมื่อกลุ่มคนออกไป มู่เซิ่งจึงถามขึ้น
เหยาเผิงพยักหน้าหงึกๆ แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ลูกพี่สอนผมตั้งหลายครั้ง แน่นอนว่าผมเรียนรู้ได้แล้ว”
เหยาเผิงพูดพลางเหวี่ยงหมัดสองสามครั้ง วิชาหมัดดุดันแข็งแกร่ง ดูท่าทางเหมือนมู่เซิ่งก่อนหน้านี้ ทำให้มู่เซิ่งอดมองไม่ได้ ดูไม่ออกเลยว่าเหยาเผิงมีพรสวรรค์ด้านการเรียนบู๊
เจ้าของงานประมูลเอาของมาวางไว้หน้าประตูห้องเรียบร้อยแล้ว รูปปั้นทองแดงที่มู่เซิ่งซื้อสูงเพียงหนึ่งเมตรเท่านั้น โชคดีที่ทางเดินบนเรือสำราญกว้างมากจึงไม่ได้ขวางทาง
ขณะที่มู่เซิ่งกำลังจะเปิดประตูเอารูปปั้นทองแดงเข้าไปในห้อง จู่ๆ เห็นเงาใครคนหนึ่งพุ่งมาที่ประตูและพุ่งเข้ามาหาเขา
“ระวังหน่อย”
มู่เซิ่งขวางไว้ทันที เขาขวางเงาคนคนนั้นเอาไว้