มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 323 เชิญ
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 323 เชิญ
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากหลิวต้าเลี่ยงโดนซัดมาหนึ่งยก แน่นอนว่าเขาหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก
เขาใช้ชีวิตอยู่บนทะเลมาเป็นเวลานาน ยังไม่เคยขายหน้าเหมือนวันนี้มาก่อน เป็นเพราะเขาข่าวสารว่องไว บวกกับฝีมือการพนันไม่เลว จึงเป็นระดับหัวหน้า คิดไม่ถึงว่าจะโดนคนซัดอย่างโหดเหี้ยม เขาคิดว่าต้องกู้หน้ากลับมาให้ได้
ครุ่นคิดในใจแล้วเดินกะโผลกกะเผลกไปหาเหมียวหงอวี่
เหมียวหงอวี่คือตัวตั้งตัวตีในการมาหาเขาครั้งนี้ เพราะเขาได้ยินว่ามีสมบัติแสนวิเศษซ่อนอยู่บนเกาะนี้ ดังนั้นเขาจึงรวบรวมกำลังคน เตรียมนั่งเรือสำราญลำนี้ไปให้ถึงใกล้เกาะ แล้วค่อยนั่งเรือคายักไป
“หลิวต้าเลี่ยง ทำไมนายถึงอยู่ในสภาพนี้ล่ะ” เหมียวหงอวี่กำลังเอนอยู่บนโซฟา เห็นหลิวต้าเลี่ยงเดินเข้ามาจึงถามขึ้นทันที
“พี่หงอวี่ ฉันโดนคนกลั่นแกล้ง” เมื่อเข้ามาหลิวต้าเลี่ยงฟ้องทันที เขาเล่าการกระทำของมู่เซิ่งออกมาอีกครั้ง ไม่เพียงแค่นั้น ยังพูดเกินความจริงด้วย บอกว่าตัวเองบอกชื่อเขาแล้ว ผลปรากฏว่าอีกฝ่ายมีท่าทีไม่แยแสและทำร้ายต่ออยู่ดี
ไม่ว่ายังไงเหมียวหงอวี่ก็เป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมือง ทั้งร่ำรวยและมีธุรกิจมากมาย เทียบกับตระกูลอู๋ก็เก่งกว่าไม่น้อย เหิมเกริมอวดดีจนชิน การออกทะเลครั้งนี้เพื่อสมบัติเขายังตั้งใจพาปรมาจารย์บู๊ของตระกูลมาด้วยสองคน
มีปรมาจารย์บู๊สองคนนี้อยู่ ทำให้เหมียวหงอวี่อวดดีบนเรือเข้าไปใหญ่ แค่ไม่มีนักเสวียนมา บนเกาะนี้ก็ไม่มีใครทำอะไรเขาได้
ยิ่งไปกว่านั้นนักเสวียนมีน้อยขนาดนั้น เจอยากยิ่งกว่าถูกหวยห้าล้านอีก ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่มีความเกรงกลัวอะไรทั้งนั้น
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน ฉันจะไปสั่งสอนแทนนายเอง!”
เหมียวหงอวี่สะบัดมือ พูดอย่างเกรี้ยวกราดมาก
“พี่หงอวี่จะไปคนเดียวเหรอ” หลิวต้าเลี่ยงอึ้งไป
เหมียวหงอวี่ขมวดคิ้วพูดว่า “ทำไม ฉันคนเดียวไม่พอเหรอ”
ไม่ว่ายังไงเขาก็เคยฝึกบู๊มาหลายปี จัดการคนแค่คนเดียวก็มากเกินพอแล้ว
ใครจะไปรู้ว่าหลิวต้าเลี่ยงสีหน้าไม่สู้ดีแล้วพูดว่า “พี่หงอวี่ ไอ้อ้วนที่อยู่ข้างกายคนคนนี้รู้การใช้หมัดสิงอี้ ความสามารถของตัวเขาเองก็สูงมาก เล่นงานฉันจนสู้กลับไม่ได้เลย ฉันคิดว่าพาปรมาจารย์บู๊ไปสักคนเถอะ”
“ปรมาจารย์บู๊เหรอ ถุย นายเชิญลุงกวานกับลุงเตียวได้หรือไง พวกเขาอยู่ในตระกูลฉัน พ่อฉันจะรบกวนพวกเขายังเกรงใจเลย ครั้งนี้กว่าจะให้พวกเขาตามฉันมาหาสมบัติได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าไม่มีเรื่องอื่น อย่าไปรบกวนพวกเขา” เหมียวหงอวี่พูดอย่างเย็นชา
หลิวต้าเลี่ยงหยักหน้าอย่างจนปัญญา เขารู้ว่าฐานะของปรมาจารย์บู๊สูงส่งมาก คนทั่วไปไม่สามารถเชิญมาได้หรอก
เห็นสีหน้าสิ้นหวังของหลิวต้าเลี่ยง เหมียวหงอวี่ตบไหล่เขาแล้วพูดว่า “วางใจเถอะ นายไม่เชื่อความสามารถของฉันเหรอ ลุงกวานยังเคยชมฉันว่าไม่ถึงสิบปี ฉันจะเป็นปรมาจารย์บู๊ได้”
“โอเค” หลิวต้าเลี่ยงเอ่ยขึ้น
ภายนอกตอบตกลง แต่ภายในใจกลับมีอีกความคิดหนึ่ง เขาคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่เหมียวหงอวี่จะโดนมู่เซิ่งซัดจนเกือบตาย แล้วค่อยเชิญปรมาจารย์บู๊ออกมาจัดการมู่เซิ่ง เพราะเมื่อกี้เขาเพิ่งโดนมู่เซิ่งซัดมาหยกๆ รู้ถึงความเก่งกาจของมู่เซิ่งอยู่แล้ว
“พี่หงอวี่ เชิญทางนี้” หลิวต้าเลี่ยงเดินนำหน้า เขาสอบถามห้องของมู่เซิ่งมาแล้ว
“ฉันจะดูสิว่าไอ้เด็กนี่จะอวดดีขนาดไหน” เหมียวหงอวี่คาบบุหรี่ครึ่งมวน แล้วเดินออกไป
หลังจากเด็กที่ชื่อจงหนิงไปแล้ว เขายังย้อนกลับมาเพื่อที่จะเทกาวน้ำแก้แค้นสักหน่อย สรุปว่าเจอเหมียวหงอวี่เดินเข้ามาอย่างดุดัน จู่ๆ ก็กลัวจนถอยหลังกรูด เก็บกาวน้ำแล้ววิ่งออกไปทันที
เขากับแม่รังแกคนอ่อนแอกว่าจนชิน เห็นเหมียวหงอวี่ไม่ใช่คนที่หาเรื่องได้ แน่นอนว่าต้องหนีเป็นอันดับแรก
“พี่หงอวี่ ห้องข้างหน้านี่แหละ” หลังจากเดินมาถึงหน้าประตู หลิวต้าเลี่ยงพูดว่า “ไอ้เด็กนั่นน่าจะอยู่ข้างใน ครั้งนี้พี่มาเขาต้องตายแน่”
“แน่นอนอยู่แล้ว ให้มันรู้ซะบ้างว่าฉันเป็นใคร กล้าทำร้ายแม้กระทั่งลูกน้องฉัน!” เหมียวหงอวี่พูดอย่างได้ใจ
พลั่ก!
หลิวต้าเลี่ยงใช้เท้าถีบประตูห้องอย่างแรง
ประตูห้องโดนถีบจนเปิดออก แม้แต่กลอนประตูยังโดนถีบจนพัง
หลิวต้าเลี่ยงกับเหมียวหงอวี่เดินเข้าไปข้างใน
ภายในห้อง มู่เซิ่งกำลังมีสมาธิจดจ่อกับรูปปั้นทองแดงชิ้นนี้ จากนั้นเขายื่นมือออกมาตบลงบนหัวรูปปั้นทองแดงในตอนที่ประตูถูกถีบ
พลั่ก!
รูปปั้นทองแดงสั่นอย่างแรง
ภายนอกของรูปปั้นทองแดงเกิดรอยร้าว จากนั้นแผ่กระจายไปทั่ว เกิดเสียงพลั่กแล้วแตกออกมาทันที ชิ้นส่วนทองแดงที่ร่วงลงบนพื้นส่องแสงแวววาวสะดุดตา
หลิวต้าเลี่ยงกับเหมียวหงอวี่ที่บุกเข้ามาเห็นภาพนี้พอดี
ทั้งสองคนยืนช็อกอยู่ที่เดิม
ให้ตายเถอะ นี่มันอะไรกัน
นี่มันรูปปั้นทองแดงแท้ๆ เลยนะ สูงเมตรกว่า หนักห้าสิบกิโล หลิวต้าเลี่ยงยังไม่รู้เลยว่าจะยกขึ้นมาได้หรือเปล่า แต่มู่เซิ่งกลับตบรูปปั้นทองแดงจนแตกได้อย่างนั้นเหรอ
ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ว่าตอนมู่เซิ่งซัดเขาก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ใช้แรง ไม่งั้นแค่ฝ่ามือนี้เขาคงตายคาที่แน่นอน
ทว่าหลิวต้าเลี่ยงไม่รู้ว่าฝ่ามือนี้มู่เซิ่งก็ไม่ได้ใช้แรง เขากลัวทำให้ของในรูปปั้นทองแดงเสียหาย ดังนั้นจึงใช้แรงภายนอกทำให้ชิ้นส่วนทองแดงภายนอกแตกก่อน ไม่งั้นถ้าเขาใช้แรงทั้งหมด อาจทำให้รูปปั้นทองแดงนี้กลายเป็นผุยผงได้เลย
เหยาเผิงที่อยู่อีกห้องได้ยินเสียงก็รีบพุ่งออกมาทันที เห็นหลิวต้าเลี่ยงกับเหมียวหงอวี่ยืนอยู่หน้าประตูก็อึ้งไป สองคนนี้มาทำไม แก้แค้นเหรอ แต่เห็นสีหน้ามึนงงของหลิวต้าเลี่ยงเหมือนจะไม่ใช่นะ
“มีเรื่องอะไร” มู่เซิ่งเอาเศษทองแดงธรรมดาๆ ขึ้นมาบีบ แล้วมองด้วยสายตาเฉยเมย
หลิวต้าเลี่ยงยังจมอยู่กับความตกตะลึงของฝ่ามือเมื่อกี้ พูดตะกุกตะกักว่า “เรา เรา……”
“พวกนายมาหาเรื่องใช่ไหม ลูกพี่ฉันยังกำราบนายไม่ได้ใช่ไหม!”
เหยาเผิงพูดเสียงเย็นชา จากนั้นเดินเข้ามาถลกแขนเสื้อขึ้น บีบกำปั้นทั้งสองข้างอย่างแรง “ลูกพี่ คราวนี้พี่ไม่ต้องลงมือ ฉันเรียนรู้หมัดสิงอี้ของพี่ได้แล้ว ครั้งนี้ให้ฉันลงมือเอง”
ได้ยินคำพูดของเหยาเผิง เหมียวหงอวี่ขนลุกทันที เขาลุกขึ้นพูดว่า “ฮ่าๆๆๆ เป็นไปได้ยังไง เราสองคนจะมาหาเรื่องได้ยังไงกันล่ะ ฮ่าๆ คุณผู้ชายท่านนี้ชอบพูดล้อเล่นจริงๆ”
“หืม ไม่ได้หาเรื่อง แต่ถีบกลอนประตูเราจนพังเนี่ยนะ” มู่เซิ่งถามอย่างราบเรียบ นัยน์ตามีความอาฆาตที่มองไม่เห็นผุดขึ้นมา
ข่าวของกล่องไม้ทอง คนนอกไม่มีทางรู้เด็ดขาด ถ้าเป้าหมายของพวกเขาคือกล่องไม้ในมือเขา งั้นมู่เซิ่งไม่ถือสาที่จะปิดปากพวกเขาซะ
“ฉัน ฉัน……” เหมียวหงอวี่ใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว รีบพูดออกมาว่า “อันที่จริงฉันได้ยินหลิวต้าเลี่ยงพูดว่านายฝีมือเก่งกาจ จึงตั้งใจมาเชิญนาย”
“เชิญฉันงั้นเหรอ” มู่เซิ่งขมวดคิ้วถาม