มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 325 กุญแจลับ วิชา!
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 325 กุญแจลับ วิชา!
หลังจากความรู้สึกคุ้นเคย ต่อมามู่เซิ่งปรากฏตัวในพื้นที่กว้าง รอบๆ รกร้างว่างเปล่า เมื่อมองออกไปเต็มไปด้วยแท่นศิลานับไม่ถ้วน มู่เซิ่งรู้ว่าเขามาอยู่ในอีกมิติที่อยู่ในหนังสือ
ค่ายกลด้านบนยังคงปกคลุมไปทั่วเหมือนเดิม พลานุภาพมหาศาล
“ที่แท้กุญแจดอกนี้คือวิธีพิเศษในการเปิดหนังสือ……”
มู่เซิ่งเงยหน้ามองรอบๆ ในใจมีคำตอบอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้หลังจากโดนหนังสือส่งออกไป เขาเคยศึกษาวิธีเข้ามาในหนังสือแต่ก็ทำไม่สำเร็จ คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะจับพลัดจับผลูเข้ามาได้
ดูเหมือนต่อไปขอแค่มีกุญแจ เขาก็สามารถเข้ามาในพื้นที่นี้ได้ทุกเมื่อ
ฟู่ววว
พื้นที่รกร้างว่างเปล่า แต่อยู่ดีๆ ก็มีลมพัด
ทันใดนั้นมีกระแสลมพัดมาจากไกลๆ พัดเอากุญแจในมือมู่เซิ่งเข้าไปในค่ายกลอย่างแรงแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ไม่รอให้มู่เซิ่งได้มีเวลาตกใจ แสงสีทองสว่างขึ้นตรงจุดที่กุญแจหายไป จากนั้นส่องเข้ามาในหัวมู่เซิ่ง เขาชะงักไปตามสัญชาตญาณ ความคิดมากมายราวกับคลื่นซัดโถมอยู่ในหัวเขา
และตอนนี้มีเสียงชราดังขึ้นกลางอากาศ “วิชาที่จะมอบให้ ถ้าไม่มีกุญแจก็อย่าคิดว่าจะได้เข้าไปในพื้นที่ต้องห้าม ไสหัวไป!”
เมื่อสิ้นเสียง มู่เซิ่งยังไม่ทันตั้งตัวก็รู้สึกถึงแรงดันมหาศาลกดดันมาที่ตัวเอง แล้วโดนดีดออกจากพื้นที่ลึกลับแห่งนี้
เมื่อลืมตาขึ้น เขาพบว่าตัวเองกลับมาอยู่ในห้องแล้ว
“ตาเฒ่านั่นอีกแล้ว ยังเกรี้ยวกราดไร้เหตุผลเหมือนเดิม” มู่เซิ่งลูบก้นที่รู้สึกเจ็บ แต่เข้าไปครั้งนี้ดีกว่าครั้งก่อนเยอะ ดูเหมือนพื้นที่ต้องห้ามยังมีวิธีเข้าไปได้อยู่ แต่ทุกครั้งที่เข้าไปต้องมีกุญแจอะไรนั่น
“อีกอย่าง……”
“วิชานั่น!”
มู่เซิ่งรีบหลับตาลง มีวิชาพิเศษเล่มหนึ่งส่องแสงสีทองอร่ามลอยอยู่ในหัวสมองเขา ด้านบนมีตัวอักษรขนาดใหญ่เขียนไว้ว่า ‘หมัดห้าสายฟ้า’!
“หมัดห้าสายฟ้าคืออะไรอีก” แม้มู่เซิ่งไม่เข้าใจแต่ก็ศึกษาดูทันที
เขาเปิดดูทีละหน้า จากความสามารถในการจดจำของมู่เซิ่งในตอนนี้ เพียงรอบเดียวก็สามารถจำเนื้อหาได้หมดแล้ว
หมัดห้าสายฟ้า
นี่เป็นวิชาหมัดที่มีมานานมาก ว่ากันว่าถ้าฝึกวิชาหมัดนี้จนถึงระดับสูงสุดจะสามารถควบคุมสายฟ้าได้ ถึงเป็นนักเสวียนที่แข็งแกร่ง เมื่ออยู่ภายใต้วิชาหมัดนี้ก็ยากที่จะมีชีวิตรอด
ห้าสายฟ้าคือวิถีทั้งห้าในสายฟ้า แบ่งออกเป็นสายฟ้าสวรรค์ สายฟ้าพสุธา สายฟ้าน้ำ สายฟ้าเทพ และสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ถ้าวิชาสายฟ้าทั้งห้าวนอยู่รอบหมัดและโจมตีสุดกำลัง จินตนาการได้เลยว่าพลังสังหารภายในนั้นน่ากลัวขนาดไหน
ส่วนในวิชานี้เป็นการแนะนำวิธีควบคุมพลังสายฟ้า จำเป็นต้องรวบรวมรูนสายฟ้าที่สอดคล้องกันห้าอัน เอามาประทับลงบนมือ รูนแต่ละอันเชื่อมโยงกันและกลายเป็นคาถาห้าสายฟ้าฝังลงไปในมือ ซึ่งนั่นก็คือวิชาหมัดห้าสายฟ้า
นี่คล้ายกับค่ายกลมาก แต่ก็ไม่ได้เหมือนกันหมด
หลังจากมู่เซิ่งใช้เวลาศึกษาอีกสิบกว่านาที มั่นใจแล้วว่าไม่ผิดพลาด จึงเริ่มทดลองใช้
เงื่อนไขของวิชาหมัดห้าสายฟ้าสูงมาก ด้านบนเขียนไว้ว่าต้องเป็นนักเสวียนระดับหนึ่งถึงจะฝึกได้ โชคดีที่มู่เซิ่งเป็นนักเสวียนระดับสองตั้งนานแล้ว ดังนั้นเมื่อฝึกฝนจึงไม่ยากเท่าไร แต่การวาดรูนสำหรับเขาค่อนข้างยุ่งยาก
มู่เซิ่งทำตามเงื่อนไขของวิชา ให้พนักงานบนเรือเอาสารชินนาบาร์มาบดเป็นผง แล้วใช้น้ำทำให้กลายเป็นหมึกสีเงิน จากนั้นใช้พู่กันวาดลงบนฝ่ามือ
พู่กันค่อยๆ ตวัดลงบนฝ่ามือ มู่เซิ่งควบคุมแขนสุดแรงเริ่มวาดช้าๆ เพียงพริบตาเดียวก็วาดลวดลายครึ่งหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับคลื่น
“รูนอันแรก”
มู่เซิ่งตั้งสมาธิวาด
“ปึก!”
ลายเส้นแผ่ออกไปเหมือนกับม้วนภาพเปิดออกกลางฝ่ามือ จู่ๆ ฝ่ามือมู่เซิ่งสั่นขึ้นมาเอง เส้นขาดออกกลางฝ่ามือ หมึกหยุดชะงักลง รูนนี้แตกออกเป็นหมึกเป็นจุดๆ แล้วกระจายหายไปในอากาศ
มู่เซิ่งขมวดคิ้วเบาๆ “ยากเหมือนกันนะเนี่ย”
มิน่าล่ะที่บอกว่าต้องเป็นนักเสวียนถึงจะฝึกวิชาหมัดนี้ได้
เพราะนี่ดูเหมือนใช้พู่กันวาด แต่ในความเป็นจริงผู้ฝึกฝนต้องส่งพลังเสวียนเข้าไปในพู่กัน และวาดให้เสร็จภายในครั้งเดียว ถึงจะสามารถสลักคาถารูนเข้าไปในฝ่ามือได้
แม้วาดคาถารูนทั้งห้าเสร็จภายในครั้งเดียว แล้วมันจะอยู่ได้ตลอดไป ต่อไปจะยกระดับวิทยายุทธ ก็แค่ใช้ชิ้นส่วนสมบัติสวรรค์มาฝึกฝนหมัดก็พอแล้ว แต่ระดับความยากในการวาดรูนภายในครั้งเดียว ยากกว่าที่มู่เซิ่งจินตนาการไว้
รูนหนึ่งอัน ตลอดกระบวนการต้องใช้สมาธิสูงมาก ถ้าว่อกแว่กนิดหน่อย ความพยายามทั้งหมดก็จะสูญเปล่า
แต่เห็นได้ชัดว่ามู่เซิ่งไม่ใช่คนที่ยอมแพ้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือวิชาที่ได้มาจากในหนังสือ แม้แต่ในตำราทองตำนานเสวียนก็ไม่มีบันทึกไว้ แน่นอนว่าเขาต้องรักษาเอาไว้ให้ดี
“ลองดูอีกสักครั้ง……”
มู่เซิ่งใช้พู่กันจุ่มหมึกเบาๆ แล้วเริ่มวาดต่อ เส้นบางๆ เริ่มแผ่ไปในฝ่ามือเหมือนใยแมงมุมอีกครั้ง ในขณะที่มู่เซิ่งกำลังตั้งสติวาด ในฝ่ามือมีลวดลายเหมือนคลื่นปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“หัวใจที่สงบนิ่งดังสายน้ำ” มู่เซิ่งพูดพึมพำ
เขารู้ว่ายิ่งทำต่อไปเรื่อยๆ จิตใจยิ่งต้องนิ่ง ไม่งั้นถ้าเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาเพียงเล็กน้อย จะทำให้ความพยายามที่ทำมาก่อนหน้าเสียเปล่า
“ปึก!”
ครั้งนี้วาดได้เกือบครึ่งแล้ว จู่ๆ นิ้วของมู่เซิ่งสั่นและทำให้เส้นขาด รูปหายไปในฝ่ามืออีกครั้ง
“ลองดูอีกครั้ง” มู่เซิ่งเก็บเอาไว้เป็นบทเรียน และเริ่มวาดใหม่ทันที
“ปึก!”
……
ลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีอยู่ครั้งหนึ่งมู่เซิ่งเกือบทำสำเร็จแล้ว เขาวาดได้ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ แต่ในช่วงเวลาสำคัญก็ล้มเหลวอีก แต่มู่เซิ่งไม่ท้อแท้และวาดต่อไปเหมือนเดิม
หลังจากทำไปเกือบร้อยครั้ง ท้องฟ้ารอบตัวเริ่มมืดลง
ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว มู่เซิ่งปฏิเสธคำชวนของเหยาเผิง เขากินข้าวแบบรีบๆ แล้วกลับมาวาดรูนต่อที่ห้อง
ผ่านการวาดมาหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ มู่เซิ่งเกิดความประหลาดใจ แม้เขาวาดรูปไม่สำเร็จ แต่การควบคุมพลังเสวียนในร่างกายถึงระดับยอดเยี่ยมแล้ว มีหรือที่วิธีวาดรูปแบบนี้ จะไม่ใช่วิธีฝึกฝนแบบพิเศษอย่างหนึ่ง
“อันที่จริงนี่ก็ไม่ยากนะ” มู่เซิ่งสรุปประสบการณ์การวาดรูป แล้วพูดในใจว่า “ยิ่งใกล้ถึงจุดที่จะสำเร็จ ก็ต้องยิ่งรักษาความนิ่ง ก่อนหน้านี้เห็นว่าจะทำได้แล้วจึงดีใจ ผลปรากฏว่าพลังเสวียนเคลื่อนไหวจนทำให้เส้นขาด”
“วิชานี้บอกว่านักเสวียนระดับหนึ่งขึ้นไปสามารถฝึกฝนได้ ตอนนี้ฉันเป็นนักเสวียนระดับสองแล้ว อย่าบอกนะว่าฉันจะฝึกไม่สำเร็จ”
“ลองดูอีกครั้ง!”
มู่เซิ่งยกพู่กันขึ้นมาจุ่มหมึกแล้ววาดลงบนฝ่ามืออีกครั้ง
ครั้งนี้……