มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 327 เกือบจมน้ำตาย
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 327 เกือบจมน้ำตาย
“กรี๊ด!”
ผู้หญิงสวมแว่นดำกรีดร้องออกมา ตอนนี้เธอกำลังดูพระอาทิตย์ขึ้น สมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่ที่กล้องถ่ายรูปในมือ พิงตัวอยู่กับราว เธอไม่คิดไม่ฝันว่าในเวลาแบบนี้จะมีคนมาผลักเธอ
เธอถือกล้องไว้ในมือ พลิกตัวออกจากราว ตอนหันกลับมามองก็เห็นเด็กผู้ชายคนนั้นยิ้มอย่างได้ใจ แล้ววิ่งกลับไปอย่างรวดเร็ว
จู่ๆ สมองของผู้หญิงสวมแว่นดำขาวโพลนไปหมด
ทำไม
ทำไมทุกคนต้องเล่นงานฉัน อยู่ในตระกูลฉันก็โดนคนกลั่นแกล้งตลอด ฉันอดทนทุกอย่าง ผลปรากฏว่าพวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่ออมมือ หนำซ้ำยังไล่ฉันออกจากตระกูลด้วย ทำร้ายคนสนิทที่สุดของฉันจนตาย ตอนนี้ฉันออกมาดูพระอาทิตย์ขึ้นบนเรือสำราญเพื่อผ่อนคลาย เพราะฉันกินคุกกี้หมด นายก็มาผลักฉันตกเรือเนี่ยนะ จะเอาฉันตายเลยหรือไง
อย่าบอกนะว่าฉันจะโดนกลั่นแกล้งไปทั้งชีวิต คนเลวสมควรมีชีวิตอยู่นานเหรอ
ในหัวของผู้หญิงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ จากนั้นหล่นจากดาดฟ้าเรือลงไปในน้ำ น้ำทะเลที่เย็นถึงกระดูกทำให้สติของเธอจมหายไปทันที
ตอนนี้ทุกคนเห็นเหตุการณ์แล้ว พากันตะโกนขึ้นทันที
“มีคนตกน้ำ รีบไปช่วยเร็ว!”
“รีบช่วยคนเร็ว!”
“ตอนนี้น้ำทะเลซัดแรงมาก ถ้าไม่มีชูชีพลงไปก็ตาย รีบเรียกไลฟ์การ์ดมาเถอะ” ทุกคนพูดเสียงดัง
สถานการณ์เร่งด่วนมาก แต่คนในนี้ไม่มีใครกล้าลงไปในน้ำสักคน ถึงขนาดที่ว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเอากล้องถ่ายไปที่ทะเล ทำให้จิตใจที่หวาดกลัวของผู้หญิงสวมแว่นดำสิ้นหวังสุดขีด
อย่าบอกนะว่าฉันจะตายที่นี่จริงๆ
ขณะที่เธอกำลังจะหลับตาอย่างสิ้นหวัง จู่ๆ มีเงาดำกระโดดลงมาจากเรือ ความเร็วเหมือนฝนดาวตกพุ่งอยู่ในทะเล
“ตู้ม!”
เงาคนร่วงลงมาใกล้ๆ ผู้หญิงสวมแว่นดำ จนทำให้คลื่นแตกกระเซ็น
หลังจากนั้นเขาโผล่ขึ้นจากน้ำอย่างรวดเร็ว ยื่นมือออกมาจับแขนผู้หญิง หลังจากนั้นผู้หญิงสวมแว่นดำรู้สึกถึงแรงมหาศาล เธอโดนมู่เซิ่งกอดไว้ในอก
“รอดแล้วเหรอ”
นี่เป็นความคิดแรกในใจของผู้หญิงคนนี้
เธอยังไม่ทันสัมผัสความอบอุ่นจากอกของมู่เซิ่ง มู่เซิ่งเด้งตัวในทะเลอย่างรวดเร็ว อุ้มผู้หญิงขึ้นจากทะเล เขาจับบันไดข้างเรือสำราญ หลังจากนั้นตัวเขาว่องไวเหมือนลิง ปีนกลับมาบนดาดฟ้าเรืออย่างรวดเร็ว
มองผู้หญิงบนพื้นที่สีหน้าซีดเผือด มู่เซิ่งอดรู้สึกโชคดีไม่ได้ โชคดีที่ตอนเด็กผู้ชายคนนั้นปรากฏตัวออกมา เขาสังเกตทางผู้หญิงสวมแว่นดำตลอดเวลา ไม่งั้นถ้าเขาไม่อยู่ ตอนผู้หญิงคนนั้นโดนผลักตกน้ำ เธอต้องโดนคลื่นซัดออกไปอย่างรวดเร็วแน่นอน
เมื่อถึงตอนนั้นมู่เซิ่งอยากช่วยก็คงยาก
เสียงคนตะโกนให้ช่วยบนดาดฟ้าเรือยังไม่ทันจบก็หยุดลงทันที พวกเขามองมู่เซิ่งอย่างตกตะลึง ใบหน้าเหลือเชื่อ เหมือนกำลังถามว่าเขาช่วยผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาได้ยังไง
“เอาผ้าขนหนูมา” มู่เซิ่งพูดกับเหยาเผิง
“ได้ครับลูกพี่” เหยาเผิงรีบไปเอาผ้าขนหนูสะอาดมาจากในห้อง แล้วคลุมลงบนตัวผู้หญิง
“ลูกพี่ นี่ผ้าขนหนูของพี่” เหยาเผิงยื่นผ้าขนหนูผืนหนึ่งให้
มู่เซิ่งไม่ได้ใช้ เขากลับไปอาบน้ำร้อนก็พอแล้ว
นักท่องเที่ยวพวกนั้นตั้งสติได้ คนจำนวนไม่น้อยเห็นมู่เซิ่งตัวเปียกซก จู่ๆ ก็ปรบมือพูดว่า “ไอ้หนุ่มยอดเยี่ยมมาก นายแมนมาก!”
เสียงปรบมือดังสนั่นไปทั่วดาดฟ้าเรือ
อีกทั้งมีคนจำนวนไม่น้อยเข้ามาใกล้มู่เซิ่ง อยากทำความรู้จักกับมู่เซิ่ง “สหายท่านนี้ชื่ออะไร เมื่อกี้สุดยอดมากเลย ถ้าฉันเดาไม่ผิด นายเคยฝึกฝนมาใช่ไหม”
“ยอดฝีมือ นี่มันยอดฝีมือชัดๆ”
มู่เซิ่งส่ายหน้า ไม่มีเวลาคุยกับพวกเขา ผู้หญิงกอดผ้าขนหนูเอาไว้ ใบหน้ามีทั้งน้ำทะเลและน้ำตา เมื่อกี้เธอกลัวสุดขีด ดังนั้นจึงร้องไห้เอาความโมโหที่อดกลั้นมาตลอดสองสามวันออกมา
มู่เซิ่งไม่รู้ว่าจะปลอบผู้หญิงอย่างไร ทำได้เพียงอยู่เป็นเพื่อนข้างๆ เธอกับเหยาเผิง
แว่นดำของผู้หญิงโดนน้ำซัดไปตอนที่ตกลงไปในทะเล หลังจากไม่มีแว่นดำแล้ว เผยให้เห็นดวงตาโตงดงามเป็นประกายแวววาว ดูแล้วน่าสงสารมาก
มู่เซิ่งอดพูดไม่ได้ว่า “เธอไม่ใส่แว่นดำแล้วดูดีนะ”
ผู้หญิงได้ยินแล้วถึงกับหัวเราะพรืด
เห็นว่าผู้หญิงไม่ร้องไห้แล้ว มู่เซิ่งรู้สึกโล่งอก การที่เขาช่วยเมื่อครู่ นอกจากการมีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่นแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งคือทำให้เขานึกถึงตัวเองตอนที่ตกน้ำในตอนนั้น ตอนนั้นถ้าเหยาเผิงไม่พยายามสุดชีวิตเพื่อช่วยเขา ตัวเองอาจจมน้ำตายไปแล้ว
“ฉันชื่อหยางฟางฟาง นายล่ะ” ผู้หญิงเช็ดน้ำบนใบหน้าจนหมดแล้วถามขึ้น
“มู่เซิ่ง คนนี้เพื่อนฉัน ชื่อเหยาเผิง” มู่เซิ่งตอบสั้นๆ
เมื่อเหยาเผิงได้ยิน ตัวอ้วนๆ อดสั่นไม่ได้
พระเจ้า ฉันเลื่อนขั้นเป็นเพื่อนของลูกพี่แล้ว ดูเหมือนว่าถึงลูกพี่เป็นคนน่ากลัวแห่งเมืองเยียนจิง แต่การวางตัวเข้ากับคนอื่น เขาไม่วางมาดเลยสักนิด
ถ้าไม่มีคนอื่นอยู่ที่นี่ เหยาเผิงคงซาบซึ้งใจจนร้องไห้ไปแล้ว
“ขอบใจที่ช่วยฉัน ถ้าไม่ได้นายฉันคงจมน้ำตายไปแล้ว” ตาเป็นประกายของหยางฟางฟางจ้องไปที่มู่เซิ่ง เมื่อกี้ตอนที่เธอสิ้นหวังสุดขีด มู่เซิ่งเหมือนแสงสว่างส่องเข้ามาท่ามกลางความมืดมิด ความอบอุ่นจากอ้อมอกนั่น ชั่วชีวิตนี้เธอคงยากที่จะลืม
“ไม่เป็นไร เด็กนั่นน่ะสิ คิดไม่ถึงว่าเขาจะโหดขนาดนี้” มู่เซิ่งเอ่ยขึ้น เมื่อหันกลับไปก็ไม่เห็นสองแม่ลูกนั่นบนดาดฟ้าเรือแล้ว
“ลูกพี่ หลังจากสองแม่ลูกนั่นเห็นหยางฟางฟางตกน้ำก็หนีไปทันที ให้ตายเถอะ ไอ้เด็กเวรนี่นอกจากขโมยของแล้วยังกล้าฆ่าคนอีก ถึงตอนนั้นผมจะให้กัปตันหาตัวเขาแล้วถลกหนังซะให้เข็ด” เหยาเผิงพูดอย่างโมโห
มู่เซิ่งพยักหน้าเห็นด้วยเป็นอย่างมาก
ถ้าครั้งนี้เขาไม่อยู่บนดาดฟ้าเรือ เด็กคนนั้นต้องทำให้คนจมน้ำตายแน่ๆ
หลังจากเห็นว่าผู้หญิงไม่เป็นอะไร มู่เซิ่งกับเหยาเผิงลุกขึ้นเตรียมกลับห้องตัวเอง
“เอ่อ เดี๋ยวก่อน”
หยางฟางฟางลุกขึ้นยืนเช่นกัน เธอเดินโงนเงน หน้าก็ซีดมาก เธอถามว่า “มู่เซิ่ง ฉันไปพักที่ห้องนายได้ไหม ฉันยังกลัวอยู่เลย”
“พักผ่อนเหรอ ฉันไปส่งเธอที่ห้องดีกว่า” มู่เซิ่งครุ่นคิดแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ
หลังจากนี้เขาต้องวาดรูนที่ห้องต่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มู่เซิ่งต้องรีบทำ ดังนั้นจะให้หยางฟางฟางอยู่ห้องเขาได้ยังไงล่ะ ให้คนแปลกหน้ารบกวนการฝึกฝนของเขาเนี่ยนะ
“อันที่จริงฉันเคยเจอนายมาก่อน ฉันรู้ว่าภรรยานายคือเจียงหว่าน ฉันไม่รบกวนนายหรอก……” หยางฟางฟางเอ่ยขึ้น
เมื่อได้ยิน แววตาของมู่เซิ่งเย็นชาทันที “เธอเป็นใคร รู้จักเจียงหว่านได้ยังไง”