มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 346 ปรมาจารย์ก่วนจบชีวิตลง!
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 346 ปรมาจารย์ก่วนจบชีวิตลง!
“ปรมาจารย์มู่ ไว้ชีวิตด้วยเถอะ ฉันรู้ว่ากระทำผิดไปแล้ว ฉันรู้ว่าตนเองทำผิดไปแล้ว”
ปรมาจารย์ก่วนคุกเข่าลงไปบนพื้น และพูดขึ้นอย่างร้อนใจเป็นที่สุดว่า: “ปรมาจารย์มู่ อย่าฆ่าฉันเลย อาจารย์ของฉันก็เป็นนักเสวียนเหมือนกันกับท่าน พวกท่านต่างก็อยู่ในกลุ่มพันธมิตรนักเสวียน ที่ต้องพบเจอหน้ากันอยู่แล้ว เพียงแค่ท่านยอมไว้ชีวิตฉัน ฉันก็เต็มใจที่จะนำยา ไม่ ยาเข้าสู่ระดับมอบให้กับท่านเพื่อเป็นการไถ่โทษ! ”
ยาเข้าสู่ระดับ!
ทุกคนได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจโดยพร้อมเพรียงกัน ปรมาจารย์ก่วนผู้นี้เพื่อรักษาชีวิต ถึงกับยอมเสนอเงื่อนไขที่ยิ่งใหญ่ให้เลยทีเดียว!
ปรมาจารย์ก่วนไม่ได้สนใจสีหน้าท่าทางของทุกคนที่แสดงออกมา โดยได้พูดอ้อนวอนขอร้องต่อว่า:
“ปรมาจารย์มู่ เพียงแค่ท่านยอมที่จะไว้ชีวิตฉัน ฉันรับรองว่า ต่อไปจะเป็นลูกน้องปรนนิบัติรับใช้ท่าน อย่างซื่อสัตย์ไม่เป็นอื่น เพียงแค่ท่านพูดคำเดียว ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ฉันก็จะไม่ปฏิเสธเลย! ”
“หากไว้ชีวิตฉัน ท่านยังสามารถได้ปรมาจารย์บู๊คนหนึ่งมาเป็นลูกน้องรับใช้ หากฆ่าฉันแล้ว อาจารย์ของฉันก็คงจะเกิดความโมโหอย่างแน่นอน ปรมาจารย์มู่ ท่านพิจารณาไตร่ตองให้ถี่ถ้วนนะ”
ปรมาจารย์ก่วนก้มศีรษะคำนับไปที่พื้นอย่างไม่หยุด จนพื้นดินบริเวณใต้ฝ่าเท้าของเขา แทบจะมีรอยยุบลงไปแล้ว
คำพูดของเขานั้น มีทั้งจริงและเท็จ
อาจารย์ของเขา ซานเว่ยเต้าหยิน เป็นนักเสวียนจริง และเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรนักเสวียนด้วย แต่มีสถานะไม่สูง ในบรรดาพวกนักเสวียนนั้น ก็เป็นเพียงแค่นักเสวียนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง อีกทั้ง ยาเข้าสู่ระดับสำหรับอาจารย์ของเขาแล้ว ก็ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก ปรมาจารย์ก่วนผู้นี้จะมีคุณสมบัติพอที่จะไปนำมาได้ที่ไหนล่ะ
แต่เขาในตอนนี้ ไม่ได้สนใจอะไรมากอีกต่อไปแล้ว
ตอนที่สิ่งที่เขาพูด สิ่งที่เขากระทำทั้งหมด ก็เพื่อต้องการจะมีชีวิตรอดเท่านั้น
“เพียงแค่ฉันสามารถกลับไปได้……” ปรามาจารย์ก่วนกัดฟันแน่น
“เพียงแค่ฉันสามารถกลับไปได้ ฉันก็จะบอกกับซานเว่ยเต้าหยินผู้เป็นอาจารย์ของฉันว่า เตียวซุนตายลงไปด้วยน้ำมือของมู่เซิ่ง แม้ว่าอาจารย์ของฉันจะมีพลังความสามารถที่ไม่สูงนัก แต่ในกลุ่มพันธมิตรนักเสวียน เขาได้รู้จักผูกมิตรกับนักเสวียนที่มีวิทยายุทธระดับสูงหลายคน หากพวกเขาลงมือแล้ว มู่เซิ่งก็จะต้องตายลงเป็นแน่! ”
ปรมาจารย์ก่วนได้แอบซ่อนความปรารถนาที่จะอยู่รอดและเจตนาสังหารในสายตาของเขา เอาไว้ในใจ
นี่คือโอกาสความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวที่เขาจะสามารถมีชีวิตรอด!
“ยาเข้าสู่ระดับหนึ่งเม็ด และลูกน้องรับใช้คนหนึ่งที่เป็นปรมาจารย์บู๊ เงื่อนไขที่นายเสนอมานี้ มันช่างน่าดึงดูดใจยิ่งนัก……” มู่เซิ่งเอ่ยปากพูดขึ้นอย่างสงบ
ขณะที่ปรมาจารย์ก่วนเพิ่งจะดีใจขึ้นได้แวบหนึ่ง นึกว่าตนเองสามารถที่จะมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยแล้ว ก็พลันมีเสียงที่เยือกเย็นจับใจของมู่เซิ่งดังขึ้นที่ข้างหู
“แต่น่าเสียดายที่ พวกสิ่งเหล่านี้ในสายตาของฉันแล้ว ไม่มีคุณค่าอะไรเลย”
“ปรมาจารย์มู่! ” ปรมาจารย์ก่วนได้ยินที่มู่เซิ่งพูดแล้ว ก็กระวนกระวายใจขึ้น นี่เป็นถึงยาเข้าสู่ระดับ และลูกน้องรับใช้ที่เป็นปรมาจารย์บู๊เลยนะ ไม่ว่าในสายตาของนักเสวียนคนใดคนหนึ่ง ก็คงยากที่จะปฏิเสธ แต่ไม่นึกว่ามู่เซิ่งจะพูดว่าไม่มีคุณค่าอะไรกับเขาเลย?
เขาไม่รู้เลยว่า พวกสิ่งของเหล่านี้ในสายตาของมู่เซิ่งนั้น มันไม่ถือว่าพิเศษสำคัญอะไรเลย
ยาเข้าสู่ระดับ? สำหรับโลกภายนอกแล้ว มีมูลค่าที่สูงมาก แต่มู่เซิ่งเองสามารถที่จะกลั่นยาระดับสองซึ่งเป็นขั้นที่สูงกว่าได้ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจพวกสิ่งของเหล่านี้เลย
สำหรับลูกน้องรับใช้ที่เป็นปรมาจารย์บู๊ สำหรับมู่เซิ่งแล้ว นั่นก็ยิ่งเป็นเรื่องตลกขึ้นไปอีก
คนชั่วที่คิดวางแผนให้ร้ายคนอื่นเป็นประจำ แม้แต่ศิษย์น้องของตนก็ยังเอามาขายประจานได้ ถ้าหากให้มาอยู่ข้างกายแล้ว นั่นคงจะเป็นภัยพิบัติที่แอบแฝงเป็นแน่ อีกอย่างหนึ่ง มู่เซิ่งเองก็อยากจะใช้วิธีการพิเศษ เพื่อให้พวกเตาจั๋วเหล่านั้น เลื่อนชั้นขึ้นสู่ขั้นแดนปรมาจารย์บู๊ ด้วยเหตุนี้จึงยิ่งไม่ต้องการปรมาจารย์ก่วนแล้ว
“ปรมาจารย์มู่ ท่านห้ามฆ่าฉันเด็ดขาด หรือว่าท่านไม่กลัวอาจารย์ของฉันหรืออย่างไร เขา……” ปรมาจารย์ก่วนยังคิดที่จะพูดอะไรต่ออีก
“ตุบบ! ”
ฝ่ามือของมู่เซิ่ง มีแสงสายฟ้ากระพริบขึ้น แล้วตบตีไปที่ทรวงอกของเขาในทันที
“ตูมตูมตูม—-”
ปรมาจารย์ก่วนกระเด็นลอยไปไกล แล้วกระแทกไปบนโขดหินขนาดใหญ่ จนด้านหลังของโขดหินนั้นแตกเป็นรอยร้าวและตกหล่นลงมาเป็นชิ้น ๆ โดยปรมาจารย์ก่วนได้แสดงสีหน้าท่าทางที่เหยียดหยามออกมา แล้วร่างกายก็ร่วงตกพื้น เสียงดัง ‘ฟุบ’
ปรมาจารย์บู๊ที่ยิ่งใหญ่ ได้จบชีวิตลงแล้ว!
ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ ต่างก็ถูกสถานการณ์ดังกล่าวนี้ ปกคลุมกดทับจนเงยหน้าไม่ขึ้นแล้ว
“ฟุบ ฟุบ ฟุบ……”
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ก็เกิดเสียงคุกเข่าลงไปที่พื้นของแต่ละคนดังขึ้นติดต่อกัน แม้แต่ปรมาจารย์ก่วนก็ยังถูกฝ่ามือของมู่เซิ่งตบตีจนตายไปแล้ว ตอนนี้หากพวกเขายังไม่รีบคุกเข่าลงอีก ก็คงจะรนหาที่ตายเหมือนกันใช่ไหมล่ะ
ในขณะนี้ ทุกคนบนเกาะต่างก็กำลังแข่งขันก้มศีรษะคำนับไปที่พื้น
ส่วนเหมียวหงอวี่ หลิวต้าเลี่ยง รวมถึงพวกลูกน้องด้านหลังทั้งหมดที่อยู่กันบนเกาะนั้น ต่างก็ร่างกายสั่นเทาไปหมดแล้ว
โอ้วพระเจ้า ก่อนหน้านี้ ฉันได้ล่วงเกินต่อบุคคลระดับไหนกันแน่เนี่ยะ?
วิธีการเยี่ยมยอด ฆ่าสังหารโหดเหี้ยม คนที่โหดร้ายไร้เทียมทานประเภทนี้ ไม่นึกว่าก่อนหน้านี้ฉันจะเอาแต่เยาะเย้ยดูหมิ่นเขา? ต่อให้ตอนนี้มู่เซิ่งใช้ฝ่ามือตบตีเขาจนตาย เหมียวหงอวี่เองก็คงจะไม่รู้สึกแปลกใจอะไร
เขาหวาดกลัว
หวาดกลัวอย่างที่สุด!
พวกลูกน้องเหล่านั้นของเหมียวหงอวี่แม้แต่จะเงยหน้าก็ยังไม่กล้า แต่ละคนกัดฟันแน่น อยากที่จะลงมือจัดการให้เหมียวหงอวี่ตายลงไปตอนนี้เลย แม่งสิ บุคคลที่เก่งกาจสามารถเรียกสายฟ้าได้ทุกเมื่ออย่างนี้ นายยังกล้าที่จะไปล่วงเกินอีก คิดว่าตนเองอายุยืนยาวนักหรือไง?
“ปรมาจารย์มู่ ไว้ชีวิตด้วย ขอให้ท่านไว้ชีวิตฉันด้วย! ”
“ปรมาจารย์มู่ ฉันก็แค่รับเงินแล้วมาทำตามหน้าที่ ไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอะไรกับเหมียวหงอวี่เลย ขอให้ท่านไว้ชีวิตฉันด้วยเถอะ”
“ฉันผิดไปแล้ว นับแต่นี้ฉันจะแยกตัวออกมาจากตระกูลเหมียว ไม่เป็นคนของตระกูลเหมียวอีกต่อไป ปรมาจารย์มู่ เห็นว่าฉันเป็นแค่ผายลมปล่อยมันทิ้งไปเถอะนะ” เสียงอ้อนวอนร้องขอชีวิตของทุกคนนั้น คนหนึ่งกระตือรือร้นร้อนใจมากกว่าอีกคนหนึ่ง
มู่เซิ่งไม่ได้ตอบกลับพวกเขา หันหน้ากลับมา แล้วสายตาก็จ้องมองไปที่ร่างของเหมียวหงอวี่
แววตาช่างสงบนิ่งและเฉยชา แต่สำหรับเหมียวหงอวี่แล้ว ไม่ได้ด้อยไปกว่าการที่ถูกเทพแห่งความตายจ้องมองเลย ความรู้สึกเยือกเย็นได้แผ่กระจายขึ้นมาจากแผ่นหลัง และภายใต้เป้ากางเกงของเขา ก็แทบจะปัสสาวะแตกอีกครั้ง
ถ้าหากว่าเมื่อครู่ไม่ได้หวาดกลัวตกใจต่อมังกรคะนองน้ำยักษ์จนปัสสาวะแตกไปครั้งหนึ่งแล้ว และในท้องไม่มีอะไรเหลือแล้ว การจ้องมองของมู่เซิ่งในครั้งนี้ ก็คงจะทำให้เหมียวหลงหยู่ตกใจกลัวจนปัสสาวะราดออกมาอีกแน่นอน
ตระกูลเหมียวของพวกเขา แม้ว่าจะยึดครองซานเป่ย เย่อหยิ่งดูหมิ่นตระกูลอื่นมากมาย ถึงแม้ตระกูลจะแข็งแกร่ง แต่ก็เป็นเพียงแค่ตระกูลอันดับหนึ่งเท่านั้น พลังการต่อสู้สูงสุดก็คือปรมาจารย์บู๊สองคนนี้ แต่ในตอนนี้ปรมาจารย์บู๊สองคนนี้ได้ตายลงไปหมดแล้ว ตระกูลของพวกเขา ขนาดที่จะรักษาความเป็นตระกูลอันดับหนึ่งให้คงอยู่ต่อนั้นก็ยังยากเต็มทน มิต้องเอ่ยถึงว่าจะปะทะต่อต้านกับมู่เซิ่งเลย
เมื่ออยู่ต่อหน้าของมู่เซิ่ง พวกเขาตระกูลเหมียว ก็เป็นแค่มดแมลงตัวหนึ่ง จะฆ่าให้ตายก็ไม่ต้องเสียแรงอะไรมากมาย
“ปรมาจารย์มู่……อย่าได้ฆ่าฉันเลย ฉันจะให้เงินท่าน เป็นเงินจำนวนมากด้วย ขอร้องท่าน ไว้ชีวิตฉันไปเถอะ” เหมียวหงอวี่พูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เพื่อต้องการชีวิตรอด เขาก็ได้นำบัตรธนาคารในประเป๋า นาฬิกาข้อมือ เงินสดและสิ่งของอื่น ๆ ที่มีมูลค่าทั้งหมดออกมา
เหมือนจะยังไม่เพียงพอใช่ไหม เหมียวหงอวี่พูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ต่อว่า: “ยังมีอีก ถ้าหากปรมาจารย์มู่ต้องการ ตระกูลของฉัน บ้านของฉัน ฉันจะให้ท่านทั้งหมดเลย เพียงแค่ปรมาจารย์มู่ไว้ชีวิตฉัน……”
ได้ยินถึงผลตอบแทนมากมายขนาดนี้ แต่มู่เซิ่งกลับยังมีสีหน้าเฉยชา และพูดขึ้นว่า: “นายต้องการจะใช้สิ่งของเหล่านี้ ซื้อชีวิตของนายอย่างนั้นเหรอ? ”
เหมียวหงอวี่ได้ยินคำพูดดังกล่าวแล้วก็ถึงกับแขนขาเย็นชาไปหมด ตาเหลือก แล้วก็ล้มหงายลงข้างหลัง และสลบหมดสติไป
“ลูกพี่ ไอ้หนุ่มนี้หลาดกลัวท่านจนสลบไปแล้ว” เหยาเผิงเดินขึ้นมาด้านหน้าอย่างผ่าเผย ซึ่งหลังจากที่ตรวจสอบดูแล้ว ก็ขมวดคิ้วและพูดขึ้นกับมู่เซิ่ง