มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 348 คุณชายเหมียวที่คลุ้มคลั่ง
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 348 คุณชายเหมียวที่คลุ้มคลั่ง
“บรรจุใส่ไม่ได้แล้ว ก็เหลือไว้ที่นี่เถอะ” มู่เซิ่งพูดขึ้น
เหยาเผิงจ้องเขม็งไปที่เหมียวหงอวี่ และพูดขึ้นว่า: “หลงเหลือไว้ตั้งมากมาย ช่างเป็นประโยชน์กับนายมากทีเดียว”
เขารู้ว่า สิ่งของที่หลงเหลืออยู่ที่นี่ รวมถึงร่างศพของมังกรคะนองน้ำยักษ์นั้น จะต้องถูกเหมียวหงอวี่นำพากลับไปแน่
เมื่อพูดจบลง เขาก็คว้าไปหยิบผลมรกตลูกหนึ่งมายัดใส่ไปในปาก จากนั้นก็คว้าหยิบมาอีกสิบกว่าลูก ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ หมวก และกางเกง ยัดใส่ลงไปจนทั้งร่างกายไม่เหลือพื้นที่อะไรอีกแล้ว จึงได้ถือกระเป๋าเดินทาง ลากเดินไปบนเกาะ และพูดขึ้นว่า: “ลูกพี่ ฉันจัดเก็บของเรียบร้อยแล้ว”
มู่เซิ่งมองดูเหยาเผิงที่กำลังกัดแทะผลมรกตอยู่นั้น ก็แสดงท่าทางจำใจออกมา
แม้ผลมรกตนี้จะไม่มีพิษ แต่หากนายกินแบบนี้เข้าไป นอกจากจะเพิ่มพลังขึ้นเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่มีผลอะไรอีก มันช่างเป็นการทำลายและสิ้นเปลืองของดีเกินไปหรือเปล่า?
“ปรมาจารย์มู่ พวกเราช่วยท่านถือ” พวกทหารรับใช้เหล่านั้นก็เดินตามกันมาด้านหลัง แสดงสีหน้าท่าทางที่ประจบสอพลออย่างที่สุด
พวกเขาได้ช่วยมู่เซิ่งแบกหามสามลังใหญ่ที่บรรจุสมบัติล้ำค่าของมังกรคะนองน้ำยักษ์นั้น และเดินตามอยู่ด้านหลังอย่างนอบน้อม จากนั้นก็ช่วยมู่เซิ่งเติมลมให้กับเรือคายัค และช่วยยกสิ่งของวางลงไปบนเรือคายัค แล้วก็โบกมืออำลา
หลังจากที่มู่เซิ่งและคณะได้เดินทางจากไปแล้ว พวกคนเหล่านั้นก็ถอนหายใจยาว ทรุดนั่งลงไปที่พื้น ไม่ใช่เพราะเกิดอะไรขึ้น แต่เป็นเพราะความกดดันที่มู่เซิ่งมีต่อพวกเขา มันช่างหนักหนามากเหลือเกิน
หลังจากที่เดินทางออกมาจากเกาะแล้ว มู่เซิ่งก็ได้โทรศัพท์ไปหาตาเฒ่าหลี่ บอกให้เขาไม่ต้องมารับตนเองแล้ว เขาจัดเก็บสิ่งของเสร็จ ก็จองตั๋วเรือเลย โดยไม่ต้องไปหยุดพักที่หมู่บ้านชาวประมงอีกแล้ว
แต่ว่า ขณะที่เดินทางออกมา มู่เซิ่งก็มองเห็นพวกชาวประมงที่กำลังขับเรืออยู่
พวกคนเหล่านี้ ตอนที่เห็นอสูรแรดร้ายนั้น ต่างก็ตกใจกลัวกันไปหมด ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์สงบลงแล้ว จึงค่อย ๆ พากันออกมา เพื่อต้องการดูว่าเกิดอะไรขึ้นบนเกาะกันแน่ เขาสามารถมีโอกาสฉกฉวยอะไรได้บ้าง
บนเรือของพวกเขานั้น ล่ายซิ่วฉินยังได้อุ้มสุนัขป่าที่ดุร้ายอยู่ ดูท่าทางแล้วโหดเหี้ยมอย่างมาก
“เฮ้ย เกิดเรื่องอะไรขึ้นบนเกาะเหรอ? ” เมื่อเด็กน้อยที่ชื่อจงหนิงมองเห็นมู่เซิ่งแล้ว ก็ได้ถามขึ้นอย่างไม่เกรงใจ
มู่เซิ่งไม่แม้แต่จะหันไปมองพวกเขาเลย ไม่อยากที่จะสนใจพวกเขา
“ยังจะเป็นอะไรไปได้ล่ะ ก็คือสมบัติล้ำค่าน่ะสิ ไม่อย่างนั้นพวกเราจำนวนมากจะขึ้นไปที่เกาะนั่นทำไม” เหยาเผิงหัวเราะฮ่าฮ่าและพูดขึ้น
เมื่อได้ยินคำว่าสมบัติแล้ว จงหนิงก็ดวงตาเป็นประกายขึ้นทันที แล้วใช้ดาบสั้นชี้ไปที่เหยาเผิงและดุด่าว่า: “หยุดเรือเดี๋ยวนี้ และรีบมอบสมบัติออกมา! ”
“ฉันจะหยุดเรือทำไมล่ะ หากแน่จริงก็ไล่ตามพวกเรามาสิ” เป็นไปไม่ได้ที่เหยาเผิงจะหยุดเรือ แล้วเขาก็รีบดึงมอเตอร์ เรือคายัคก็เร่งความเร็วแล่นออกไปในทันที
“แม่งสิ ฉันต้องการสมบัติ! ” เมื่อเห็นท่าทางของเหยาเผิงแล้ว จงหนิงก็ทั้งโกรธและร้อนใจ
ล่ายซิ่วฉินเองก็ดวงตาเป็นประกาย แต่เธอรู้ว่า เรือประมงของตัวเองไม่สามารถไล่ตามเรือคายัคของพวกเหยาเผิงได้ จึงได้แต่พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “ดูไอ้อ้วนนั่นสิกระเป๋าเดินทางของเขาบวมใหญ่ขนาดนั้น จะต้องมีของดีมากมายอย่างแน่นอน พวกเขาบรรจุอีกไม่ได้แล้ว ตอนนี้พวกเราไปตามหาสมบัติกัน คงยังมีโอกาสได้มาบ้างล่ะ! ”
จงหนิงได้ยินดังนั้น ก็ไม่โวยวายแล้ว และมองไปที่เกาะเล็กด้วยสายตาที่ร้อนผ่าว และพูดขึ้นว่า: “คุณแม่ สมบัติเหล่านั้น จะต้องเป็นของพวกเราทั้งหมด”
“วางใจเถอะ นอกจากสมบัติเหล่านั้นแล้ว เงินทองในตัวของพวกคนเหล่านั้น ก็จะต้องเป็นของพวกเราด้วย” ล่ายซิ่วฉินหัวเราะไม่หยุด
เวลานี้ บนเกาะเล็ก
เหมียวหงอวี่กำลังมุ่งมั่นตั้งใจเก็บผลมรกตที่เหลืออยู่ รวมถึงร่างศพของมังกรคะนองน้ำยักษ์นั่นด้วย
แม้ว่าสมบัติล้ำค่าในตัวของมังกรคะนองน้ำยักษ์จะถูกเอาไปหมดแล้ว แต่ร่างของมันยังมีเนื้อ ไม่ได้จริง ๆ ก็ยังมีโครงกระดูก โดยอสูรเสวียนที่มีขนาดใหญ่แบบนี้ หากนำเนื้อของมันมาดองเป็นเหล้าแล้วนำไปขาย ก็คงจะมีผู้ยิ่งใหญ่มีอิทธิพลจำนวนไม่น้อยมาซื้อกันอย่างบ้าคลั่ง เพราะว่า นี่คือเหล้ายาที่หมักดองมาจากเนื้อของอสูรเสวียนยังไงล่ะ
ดังนั้นเหมียวหงอวี่จึงได้จัดเก็บพวกสิ่งของเหล่านี้ อย่างละเอียดเรียบร้อย โดยไม่หลงเหลือแม้แต่น้อย
หลิวต้าเลี่ยงยิ่งจะเกินไปอีก โดยเททองที่อยู่ในกระเป๋าเป้ออกมาจนว่างเปล่า แล้วบรรจุพวกเนื้ออสูรเสวียนและผลมรกตเข้าไปแทน แต่การตัดสินใจของเขาก็ถือว่าไม่ผิด เพราะเนื้ออสูรเสวียนและผลมรกต มีมูลค่ามากกว่าทองอย่างแน่นอน
เวลานี้ ล่ายซิ่วฉินและพวกพ้องก็ได้มาถึงบนเกาะเล็กแล้ว เมื่อพวกเขามองเห็นทองที่กองเต็มไปบนพื้นรวมถึงร่างศพของอสูรร้ายขนาดใหญ่นั้น ก็อึ้งตกใจขึ้นในทันที
แม่งสิ ที่จริงแล้วตำนานสัตว์ประหลาดบนเกาะนี้นั้น มันคือความจริง
บนเกาะแห่งนี้มีสัตว์ประหลาดมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ อีกทั้ง ยังถูกพวกเขาฆ่าลงไปหมดแล้วด้วย
เมื่อมองเห็นผู้คนกำลังแบ่งแยกจัดเก็บอสูรยักษ์กันอยู่นั้น ในสายตาของล่ายซิ่วฉิน ก็พลันเกิดความโลภขึ้นมาในทันที เธอรีบวิ่งเข้ามา แล้วชี้ไปยังทองที่กองอยู่เต็มพื้นนั้นและตะโกนพูดว่า: “พวกนายกี่คน หยุดมือเดี๋ยวนี้! ที่นี่คือหมู่บ้านชาวประมงของพวกเรา ดังนั้นพวกสิ่งของเหล่านี้ ล้วนเป็นของพวกเราทั้งหมด รีบปล่อยมือจากสิ่งของเหล่านั้นซะ! ”
เหมียวหงอวี่เป็นคนอย่างไร เขาเป็นถึงคุณชายที่โหดร้ายที่สุดในตระกูลเหมียว
เมื่ออยู่ต่อหน้ามู่เซิ่งแล้วแกล้งทำเป็นขี้ขลาดหวาดกลัว นั่นเป็นเพราะมู่เซิ่งมีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งอย่างมาก ทำให้เขาตะลึงงันไปหมด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชาวประมงเหล่านี้ เขาไม่มีความหวาดกลัวอะไรเลย
“ไสหัวไปซะ! ” เหมียวหงอวี่ดุด่าขึ้น เขามีความโกรธแค้นอยู่เต็มอกที่ยังไม่ได้ระบายออกมาเลย
“คุณแม่ พวกเขาไม่ยอม! ฉันจะปล่อยสุนัขไปกัดพวกเขาเอง! ” จงหนิงที่อยู่ด้านข้างนั้นพูดขึ้น แล้วก็ปล่อยสุนัขดุร้ายออกจากมือไป พร้อมกับชี้ไปที่เหมียวหงอวี่และพูดว่า: “กัดเขาให้ตายเลย วั่งฉาย รีบกัดเขาซะ! ”
สุนัขดุร้ายกระโจนออกไป เหมียวหงอวี่ไม่ทันจะระวังตัว จึงถูกงับกัดไปที่ท่อนขา เขาเจ็บปวดจนต้องร้อง “โอ้ย! ” ขึ้นมาเสียงดัง
จงหนิงตบมืออย่างดีใจ ยิ้มและพูดว่า: “กัดได้เยี่ยม กัดได้เยี่ยม! ”
เด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจจนนิสัยเสียอย่างเขานี้ ไร้มารยาทไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง มู่เซิ่งอาจเป็นเพราะคำนึงถึงเรื่องอายุ จึงไม่ได้ลงมือจัดการกับเด็กเวรคนนี้ แต่เหมียวหงอวี่ไม่เหมือนกัน เมื่อเขาโกรธแค้นอย่างหนัก ก็สามารถที่จะทำทุกอย่างได้
“ไอ้ห่าเอ้ย ฉันจะทุบตีแกให้ตายเลย! ”
เหมียวหงอวี่ที่ถือได้ว่ามีพลังความสามารถที่ใกล้เคียงกับระดับปรมาจารย์บู๊ บริเวณท่อนขามีเลือดไหลออกมาไม่หยุด เหมียวหงอวี่จึงชกหมัดออกไป เข้าใส่ที่หัวของสุนัขร้ายตัวนั้นอย่างรุนแรง
“ปังง! ”
สุนัขดุร้ายตัวนั้นถูกชกจนตายแล้ว โดยเลือดไหลนองไปทั่ว
จงหนิงที่มีท่าทางตื่นเต้นดีใจนั้น สีหน้าก็พลันแข็งทื่อไปหมด เขาคิดไม่ถึงว่า เหมียวหงอวี่จะใช้ปืนยิงสุนัขของเขาจนตาย เขาโมโหร้อนใจอย่างมาก จึงยกฉมวกเล็งชี้ไปที่เหมียวหงอวี่ และดุด่าว่า: “แกชดใช้สุนัขคืนมาให้ฉัน หากไม่ชดใช้คืนฉันจะใช้ฉมวกทิ่มแทงแกจนตายเลย! ”
“ชดใช้คืนใช่ไหม? ได้ ฉันจะชดใช้คืนให้กับนาย! ”
เหมียวหงอวี่หยิบปืนซุ่มยิงขึ้นมาจากพื้น แล้วเล็งไปที่ศีรษะของจงหนิง และลั่นไกใส่ทันที
“ปังง! ”
เลือดกระเด็นตามเสียงปืนที่ดังขึ้น สาดกระเด็นไปทั่วบริเวณป่าไม้แห่งนี้
พวกชาวประมงเหล่านั้นถึงกับหยุดชะงักอยู่กับที่ พวกเขาเคยเห็นภาพเหตุการณ์แบบนี้เมื่อไรกันล่ะ!
“มาสิ ไอ้ห่าเอ้ย แกคิดจะมาแย่งของของฉันไม่ใช่เหรอ? มาแย่งไปสิ มาแย่งต่อสิ! ” เหมียวหงอวี่พูดตะโกนเสียงดัง
“อ่า! อ่า! อ่า! ลูกชายของฉัน แกฆ่าลูกชายของฉัน ฉันจะฆ่าแกให้ตาย เพื่อชดใช้ชีวิตคืน! ”
ล่ายซิ่วฉินราวกับเป็นคนบ้าไปแล้ว กระโจนเข้าใส่ในทันที โดยทั้งกัดทั้งกระชากเหมียวหงอวี่ โหดเหี้ยมดุร้ายกว่าสุนัขตัวนั้นเสียอีก กัดขย้ำจนเนื้อและเลือดที่ท่อนขาของเหมียวหงอวี่เละไปหมด
“อ่า! แม่งสิไอ้เวร! ”
เหมียวหงอวี่เจ็บปวดจนร้องโอดครวญ แล้วก็ยิงปืนใส่ไปอีกครั้ง
“ปังง! ”
“ปังปังปังงงงง! ”
เสียงของปืนซุ่มยิงดังขึ้นติดต่อกันอย่างแสบแก้วหู ทำให้นกทะเลตกใจกลัวจนบินว่อนไปหมด