มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 35 คุณมาได้ยังไงเนี่ย
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 35 คุณมาได้ยังไงเนี่ย?
คืนนั้นเอง หวางกุ้ยและเจียงมู่หลงทั้งสองคนได้พบหน้ากันอีกครั้ง
ความซวยที่เริ่มมาเยือนเจียงหว่าน ทั้งสองคนดีใจยกใหญ่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหวางกุ้ย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกมู่เซิ่งขัดจังหวะเรื่องดีๆ พอฉุกคิดถึงเวลาที่เจียงหว่านนอนแก้ผ้าล่อนจ้อนอยู่บนเตียงของเขาที่ใกล้เข้ามาทุกที จนเขาเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่อยู่
ในฐานะที่เจียงหว่านเป็นสาวสวยจนวัวตายควายล้มของเมืองเจียงหนาน ซึ่งสวยสมญานามที่ได้รับยกย่อง ผู้ชายที่มาตามจีบเธอเข้าแถวยาวตั้งแต่หัวเมืองยาวไปจนท้ายเมืองนู่น ดังนั้นหลังจากมู่เซิ่งแต่งงานเข้าไปอยู่ในบ้านเธอ ถึงได้มีคนอีกมากมายถ่มถุยไอ้กระจอกคนนี้ ทว่าครั้งนี้ สามารถเล่นตุกติกกับเจียงหว่านได้ จนหวางกุ้ยเก็บความรู้สึกในใจไว้ไม่อยู่
ที่ยิ่งไปกว่านั้น เจียงหว่านยังไม่เคยผ่านมือมู่เซิ่งมาก่อน!
“ฮ่าๆๆ รอเวลาที่ผมได้เสียกับเจียงหว่านแล้ว ต่อไปถ้าคุณชายเจียงมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอะไร ก็รีบมาหาผมแล้วกัน ผมต้องช่วยคุณจัดการอย่างแน่นอน” หวางกุ้ยยิ้มตอบ
ดวงตาเจียงมู่หลงแดงก่ำ พลางพยักหน้าหงึกหงัก ตราบใดที่สามารถกำจัดเจียงหว่านได้ จนทำให้เขาขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งประมุขของตระกูล ไม่ว่ายักยอกเงินไปให้คนอื่น เขาก็ยอมทำ
“ใช่สิ หวางกุ้ย ผมมีเรื่องหนึ่งที่ต้องพูด” หลังจากหยุดอยู่ชั่วครู่ เจียงมู่หลงถึงได้เอ่ยปากขึ้นอย่างไร้วี่แวว
“พูดมา”
“มู่เซิ่งไอ้หมอนี้ ผมได้ข่าวมาว่ามันต่อสู้ได้พอตัว ถ้าเรื่องนี้ให้มันเข้ามาแทรกแซง อาจจะเกิดปัญหาขึ้นมาได้” เจียงมู่หลงครุ่นคิดสักพักถึงได้พูดออกมา
หวางกุ้ยชะงักงัน
เมื่อเขาหวนคิดขึ้นมา มู่เซิ่งคนนี้มันมีความสามารถอยู่จริงๆ เพราะมันคนเดียวก็เคยต่อยเขาจนกระเด็นออกมาจากห้องรับรอง ถึงแม้ไม่เคยเห็นลงมืออย่างจริงจังก็ตาม แต่อย่างน้อยต้องมีความสามารถอยู่พอตัว
เรื่องที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ส่วนเรื่องเขาจะได้เสียกับเจียงหว่านหรือเปล่า ต้องไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมา
เจียงมู่หลงเห็นสีหน้าหวางกุ้ยดูย่ำแย่ลงเล็กน้อย เขากลืนน้ำลายลงคอ “จริงๆแล้ว หวางกุ้ย ตัวผมเองก็มีลูกน้องอยู่บ้าง พอจะช่วยคุณได้นะ”
“ไม่ต้องหรอก” หวางกุ้ยใช้ฝ่ามือใหญ่โบกปฏิเสธ “ถึงแม้หวางชิ่งคุนพี่ชายผมจะอยู่ที่เมืองเยียนจิง แต่เขาก็มีหน้าตาอยู่ในเมืองเจียงหนานอยู่ไม่น้อย ครั้งนี้ผมจะฝากฝังพี่ชายผม รบกวนท่านหลงเพื่อขอให้เฮยเจียวมาช่วยสักหน่อย เขาต่อสู้ไม่ดุดันเท่าเฮียหู่ แต่ก็มีลูกน้องมากมาย ครั้งนี้ฉันต้องเชิญเขามา รับประกันได้ไม่เกิดเรื่องแน่”
“ไอ้กระจอกคนนี้มันสู้เก่งขนาดนี้ มันคนเดียวคงไม่สามารถต่อสู้กับคนสิบกว่าคนได้หรอกมั้ง?”
“ฮ่าๆๆ สมกับที่เป็นคนใหญ่คนโตของเมืองเยียนจิง เส้นสายกว้างขวาง ครั้งนี้ เกรงว่าเจียงหว่านจะมีปีกก็ยากที่จะบินหนีรอด!” เจียงมู่หลงหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างอดใจไม่ไหว พร้อมทั้งเลียปาก ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน อดทนรอไม่ไหวอีกแล้ว
วันรุ่งขึ้น เจียงหว่านขับรถคนเดียว เพื่อมุ่งหน้าตรงไปยังฟาร์มที่อยู่ชานเมือง
เธอตื่นเต้นอยู่ในใจเล็กน้อย เดิมคิดอยากจะเรียกมู่เซิ่งมาเป็นเพื่อนเธอ แต่เธอเห็นเขากำลังนอนหลับสนิท รู้สึกโกรธเคืองอยู่ในใจบ้าง จึงเดินทางออกจากบ้านคนเดียว
หลังจากเพิ่งเข้ามาในฟาร์ม เธอรู้สึกเสียใจทันที
ในฟาร์ม มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ ซึ่งก็คือหวางกุ้ยคนที่หักหาญน้ำใจเธอใน Royal Club ก่อนหน้านี้นั่นแหละ ตอนแรกเธอคิดว่าปัญหาในเรื่องการลอบสับเปลี่ยนวัสดุเป็นลูกน้องของเธอเอง แถมคนที่เจียงมู่หลงยกขึ้นมาพูดก็คือลูกน้องของเธอ แต่ทำไมจึงคิดไม่ถึง ปรากฏว่าเป็นหวางกุ้ยไปได้นะ
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจียงหว่านได้แต่นั่งลงอย่างอดกลั้น
“คุณเจียงคนสวย คิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้เราจะได้ร่วมมือกันอีกครั้งนะครับ” ปากหวางกุ้ยผสมไปด้วยรอยยิ้มคมหอก “บังเอิญจริงๆ”
เจียงหว่านทำหน้าตาขึงขัง พลางเอ่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา “หวางกุ้ย เรื่องวัสดุสอดไส้ที่ส่งไปที่บริษัทของทางเรา มันผิดกฎหมายคุณรู้หรือเปล่า!”
“ฮ่าๆๆ เจียงหว่าน คุณคิดว่าหวางกุ้ยอย่างผมจะตกใจจนขวัญอ่อนมั้ย?”
หวางกุ้ยนอนเอนหลังติดเก้าอี้ พลางฉีกยิ้มเชือดเฉือนและพูดออกมา “จะเปิดโปงเรื่องนี้ออกไป เธอกล้ามั้ยล่ะ?”
เจียงหว่านสะอึกทันที เธอกล้ามั้ย? หากเปิดโปงเรื่องนี้ออกไป ก็แสดงให้เห็นว่าโปรเจคของบริษัทมู่หรานของพวกเขามีของปลอมสอดไส้อยู่ เมื่อตระกูลมู่รู้เรื่องนี้ มีความเป็นไปได้มากที่จะถูกยกเลิกสัญญา
ถึงแม้จะไม่รับรู้ถึงทัศนคติด้านรายละเอียดที่ทางตระกูลมู่มีต่อเธออย่างชัดเจน เธอเจียงหว่านก็ไม่กล้าเดิมพัน
“คุณจะเอายังไงถึงยอมปิดเรื่องนี้ไว้?” เจียงหว่านย่นคิ้วพูด
หวางกุ้ยลุกขึ้นยืน พลางใช้สายตาประเมินรูปร่างอันอวบอิ่มของเจียงหว่าน ยิ้มตอบ “พูดได้ดี ผมทำงานก็เพื่อกอบโกยเงิน ราคาคือ สิบล้าน เมื่อได้เงินสิบล้านมา ผมรับประกันเลยว่าจะเรียกวัสดุไร้ประโยชน์ทั้งหมดกลับมา อีกอย่างจะไม่เข้าไปแทรกแซงกับคุณอีก”
“สิบล้าน?”
สีหน้าเจียงหว่านเปลี่ยนไปทันที ณ ขณะนี้โปรเจคเพิ่งจะเริ่มต้นเอง เธอคนเดียวจะไปเอาเงินมากมายก่ายกองมาจากไหน?
“ฉันไม่มีเงินมากพอ คุณปู่ฉันคงไม่ให้เงินมากมายขนาดนั้นกับฉัน ไม่มีวิธีอื่นที่สามารถจัดการได้เลยเหรอ?” เจียงหว่านเอ่ยพูด
“วิธีอื่น?” คำพูดของเจียงหว่านอยู่ในสิ่งที่หวางกุ้ยคาดการณ์เอาไว้ เขายิ้มตอบ “ก็ได้ ก่อนหน้านี้ผมอยากจะนอนกับคุณสักคืน แต่มันน่าเสียดายที่ไอ้ผัวเศษสวะของคุณนั้นมันดันเข้ามาขัดจังหวะพอดี ตอนนี้ ก็ต้องมาดูสิว่าคุณจะยินยอมพร้อมใจหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าเรียวของเจียงหว่านซีดเผือดลงถนัดตา นอนด้วยกันคืนหนึ่ง? แล้วจะให้เธอทำเรื่องพรรค์นี้ได้ยังไง!
“ไม่ได้!”
เธอลุกพรวดเพื่อเตรียมเดินกลับ “ในเมื่อคุณแสดงทัศนคติแบบนี้ เรื่องนี้ ผมไม่ขอเจรจาต่อ!”
“ฮ่าๆ ที่ผมถามความคิดเห็นจากคุณ คือเพื่อแสดงความอ่อนโยนต่อคุณ ทำไม? ยังจะไม่ไว้หน้าอีก?” หวางกุ้ยสีหน้าเย็นชา พลันพูดตำหนิอย่างโกรธเคือง “วันนี้ตัวคุณอยู่ที่นี่แล้ว คุณขัดขืนไม่ยอมให้เอา ยังไงก็ต้องโดนขมขืนอยู่แล้ว!”
เมื่อสิ้นเสียง อันธพาลสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างหวางกุ้ยก้าวมาทางด้านหน้า พลางทำท่าหักนิ้ว และแสดงลักษณะท่าทางเตรียมตรึงตัวเจียงหว่านเอาไว้
เจียงหว่านขวัญหนีดีฝ่อกับภาพที่เกิดขึ้นนี้ พลางถอยหลังทันที
ทว่าทางด้านหลังของเธอก็มีอันธพาลอีกสองคนยืนอยู่ และคอยขวางทางหนีเอาไว้
ขณะนั้นเอง พลันมีเสียงดังแสบแก้วหูดังกระฉ่อนมาจากทางด้านนอก
“พี่ใหญ่ ท่าไม่ดีแล้วพี่!”
“ตะโกนแหกปากหาพ่อมึงเหรอ!”
หวางกุ้ยที่มีความคิดยินดีปรีดาอยู่เต็มหัว ใช้ฝ่าเท้าเขี่ยเก้าอี้ออก อันธพาลสองคนเดินตามหลังเขามาติดๆ หวางกุ้ยเดินมุ่งหน้าออกไปทางด้านนอกด้วยความโกรธเคือง
“พี่ใหญ่ มีคนบอกว่ามันชื่อมู่เซิง ต้องการเจอหน้าพี่” มีเสียงด้านนอกดังขึ้น และพูดต่อไปเรื่อยๆ
“มู่เซิ่ง?” หวางกุ้ยตะลึงทันที ในใจก็คิดว่าในที่สุดไอ้หมอนี่มันก็ถ่อมาถึงแล้ว “ให้ไอ้กระจอกนั่นรออยู่ที่หน้าประตู รอให้กูจัดการธุระให้เสร็จกิจก่อนแล้วค่อยให้มันเข้ามา!”
“แต่ แต่มันเตรียมจะบุกให้ได้ พวกเรารั้งไว้ไม่อยู่” ทางด้านนอกมีเสียงเอะอะเอ็ดตะโร
ปัง!
วินาทีถัดมา บานประตูใหญ่ถูกฝ่าเท้าข้างหนึ่งเตะจนเสียงดังโครมคราม หนุ่มวัยรุ่นที่หน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งก้าวเท้าเข้ามา
“มู่เซิ่ง คุณมาได้ยังไงคะ?”
เจียงหว่านดีใจ พลันรีบหลบอยู่ทางด้านหลังมู่เซิ่งตามสัญชาตญาณทันที
“มู่เซิ่ง? ที่แท้ไอ้กระจอกคนนั้นมันก็มาด้วยเหรอวะ?”
ท่ามกลางสายตาอันตกตะลึงของทุกคน พลันหัวเราะร่วนกันเสียงดังลั่น มู่เซิ่งชื่อนี้ พวกเขาได้ยินจนคุ้นหู ในเมืองเจียงหนาน ใครบ้างไม่รู้ถึงสมยานามของไอ้กระจอกตัวท็อปบ้างเล่า?
“ชิชะ ถึงขั้นกล้าบุกเข้ามา คิดไม่ถึงเลยว่าไอ้กระจอกจะมีด้านที่กล้าหาญชาญชัยแบบนี้ด้วยวะ”
“แล้วจะทำไม แต่งงานมาสามปี น่าจะยังไม่เคยนอนกับเมียเลยมั้ง น่าสงสารจริงๆ ผลลัพธ์ที่ได้จากการบุกเข้ามา ก็เพื่อที่จะมาดูเมียโดนข่มขืนล่ะมั้งวะ”
“พี่ใหญ่ ไอ้หมอนี้มันกล้าบุกเข้ามาไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ให้ผมสั่งสอนมันเถอะครับ!”
“ผมขอนะ ไอ้เศษสวะพรรค์นี้ ผมต่อยไปหมัดเดียวมันก็สลบเหมือด”
อันธพาลหลายคนต่างๆ โอ้อวดเต็มที่ พร้อมทั้งเข้ามาห้อมล้อมมู่เซิ่งให้อยู่ตรงกลางพร้อมกัน
เจียงหว่านที่แอบอยู่ด้านหลังมู่เซิ่ง เกิดความรู้สึกวิตกกังวล “มู่เซิ่ง เรารีบออกไปเถอะ ไอ้พวกนี้ไม่ใช่คนดีอะไร ฉันตกหลุมพรางของเจียงมู่หลงแล้วแหละ!”
วันนี้เธอถึงเข้าใจ แผนทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเจียงมู่หลงหลอกล่อเธอมา
ถึงแม้ในใจจะโกรธเคืองจนทนไม่ไหว แต่เวลานี้ท่ามกลางเวลาคับขัน จึงรีบวิ่งออกไปจากที่นี่ก่อน
“วางใจเถอะ มีผมอยู่ด้วย ไม่มีใครสามารถทำร้ายคุณได้หรอกครับ” มู่เซิ่งพูดอย่างเรียบเฉย นัยน์ตาซ่อนเจตนาฆ่าเอาไว้ลึกๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เซิ่ง เจียงหว่านวางใจลงบ้าง ไม่ได้ตึงเครียดขนาดนั้นอีกแล้ว ราวกับตราบใดที่มีมู่เซิ่งอยู่ด้วย การพบเจอวิกฤตใหญ่ขนาดไหนก็ตาม ก็สามารถแปรเปลี่ยนจนหายวับได้อย่างรวดเร็ว
“ฮ่าๆๆ!”
พวกลูกกระจ๊อกอดทนต่อไปไม่ไหว พลันหัวเราะดังลั่น
“แค่แกเนี่ยนะ? ไอ้กระจอกอย่างแกเนี่ยเหรอ?”
“ขอกูก่อน ไอ้พวกเกาะชายกระโปรงผู้หญิงกิน กูใช้มือข้างเดียวก็บีบคอมันให้ตายห่าได้แล้ว!”
เมื่อมองเห็นพวกลูกกระจ๊อกที่กำลังโอ้อวดอยู่ทางด้านหน้า มู่เซิ่งเอ่ยปากอย่างเรียบเฉย “พวกไอ้ต๊อกต๋อยที่ห้ามอยู่หน้าประตูก่อนหน้า วิธีการพูดก็เหมือนกับพวกนาย ตอนนี้โดนฉันทำร้ายจนนอนเป็นผักไปแล้ว”
เมื่อพูดจบ
สีหน้าของพวกลูกกระจ๊อก พลันแสดงท่าทางขาดเขลาขึ้นมาทันควัน