มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 366 ไม่ต้องทดสอบ
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 366 ไม่ต้องทดสอบ?
ในเวลานี้ หัวหน้าทีมมาถึง
แต่ละทีมในสี่ทีมมีหัวหน้าทีมของตัวเอง และเหนือหัวหน้าทีม ยังมีหัวหน้าควบคุมทั่วไป ที่จัดการดูแลกับสี่ทีมด้านล่าง แต่ว่าตำแหน่งของหัวหน้าควบคุมทั่วไปก็น่าเคารพนับถือเกินไปแล้วจริงๆ ดังนั้นก็เลยไม่ได้มาถึงที่นี่ เพียงแค่ให้หัวหน้าทีมของทีมมาเท่านั้น
แต่ว่าสถานการณ์แบบนี้ หัวหน้าทีมมารับมือ เหลือเฟืออยู่แล้ว
หัวหน้าทีมเป็นชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่า รูปร่างกำยำ บนส่วนที่โล่งของไหล่เขา สามารถเห็นรอยแผลเป็นที่ชัดเจนมากๆ ซึ่งหลงเหลือการต่อสู้อย่างเห็นได้ชัด
เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมเต่าดำ มาหลายปีแล้ว แต่เขาก็เป็นนักเสวียนมาสิบกว่าปี ได้รับการคัดเลือกให้เข้าสู่กลุ่มพันธมิตรนักเสวียน ตามด้วยดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมนี้
ทุกปีของวันนี้ ก็มีคนต้องการแข่งขันคัดเลือกเข้าสู่ทีมมากมาย เขานอกเหนือจากหัวหน้าทีม หน้าที่อีกอย่าง ก็คือทำหน้าที่เป็นครูฝึกประเมินในพื้นที่นี้ คัดเลือกบุคคลมีความสามารถที่โดดเด่น และพากลับไปที่กองบัญชาการ
ในปีนี้ เขาก็รู้สึกว่าเซียวจ้านและคนอื่นๆก็ดี พากลับไปที่กองบัญชาการเพื่อฝึกฝนได้
“สวัสดีครับหัวหน้าเซี่ย!”
“สวัสดีค่ะหัวหน้าเซี่ย!”
หลังจากที่เห็นหัวหน้าทีมออกมา ลูกศิษย์ในทีมเหล่านั้น รวมทั้งเซียวจ้านอยู่ในนั้นด้วย ทยอยลุกขึ้นมาพูด น้ำเสียงดังกังวาน สะท้อนอยู่ในโกดังทั้งหมด
มู่เซิ่งยืนอยู่ที่ส่วนท้ายสุดของฝูงชน เพียงแค่เหลือบมองแวบหนึ่งก็ไม่ได้สนใจอะไร ความแข็งแกร่งของหัวหน้าทีมคนนี้นับได้ว่านักเสวียนระดับหนึ่ง และโชคดีพอที่จะฝืนก้าวเข้าสู่แดนของนักเสวียน ทีมพิเศษทั้งสี่อะไรนี้ เขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด นับประสาอะไรกับเข้าร่วม
และผางจือหู่อะไรนั้นที่พี่ใหญ่ของเธอพามา ความแข็งแกร่งก็อยู่ในปรมาจารย์บู๊สูงสุด แม้ว่ามู่เซิ่งไม่ให้ความสำคัญ แต่เข้าร่วมในทีมนี้ เพียงพอเหลือเฟืออยู่แล้ว
ตามคำพูดของหยางฟางฟาง ในตระกูลพวกเธอ ต้องการคนคนหนึ่งเข้าร่วมในทีมพิเศษสี่ทีม เพื่อให้การสนับสนุนโควตาสำหรับตระกูล ในเมื่อคนที่พี่ใหญ่คนพานั้นแข็งแกร่งเพียงพอ งั้นก็ไม่จำเป็นต้องให้มู่เซิ่งลงมือ
สิ่งที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการแอบอู้ สำหรับมู่เซิ่ง ไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่านี้แล้วจริงๆ
แตกต่างจากมู่เซิ่ง คนอื่นๆยืนตรงอยู่กับที่ แสดงความเคารพต่อหัวหน้าเซี่ยจากก้นบึ้งของหัวใจ ในสายตาของแต่ละคน ก็มีความชื่นชมอย่างยากที่จะซ่อนเร้นได้
หัวหน้าเซี่ย เป็นนักเสวียนคนหนึ่ง!
ตราบใดที่เขาได้รับเลือก งั้นก็ต้องกลายเป็นสมาชิกในทีมเต่าดำแน่นอน!
และในสายตาของเซียวจ้านก็แฝงไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เขาใกล้จะเข้าแดนนักเสวียนแล้ว ขาดแค่โอกาสเดียว ก็สามารถที่จะก้าวเข้าสู่ระดับของนักเสวียนได้ในทันที ด้วยเหตุนี้ หัวหน้าเซี่ยอยู่ในสายตาของเขา ไม่เพียงเป็นแค่หัวหน้าทีมคนหนึ่ง ยังคงเป็นเป้าหมายท้าทายของเขาด้วย!
ตราบใดที่กลายเป็นหัวหน้าทีมของเต่าดำได้ เกรงว่าผู้นำแห่งตระกูลหยางคนนั้น จะส่งตัวของลูกสาวทั้งสองคนของเขามาอย่างรีบรอไม่ได้
และนอกเหนือจากนี้ ด้านข้างของหัวหน้าเซี่ย ยังมีหยางฟางฟางและคนอื่นๆยืนอยู่ด้วย ยังไงซะที่นี่เป็นพื้นที่ของตระกูลหยาง ดังนั้นคนของตระกูลหยางจึงมีสิทธิ์ที่จะอยู่แถวหน้าที่สุด
หัวหน้าเซี่ยพึงพอใจมากกับสายตาที่ชื่นชมของทุกคน เชิดหน้าขึ้นสาวเท้าก้าวพรวดๆ เดินไปถึงตรงหน้าของทุกคน และพูดขึ้นมาว่า: “ทุกคนที่ในอยู่ที่นี่ ทุกคนมาที่นี่ เห็นได้ชัดว่าเข้าใจกฎของที่นี่แล้ว ทีมเต่าดำรับสมัครเพียงปีล่ะสิบคน อย่างอื่นฉันก็ไม่พูดมากแล้ว ใครอยากจะท้าทาย ลงมือได้เลย”
“แน่นอนว่า ถ้าหากพวกนายอยากจะท้าทายสมาชิก งั้นก็ลงมือได้เช่นกัน ถ้าเกิดสำเร็จ ก็จะกลายเป็นสมาชิกหลักของทีมเต่าดำ”
สมาชิกหลักที่หัวหน้าเซี่ยพูดถึง ก็คือเซียวจ้านพวกเขาทั้งสิบคนที่นั่งอยู่ในที่นั่งผู้ตัดสิน
สายตาของทุกคนยังคงมองไปที่เซียวจ้านและคนอื่นๆ
พวกเขาทุกคนก็รู้ดีถึงสิ่งล่อใจที่ยิ่งใหญ่ของลูกศิษย์หลัก แต่สำหรับความแข็งแกร่งของเซียวจ้าน ก็รู้ดีอย่างยิ่งอยู่แล้ว ถ้าหากไม่ใช่ในสถานการณ์ที่เชื่อมั่นต่อตัวเองเป็นอย่างมาก ไม่มีทางท้าทายอย่างง่ายดาย
“นอกเหนือจากนี้ วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติที่เชิญครูฝึกฝานหรงมาได้! ทุกคนยินดีต้อนรับ!”
“แปะ แปะ แปะ!”
มีเสียงปรบมืออย่างอบอุ่นดังจากผู้ชมในทันที
ในเวลานี้ ชายชราอายุประมาณเจ็ดสิบปีคนหนึ่งเดินเข้ามาจากประตู
เขาสวมชุดจงซานจวง ผมหงอก ดูไปแล้วสดใสมีชีวิตชีวา เอามือทั้งสองไพล่หลัง ท่าทางที่เดินนั้นแสดงความทะเยอทะยาน ทั่วทั้งร่างกาย ก็แผ่ซ่านลมปราณทรงพลังออกมาอย่างเลือนราง
มู่เซิ่งมองออก ความแข็งแกร่งของชายชราคนนี้บรรลุถึงแดนนักเสวียนกลางระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งแข็งแกร่งกว่าหัวหน้าเซี่ยมาก
กลุ่มพันธมิตรนักเสวียนนี้ทำให้มู่เซิ่งค่อนข้างประหลาดใจ คาดไม่ถึงเพียงแค่สี่ทีมด้านล่าง ก็มีนักเสวียนมากมายขนาดนั้น ไม่รู้ว่าในกลุ่มพันธมิตรนักเสวียน แข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่ บางที นักเสวียนระดับสามในข่าวลือ อาจจะมีอยู่ในพันธมิตรจริงๆ
“ไม่นึกเลยว่าจะเป็นครูฝึกฝานหรง! นี่คือไอดอลของฉันเลยนะ!”
“แม้ว่าครูฝึกฝานหรงจะแข็งแกร่งไม่เท่าของหัวหน้าควบคุมทั่วไป แต่ความแข็งแกร่งก็เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน หัวหน้าทีมของเต่าดำและหงส์แดงทั้งสองทีมนี้ ปฏิบัติตามคำสั่งของครูฝึกฝานหรง!”
“พระเจ้า ฉันไม่นึกเลยว่าจะโชคดีที่ได้พบกับครูฝึกฝานหรง ครั้งนี้ฉันจะต้องทำให้ดีอย่างแน่นอน!”
ทุกคนยืนอยู่ข้างๆ ทยอยส่งเสียงอุทาน
สถานะของครูฝึกฝานหรงนั้น อยู่เหนือหัวหน้าเซี่ยมาก ถ้าหากเขาถูกใจ นั่นเรียกได้ว่าเป็นตำแหน่งขึ้นพรวดพราดอย่างสมบูรณ์
และหลังจากที่เห็นครูฝึกฝานหรงออกมา หัวหน้าเซี่ยก็ดูเคารพ เตรียมที่จะสละตำแหน่งให้ แต่ครูฝึกฝานหรงโบกมือ บ่งบอกว่าตัวเองแค่แวะมาดูเท่านั้น ไม่สนใจการแข่งขันคัดเลือกแบบนี้ ออกจากที่นี่ อยู่ในสายตาของทุกคน
ทุกคนเผยให้เห็นสีหน้าผิดหวังในทันที
แต่คิดๆดูก็จริง ครูฝึกฝานหรงจะถูกใจพวกเขาได้อย่างไร ครั้งนี้ คาดการณ์ว่าแค่บังเอิญผ่านมาที่นี่นะ
“ไม่ต้องกังวล แม้ว่าครูฝึกฝานหรงจะไม่อยู่ แต่มีต้นกล้าที่ดี ฉันจะแนะนำให้เขาแน่ๆ แน่นอนว่า ความแข็งแกร่งของพวกนายต้องเพียงพอที่ฉันจะเอ่ยปาก” หัวหน้าเซี่ยพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉย
“หากพวกนายไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับกฎการแข่งขัน ตอนนี้ ก็เริ่มการแข่งขันคัดเลือกได้”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ!”ในเวลานี้ มีคนตะโกนขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เดิมทีทุกคนเห็นหัวหน้าเซี่ยและครูฝึกฝานหรงออกมา ก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมากแล้ว อดไม่ได้ที่อยากจะลองแสดงตัวต่อหน้าทุกคนดู ตอนนี้ได้ยินว่าถูกเรียกให้หยุด ไม่พอใจเป็นอย่างมากในทันที มองไปที่คนคนนั้น แต่ตอนที่พบว่า หยางเหม่ยหลินเป็นคนเอ่ยปากขึ้นมา ก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำอย่างใจร้อน
“เหม่ยหลิน เกิดอะไรขึ้น?” หยางฉางจวินผู้นำแห่งตระกูลหยางถาม
หยางเหม่ยหลินพูดว่า: “พ่อ พี่ใหญ่และหนูได้เชิญปรมาจารย์คนหนึ่งมาเข้าร่วมแข่งขันพร้อมกัน พวกเขาก็ควรได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันด้วยหรือเปล่า?”
“ปรมาจารย์ ปรมาจารย์ท่านไหน?” หยางฉางจวินอดไม่ได้ที่จะถาม
ความสามารถของลูกสาวทั้งสองคนของตัวเขาเอง เขารู้ดีแก่ใจ เชิญปรมาจารย์กลับมา คงจะไม่ค่อยอ่อนแอหรอก
“ท่านปรมาจารย์ผาง ออกมาเร็วเข้า” หยางเหม่ยหลินพูดกับฝูงชน
หยางฉางจวินมองไปที่ฝูงชนด้วยความประหลาดใจ ผางจือหู่ชื่อนี้ เขาเคยได้ยินมาก่อน แดนปรมาจารย์บู๊สูงสุด แม้ว่าจะเทียบกับเซียวจ้าน ก็ไม่ได้อ่อนแอกว่ามากนัก คาดไม่ถึงจะถูกลูกสาวทั้งสองคนของเขาเชิญกลับมาได้
สายตาของทุกคนหันไปที่ฝูงชนในทันที เห็นแค่ท่านปรมาจารย์ผางเดินออกมาจากฝูงชนอย่างสง่างาม ด้วยท่าทางเหมือนเซียน
“ไม่นึกเลยว่าท่านปรมาจารย์ผางจะมาด้วย ว่ากันว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของปรมาจารย์บู๊เลยนะ”
“คนคนนี้แข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์ก่วนและปรมาจารย์เตียวของเจียงเป่ย พวกเขาทั้งสองคนร่วมมือกันจึงจะมีสิทธิ์ฝืนต่อสู้กับนักเสวียนได้ แต่ท่านปรมาจารย์ผางคนเดียวก็เพียงพอ”
“หึ แข็งแกร่งกว่าแล้วยังไง? เขาอายุมากขนาดนี้แล้ว คนอายุน้อยอย่างพวกเขาต่างหากที่มีความหวังมากที่สุด”บางคนแอบไม่พอใจ และเยาะเย้ยด้วยเสียงต่ำอยู่ข้างล่าง
ยังไงซะสำหรับนักบำเพ็ญ แม้ว่าจะกลายเป็นนักเสวียน ก็มีชีวิตมาสามสิบถึงสี่สิบปี ยิ่งอายุน้อยเท่าไหร่ ก็จะพิสูจน์ได้ว่าความสำเร็จในอนาคตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
และแม้ว่าปัจจุบันท่านปรมาจารย์ผางจะแข็งแกร่งมาก แต่ขีดจำกัดสูงสุดในอนาคต เกรงว่าก็เป็นเช่นนั้น
“กฎสำหรับการเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกนั้นง่ายมาก เชิญชกลงบนเครื่องวัดกำลังหมัดนี้ ถ้าหากแรงชกของคุณเกินห้าร้อยกิโลกรัม งั้นก็ผ่านเข้ารอบ” เซียวจ้านแนะนำอยู่ด้านล่าง
ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นยืดคอ อยากเห็นความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ท่านนี้ ว่าเป็นอย่างไรกันแน่
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ จู่ๆหัวหน้าเซี่ยก็พูดขึ้นมาว่า: “ไม่ต้องทดสอบ หัวหน้าเซี่ยเป็นเพื่อนสนิทของฉัน ฉันรู้เรื่องความแข็งแกร่งของเขา ตอนแรกจะเชิญเขามาด้วย ตอนนี้ท่านปรมาจารย์ผางยอมที่จะเข้าร่วมทีมด้วย ฉันสามารถรับเข้าได้โดยตรง”
ทุกคนข้างเวทีต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ไม่นึกเลยว่าหัวหน้าเซี่ยจะเคยเชิญท่านปรมาจารย์ผางมาก่อน? ตอนนั้นท่านปรมาจารย์ผางไม่ได้ตกลงด้วย ไม่นึกเลยว่าตอนนี้จะถูกพูดโน้มน้าวใจได้ ดูเหมือนว่าสองพี่น้องตระกูลหยางนี้ มีความสามารถเล็กน้อยจริงๆ
หยางเหม่ยหลินมีความสุขมาก บนใบหน้าก็เผยให้เห็นสีหน้าได้ใจ พยักหน้าด้วยรอยยิ้มและพูดว่า: “ขอบคุณหัวหน้าเซี่ยแล้วค่ะ”
“พี่เซี่ยให้เกียรติแล้ว อันที่จริงให้ฉันทดสอบตามกฎ ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่” ผางจือหู่พูดด้วยสีหน้าจองหอง
“ความแข็งแกร่งของพี่เซี่ยไม่ต้องทดสอบอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นด้วยตัวตนของพี่ กลับไปที่ฝึกคนใหม่ ก็เหลือเฟือตั้งนานแล้ว” หัวหน้าเซี่ยพูดต่อ
ได้รับคำยืนยันเช่นนี้จากหัวหน้าเซี่ย ก็หมายความว่าความแข็งแกร่งของผางจือหู่มีอะไรโดดเด่นไม่ธรรมดากว่าคนอื่น ดังนั้น เขาจึงเข้าร่วมทีมโดยไม่รู้สึกกังวลใจเลยสักนิด
“เอาล่ะ เช่นนี้ แข่งขันกันต่อไปได้แล้ว” หัวหน้าเซี่ยพยักหน้าและพูด
อย่างไรก็ตาม เขาเพิ่งจะพูด จู่ๆหยางฟางฟางก็ลุกขึ้นมาตะโกนว่า: “เดี๋ยวก่อนค่ะ”
ทุกคนนิ่งอึ้งในทันที อะไรอีกเนี่ย?
“ฟางฟาง แกมีเรื่องอะไร?” หยางเหม่ยหลินกำลังเพลิดเพลินกับสายตาภูมิภาคใจของทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะพูด
หยางฟางฟางพูดด้วยสีหน้าค่อนข้างไม่พอใจว่า: “พี่ พี่ลืมไปแล้วเหรอ? ฉันก็พาคนกลับมาด้วย เขาก็ควรที่จะมีสิทธิ์ข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกนะ?”
หยางเหม่ยหลินขมวดคิ้ว และพูดตรงๆ: “ฟางฟาง แกอย่าสร้างปัญหา ฉันไม่รู้หรือไงว่าคนที่แกพามาเป็นยังไง? รีบนั่งลงมา อย่าปล่อยให้เขาออกมาขายหน้า”
“ทำไมไม่ได้? ความแข็งแกร่งของคุณมู่มีคุณสมบัติครบถ้วนในการเข้าร่วมการแข่งขันนี้ ยิ่งไปกว่านั้นพี่พาคนเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกได้อย่างกะทันหัน ทำไมฉันจะทำไม่ได้?”หยางฟางฟางมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เธอเห็นท่าทางของพี่สาวที่ชอบทำตัวเด่น ตัวเองก็ยิ่งอยากจะพิสูจน์ตัวเอง
“ก็ได้ งั้นคนที่แกพามาอยู่ไหน? รีบให้เขาออกมาสิ” หยางเหม่ยหลินพูดอย่างหมดหนทาง
“มู่เซิ่ง รีบออกมา ถึงตานายทดสอบแล้ว!”หยางฟางฟางโบกมือพูดกับมู่เซิ่งอย่างตื่นเต้นมากๆ ท่าทางตื่นเต้น อยากจะพุ่งตัวเข้าไปในฝูงชน แล้วดึงมู่เซิ่งออกมา
ทุกคนเห็นมู่เซิ่ง ต่างก็ทยอยขมวดคิ้ว
นี่ก็คือคนที่หยางฟางฟางพามาเหรอ?
ดูไร้ชีวิตชีวา ไม่ใช่นักบำเพ็ญอะไรด้วยซ้ำน่ะ? ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากจำไม่ผิดล่ะก็ คนที่เซียวจ้านทำให้อับอายในร้านอาหารก่อนหน้า ก็คือมู่เซิ่ง
เซียวจ้านก็คิดไม่ถึงว่า ไอ้เด็กที่เขาเคยตักเตือนจะเป็นคนที่หยางฟางฟางพามา ในใจก็อดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้ม ถ้าหากมู่เซิ่งมีความสามารถจริงๆ จะขี้ขลาดมากขนาดนั้นตั้งแต่แรกได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น พลังภายในธรรมดาทั่วทั้งร่างกายของหมอนี่ ไม่มีวี่แววของนักบำเพ็ญเลยสักนิด เกรงว่ายังบรรลุไม่ถึงแดนปรมาจารย์บู๊ด้วยซ้ำ
ดังนั้นเซียวจ้านจึงพูดขึ้นมาในทันที: “แกก็คือผู้เข้าแข่งขันคัดเลือกเหรอ? ฮ่าๆ ข้อกำหนดสำหรับการแข่งขันคัดเลือกสูงมาก ไม่ใช่ว่าใครก็เข้าร่วมได้ ถ้าหากแกมีคุณสมบัติเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกได้ ฉันก็สามารถชี้แนะให้กับแกได้อย่างละเอียด”
เซียวจ้านพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉย ในคำพูด เต็มไปด้วยความดูถูก