มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 376 เศรษฐีรุ่นสองตามตื๊อ
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่376 เศรษฐีรุ่นสองตามตื๊อ
หยางเหม่ยหลินเห็นดังนั้น เดินตรงเข้าไปจะกอดเอวมู่เซิ่ง
แต่มู่เซิ่งก็ได้ขยับหมุนตัวในทันทีนั้น หลบพ้นออกจากหยางเหม่ยหลิน
หยางเหม่ยหลินนั้นหน้าตาสวยจริงอยู่ แต่มู่เซิ่งมีภรรยาแล้ว และเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายประเภทเชื้อเพศสัมพันธุ์ขึ้นสมอง เห็นผู้หญิงเป็นก้าวขาไม่ออก และในมุมตรงข้าม กับคู่ชีวิตของเขา ก็ได้ตั้งเป้าไว้สูงเฉกเดียวกัน
ประเภทอย่างหยางเหม่ยหลิน ผู้หญิงที่อยู่กับเธอเพราะเงิน ต่อไปไม่ช้าก็เร็ว ก็คงไปอยู่กับคนอื่นด้วยเพราะเงิน
“คุณ…..” เห็นมู่เซิ่งฉากหลบออก หยางเหม่ยหลินอึ้งงง
“คุณอย่ามาเสียเวลาเลย สิ่งที่คุณต้องการ ผมคงไม่เห็นด้วย” มู่เซิ่งพูดปฏิเสธ
ชายฉกรรจ์สองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะคิก “ฮา ๆ ปากก็ว่าดูถูกคนอย่างพวกเรา แต่กลับโผไปหาเขา ผู้หญิงอย่างเธอนี่แปลกจริง”
“ไอ้กระจอกสองตัวอย่างพวกแกหุบปากไปเลย เวลาฉันกำลังพูด พวกแกมีสิทธิ์อะไรจะมาสอด?”
หยางเหม่ยหลินบันดาลโทสะขึ้นมาทันที เธอยกมือขึ้นโบก ชายฉกรรจ์ชุดดำสองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เดินตรงเข้าไปที่หน้าโต๊ะปิ้งย่างนั่น ใช้แววตาที่หนาวเยือกมองไปที่พวกนั้น
มองเห็นมีดสั้นที่พวกบอดี้การ์ดนั่นพกอยู่ สองคนนั้น หยุดไม่กล้าพูดอีกในทันที
ทันทีนั้น หยางเหม่ยหลินพูดกับมู่เซิ่งอย่างเหยียด ๆ ว่า “มู่เซิ่ง คุณคิดว่ายาของคุณนั่นแน่มากงั้นหรือ?คนที่ปรุงยาได้นั้นมีถมเถไป ตอนนี้ที่ฉันมาหาคุณ เป็นการให้หน้าคุณ จะให้โอกาสทำเงินร่ำรวยแก่คุณ!”
“คุณทำเป็นบอกปัดแล้วปัดอีก หรือใช่ว่าอยากโก่งเอาเงินมาก ๆ ?ว่ามาเลย สูตรยาของคุณนั้นขายขาดเลย จะเอาเท่าไหร่?สิบเอ็ดร้อยล้าน (หนึ่งพันหนึ่งร้อยล้าน) ขายมั้ย?”
หยางเหม่ยหลินพูดจนเสียงแหบเสียงแห้ง แววตาสาดส่องมาเต็มไปด้วยไฟโกรธ
เธอโกรธขึ้นมาแล้ว โกรธที่โกรธจริง ๆ ตั้งแต่เธอจำความได้ ยังไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเธอแบบนี้ คนที่ตามจีบเธอมีตั้งแต่ฝั่งด้านตะวันออกของประเทศตงหัวไปจรดสุดตะวันตก ก็ยังไม่มีใครกล้าปฏิเสธเธออย่างออกหน้าออกตาแบบนี้
พฤติกรรมของมู่เซิ่ง ทำให้เธอโกรธสุด ๆ แกมันก็แค่ไอ้คนกระจอก มีหรือจะไม่สมควรที่พอเห็นหญิงอย่างฉันแล้วต้องหลงในเสน่ห์ เพียงกวักนิ้วก็ต้องรีบเอาสูตรยามาประเคนให้เลย?
“ผมก็จะพูดเป็นคำสุดท้ายอีกครั้งนะ ไม่ขาย อย่ามาวุ่นวายกับผมอีกเลย” มู่เซิ่งก็พูดด้วยเสียงเยือก ๆ
เจ้าหยางฉางจวินกับหยางเหม่ยหลินช่างมากันพิมพ์เดียวกันเลยจริง ๆ แม้กระทั่งการใช้วาจาคำพูดก็พอกัน สุภาพก่อนแล้วตลบตบทีหลัง ถ้ายังไม่ยอมก็จะลงมือบีบบังคับกันทันที สองคนนี้ทำให้มู่เซิ่งรู้สึกค่อนข้างจะรำคาญแล้ว
หยางเหม่ยหลินจุกขึ้นมาในใจ ก้าวถอยไปสองก้าว พูดเสียงเหยียดไปว่า “มู่เซิ่ง คุณคงติดวางตัวคุณเป็นอะไรที่สูงเกินไปแล้วมั้ง?ฉันจะบอกคุณนะ ที่ฉันเห็นก็เพราะยาเม็ดของคุณกับคุณสมบัติของคุณที่พอจะเข้าอยู่ในทีมหน่วยรบเต่าดำได้ก็เท่านั้น พูดให้ดูดีขึ้นอีกหน่อยก็ว่า คุณมีคุณสมบัติพอจะเป็นหัวหน้ากองกำลังพิเศษของหน่วยรบเต่าดำ พูดให้ทุเรศหน่อยก็คือ ถ้าคุณไม่มาเข้าด้วย ก็เหมือนลมตดที่ไม่มีใครมองเห็น!”
“แกมันก็พวกกระจอกจน ๆ ยาเม็ดนี่ถ้าไม่ขาย แล้วจะเก็บไว้ให้เป็นเสนียดหรือไง?คนจน ๆ ไร้วิสัยทัศน์อย่างแกนี่นะ สมควรแล้วที่ต้องมานั่งกินอาหารตามสถานที่แบบนี้”
บรรดาคนที่อยู่บริเวณแผงร้านขายของปิ้งย่างได้ยินหยางเหม่ยหลินชี้หน้าตะโกนด่ามู่เซิ่ง ต่างคนต่างเงยหน้าขึ้นมองเข้ามากัน
ชายฉกรรจ์ไม่ใส่เสื้อที่นั่งอยู่โต๊ะนั้นส่ายหน้า ถอนหายใจยาว พูดเสียงเบา ๆ ว่า “บ้ามั้ง ท่าจะบ้าจริง ๆ”
คนอื่น ๆ ต่างก็พูดด้วยเสียงชาชืดว่า “ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน?โวยวายอะไรกัน แล้วยังมีการห้ามคนมากินข้าวที่นี่ด้วย”
“ไม่รู้สิ สงสัยจะถูกทิ้งมัง พูดอะไรกันตั้งสิบเอ็ดร้อยล้าน (หนึ่งพันหนึ่งร้อยล้าน) โหพระเจ้า คนสมัยนี้คุยโม้กันที มันดูเว่อกันเหลือเกินแล้วว่ะ เขาจะรู้มั้ยว่าสิบเอ็ดร้อยล้าน (หนึ่งพันหนึ่งร้อยล้าน) มันขนาดไหน?”
“นั่นสิ มีเงินขนาดนั้นจะมาร้านปิ้งย่างแบบนี้ทำไมกัน ไปโน่นเลยภัตตาคารโรงแรมห้าดาวนั่นไม่ดีกว่าเรอะ?ทั้งยังเดินมาเองอีก มองทีเดียวก็รู้ว่าพวกไม่มีเงินทำอวดรวย”
“แต่ว่ากันตามจริงแล้ว หน้าตาเธอก็จัดว่าไม่เลว ผู้หญิงแบบนี้แค่นอนลงไปบนเตียงพวกคนรุ่นลูกเศรษฐี อะไรจะไม่มี?”
มู่เซิ่งก็ขมวดคิ้วย่น ผู้หญิงคนนี้ยังคิดว่าบ้านตระกูลหยางของพวกเขามีเงินมาก?ก่อนหน้านี้คุณชายเหมียวนั่นมาพูดแบบนี้กับเขา ก็โดนติดหนี้เขาเป็นอาวุธเสวียนไปหลายร้อยร้อยล้าน (หมื่นล้าน) ไปแล้ว
ในขณะที่เขากำลังเตรียมจะตะเพิดไล่หยางเหม่ยหลินไปให้พ้นนั้น ที่บริเวณทางเข้าตลาดนัดกลางคืน ในทันใดนั้นก็มีเสียงเครื่องยนต์แผดลั่นดังเข้ามา
เป็นเสียงคำรามของเครื่องรถแข่ง
บรื้น——-
เสียงแผดก้องของรถยนต์ที่ดังขึ้นในฉับพลัน สนั่นลั่นหูแทบดับ สายตาทุกคู่มองเข้าไป ที่เห็นบนหัวถนนของตลาดนัดกลางคืนนั้น รถเฟอร์รารี่สีแดงสดซิ่งแข่งพายุเข้ามา เสียงก้องดังไม่หยุด ที่ตามหลังมา ยังมีแลมโบกินี่รถหรูราคาแพงอีกหลายคัน
กลุ่มคนที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่นั้นรีบเงยหน้าขึ้นมองออกไป คนธรรมดาทั่วไป รถหรูประเภทนี้ในสายตาของพวกเขา ยากนักจะได้เห็น
“โอ้ว้าว พวกกลุ่มรุ่นลูกเศรษฐีซิ่งรถ”
“พวกนี้ท่าจะเงินเหลือใช้เลยนะ?มีแต่รถระดับสุดหรู แต่ละคันอย่างน้อยก็ต้องหลายล้านละมั้ง?”
“ใครว่า แกนี่วิสัยทัศน์ต่ำไปมั้ง แกดูบูกัตติ เวย์รอนคันนั้นนะ ราคาเป็นทางการ ยี่สิบล้านเข้าไปนั่น!”
แต่ละคนสะท้านขึ้นทั้งตัว อีกทั้งเมื่อมองเห็นทางที่รถพุ่งเข้ามา ต่างก็รีบต้องถอยห่างหลบหลีกให้โดยสัญชาตญาณ
รถคันตั้งยี่สิบล้าน แค่เพียงไปสะกิดเป็นรอยถลอก ก็จะทำเอาพวกเขาต้องหมดตัวไปได้เลย พวกเขาเลยขออยู่ห่าง ๆ ไม่กล้าเฉียดใกล้
เจ้าของแผงปิ้งย่างเห็นรถเข้ามามากมาย รีบขยับแผงถอยหลบเข้ามาชิดข้างทางให้มาก กลัวเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา และในขณะนั้นเอง เฟอร์รารี่คันที่นำหน้ามา จอดลงในฉับพลันตรงหน้าแผงปิ้งย่าง
แต่ละคนเห็นเข้า ต่างก็ชะงักอึ้ง
“ทำไมจู่ ๆ หยุดจอดล่ะ?”
“อะไรวะ หรือพวกเศรษฐีรุ่นลูกพวกนี้จะมากินของปิ้งย่างที่นี่?”
“นี่สิถึงจะเรียกว่าคนมีเงินที่แท้จริง ฉันใฝ่ฝันเหลือเกินที่จะได้นั่งรถแบบนี้ไปเที่ยวโต้ลม ไม่รู้คืนนี้จะได้มีโอกาสมั้ย” สาวแต่งตัวเสริมหน้าฉูดฉาดมองไปที่รถ ในใจวาดฝันไปไกล หนึ่งสาวในสองคนนั้นยังทำใจกล้า ขยับขึ้นหน้าคิดจะไปลูบคลำ
“อย่านะ เกิดไปทำอะไรเสียเข้าละก็แกจะรับใช้ไม่ไหวนะ”
“ฮึ ฉันก็แค่มอง ไม่ได้ไปจับต้องซักหน่อย”
……
เจ้าของร้านปิ้งย่างยิ่งทำตัวไม่ถูกเอาเลย ขับรถสปอร์ตหรูมากินของปิ้งย่าง?เขาไม่เคยเจอศึกแบบนี้เลยพับผ่าสิ
และขณะนั้นเอง รถแข่งระดับหรูที่จอดลงตรงหน้าร้านปิ้งย่าง เศรษฐีรุ่นลูกดูบุคลิกงามสง่าคนหนึ่ง ก้าวเดินลงมาจากรถที่ประตูเปิดขึ้นในแนวตั้งแบบมีรสนิยม
ประตูรถด้านหลังก็เปิดออก ต่างคนต่างลงมาจากรถ
“เห็นรถหรูพวกนั้นแล้วใช่ไหม เพียงแต่คุณยินยอมให้ความร่วมมือกับฉัน รถแบบนี้ ฉันสามารถซื้อให้เธอได้สักสามคัน อย่างคุณนี่ถ้ายังทำเป็นดีไม่ว่าดีละก้อ ชาตินี้ทั้งชาติ จะได้สัมผัสสักครั้งก็ยังไม่มีโอกาสเลยนะ” หยางเหม่ยหลินยืนพูดอยู่ข้างตัวมู่เซิ่ง
ในขณะนั้นเอง เศรษฐีรุ่นลูกมองดูกวน ๆ เจาะใบหูเป็นรูกลวงห้อยห่วงตุ้มทองแดงที่ริมฝีปาก เดินเข้ามาข้างหน้าหยางเหม่ยหลิน มือหอบกำดอกไม้พูดว่า “เหม่ยหลิน สุขสันต์วันเทศกาล มาเป็นแฟนกับผมเถอะนะครับ?”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าหยางเหม่ยหลินยิ่งดูเย้ายวน เธอรู้จักเศรษฐีรุ่นลูกคนนี้ได้ดี เขาชื่อกัวปู๋เจิ้นเป็นลูกชายคนโตของตระกูลที่จัดว่าก็อยู่ในระดับสูงอยู่ ปกติก็ตามจีบเธออยู่ ไม่คิดว่าวันนี้จะสู้อุตส่าห์ตั้งใจตามมาถึงที่นี่
แต่ก็ดีเหมือนกัน ในเวลานี้ จะได้ทำให้คนบางคนรู้ตัวว่าพวกเขาอยู่ในระดับต่างกับเธอขนาดไหน
ในขณะที่หยางเหม่ยหลินกำลังคุยกันอยู่นั้น สายตาก็กวาดมองไปที่มู่เซิ่งกับผู้คนที่อยู่บริเวณร้านขายปิ้งย่างเหล่านั้น ท่าทางวางมาดยืดอยู่ในระดับสูง แบบว่าฉันกับพวกเธอทั้งหลายมันอยู่คนละโลกกันเลย