มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 379 สมุนไพรพิเศษ
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่379 สมุนไพรพิเศษ
ฝ่ามือตบไปนี้แทบจะใช้ไปเต็มแรง ตบเอากัวปู๋เจิ้นล้มไปข้างหลังอย่างแรง เลือดสด ๆ บนใบหน้าไหลอย่างกับน้ำท่อประปาแตก
กัวปู๋เจิ้นเอามือปิดหน้า ถามด้วยสีหน้าแสนเจ็บปวดว่า “คุณพ่อ พ่อมาตบผมทำไมอ่ะ?ผมทำอะไรผิดหรือ?”
ไม่เพียงแต่กัวปู๋เจิ้น พวกบรรดาลูกเศรษฐีที่ยืนอยู่ข้างหลังของเขาต่างก็อึ้งกับที่
พวกเขาถึงจะไม่ใช่คนตระกูลอันดับหนึ่งกันทั้งหมด แต่ถึงยังไงก็จัดเป็นพวกกลุ่มเดียวกัน เข้าใจสภาพในครอบครัวตระกูลกัวกันดี กัวเฉิงคนนี้แม้จะเป็นคนเคร่งครัดมาก แต่ในปกติประจำวันนั้นรักกัวปู๋เจิ้นมากเป็นที่สุด อย่าว่าแต่จะตบตีเลย แค่ดุด่ายังไม่เคย ทำไมมาตอนนี้จะพลิกสีหน้าเปลี่ยนอารมณ์ก็ลงมือทันที
“ไอ้เด็กเวร แกคิดจะหาเรื่องให้พ่อตายเรอะ!” กัวเฉิงยิ่งคิดยิ่งโมโห ระดมตบปากใส่กัวปู๋เจิ้นที่ล้มอยู่ที่พื้น
กัวปู๋เจิ้นโดนตบกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่กับพื้น เลือดกบเต็มหัวเต็มหน้า แต่ก็ไม่กล้าขัดขืน ได้แต่ร้องตะโกนเสียงหลง “คุณพ่อ ทำไมล่ะ มันเรื่องอะไรล่ะ!”
พวกลูกเศรษฐีหลายคนนั้นเห็นสภาพแล้ว กลัวจะมีการตายเกิดขึ้น อดไม่ได้พูดเสียงเบา ๆ ออกไปว่า “ท่าน ท่านเจ้าบ้านกัว หยุดเถอะ….”
“ปรากฏห้วไปไกล ๆ หน่อย พวกมึงไอ้พวกตัวที่ขนยังขึ้นกันไม่ทันครบเต็ม!” กัวเฉิงกำลังเลือดขึ้นหน้า ไอ้พวกแม่งนี่หาเรื่องใครไม่หา ดันเสือกมาหาเรื่องมู่เซิ่ง?นี่เขาเป็นแขกสำคัญที่ท่านหลงเชิญมานะ ทันทีนั้นความโกรธก็พลุ่งขึ้นมาอีกพูดกราดไปว่า “พวกมึงใครกล้าเข้ามาขวาง กูจะอัดมันไปพร้อมกันด้วย!”
พอได้ยินเข้าแบบนี้ พวกลูกเศรษฐีนั่นจะมีใครกล้าขวาง รีบหนีหลบออกไปข้าง ๆ กันหมด
“จัดการอัดมันให้กูหน่อย!” กัวเฉิงยื่นมือชี้ไปที่กัวปู๋เจิ้นที่อยู่ที่พื้น
พวกกลุ่มพ่อบ้านโชเฟอร์ทั้งหลายก็กรูกันเข้าไป เตะอัดกระทืบใส่กัวปู๋เจิ้นกันยกใหญ่
“คุณชายมู่……คุณชายมู่ท่านไม่เป็นไรนะครับ?” ในทันทีนั้น กัวเฉิงก็ฝืนยิ้มประจบขึ้นที่หน้า เดินเข้าหามู่เซิ่งอย่างนอบน้อม พูดด้วยความพินอบพิเทาว่า “ลูกชายผมไม่มีตาถึงกับกล้ามาสร้างปัญหากับคุณ ผมวันนี้จะเอามันให้ตายเลย!”
อะไรกันนั่น?
ฉากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ต่อเนื่องกันมานี่ เล่นเอาทุกคนแต่ละคนหัวปั่นกันปรับทางไม่ถูก
ทั้งหมดนี้มันเรื่องยังไงกัน?ที่รู้ ๆ กันว่า กัวเฉิงเป็นถึงนักธุรกิจนักล่าระดับยิ่งใหญ่ นอกจากด้านทำธุรกิจแล้ว ในกิจกรรมด้านอื่น ๆ ก็มีวิธีการที่ดุดันเฉียบขาด ไม่งั้นคงไม่ถูกคนในวงการตั้งฉายาเรียกกันว่าจอมห้าวตาเดียว
แต่ตอนนี้ กัวเฉิงเจอเข้ากับมู่เซิ่ง กลับให้ความเคารพมากยิ่งกว่าพบกับพ่อตัวเองเสียอีก เจ้ามู่เซิ่งคนนี้ มีอำนาจบารมีอะไรใหญ่ขนาดนั้นหนอ?
เด็กสาวชั้นมัธยมนั่นก็สะอึกนิ่ง เธอเริ่มจากความห่วงกังวล กลายมาเป็นตื่นกลัว สุด ๆ เลยจริง ๆ คือความอัศจรรย์ใจ
“คุณชายมู่ ลูกชายผมมีตาไร้แวว ถึงขนาดกล้าคิดจะทำร้ายคุณ ผมจะต้องลงโทษมันให้หนัก!” กัวเฉิงเห็นมู่เซิ่งไม่พูดไม่จา จิตใจแทบจะหลุดหายจนเซ่อไปแล้ว คำนับขอโทษจากมู่เซิ่งไม่หยุด ขาดเพียงแค่ยังไม่ได้คุกเข่าลงไปโขกหัวให้เท่านั้น “คุณชายมู่ ผมขอคุณได้โปรดอย่าได้โกรธนะครับ ผมขอขอโทษแทนลูกชายผม ผมขอร้องคุณละ…..”
“เอาล่ะ เอาล่ะ” มู่เซิ่งโบกมือตัดความรำคาญ กับไอ้ลูกเศรษฐีปัญญาอ่อนที่ให้คนอื่นใช้เป็นเครื่องมือ เขาก็คร้านที่จะไปวุ่นวายด้วย
เห็นมู่เซิ่งโบกมือ กัวเฉิงรู้สึกเหมือนได้รับอภัยโทษ รีบก้าวขึ้นหน้าไปนำทาง “คุณชายมู่ เชิญขึ้นรถผมเลยครับ ท่านหลงรอคุณอยู่”
พูดจบ เขาก็นำพามู่เซิ่ง เดินเข้าไปในห้องผู้โดยสารด้านหลังของรถโรลส์รอยซ์อย่างพินอบพิเทา
ทุกคนที่ได้เห็นเหตุการณ์ฉากนี้ อดไม่ได้ต้องแลบลิ้นเลียปาก ใช้รถโรลส์รอยซ์มากมายหลายคันขนาดนี้ เพื่อมารับมู่เซิ่งคนเดียวนี่ ความฟุ้งเฟ้อของคนมีเงินนี่ พวกเขาคิดกันไม่ถึงจริง ๆ เลย
เมื่อนำพามู่เซิ่งส่งขึ้นรถแล้ว กัวเฉิงหันหน้ากลับมา พูดอย่างโกรธว่า “พวกแกอัดมันแทนกูเข้าไป ใครขืนเบามือ พวกมึงใครก็หนีไม่พ้น!”
พูดจบ นั่งเข้าไปในรถจากไป
พวกลูกเศรษฐีที่เหลืออยู่หลายคนในที่นั้นมองหน้ากันเหรอ ๆ หรา ๆ แต่นี่เป็นคำพูดของกัวเฉิงนะ พวกเขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง ได้แต่รับหน้าที่แทนพ่อบ้านและพวกโชเฟอร์ ระดมกระทืบต่อไปอีกพักหนึ่ง จนเห็นกัวปู๋เจิ้นโดนอัดจนใกล้ตายแล้ว พวกเขาถึงได้หยุดลง
“กัวปู๋เจิ้น คุณไม่เป็นไรนะ?”
“พี่กัว พี่อย่าโทษพวกผมนะ พ่อของคุณสั่งให้ผมอัดคุณเองนะ”
“ใช่ พี่กั๋ว ถ้าพวกเราไม่ตีพี่ เราจะทุกข์ พี่น่าจะเข้าใจ”
กัวปู๋เจิ้นฟุบอยู่กับพื้น น้ำตานองหน้า
นี่มันเรียกว่าอะไรกันนะ
อยู่ ๆ พ่อของเขาเองก็มาออกหน้า ไม่เพียงแต่จะไม่ได้แก้แค้นให้เขา แต่กลับอัดเขาอย่างหนักเป็นยกใหญ่ ประเด็นสำคัญคือจนถึงป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่ามู่เซิ่งมีเบื้องหลังมายังไง ถึงขนาดทำให้พ่อของเขาแท้ ๆ ลงมืออัดเขาถึงขนาดนี้
ถึงยังไงวันนี้ที่ต้องขายหน้าก็ขายกันเกินมากแล้ว กัวปู๋เจิ้นก็ไม่มีหน้าเหลือพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป รีบให้กลุ่มพวกลูกเศรษฐีช่วยหามเขาขึ้นไปบนรถสปอร์ต ขับให้พ้นออกไป
รอจนรถทั้งสองขบวนออกไปพ้นหมดแล้ว ทุกคนต่างอยู่ในสภาพยืนเซ่อ ในสายตา ส่อออกอย่างเห็นได้ชัดถึงความตื่นตะลึงอย่างหนักหนา
โดยเฉพาะชายฉกรรจ์ไม่ใส่เสื้อสองคนนั้น พวกเขาเพิ่งรู้สึกตัวว่า ตะกี้ที่ผ่านมานี้เขาได้เลี้ยงคนที่มีเงินจริง ๆ กินข้าวนะ
หยางเหม่ยหลินก็ยังยืนอยู่ในบริเวณ ท่าทีของเธอทำหน้าเหมือนอย่างกับกินเอาน้ำเยี่ยวเข้าไป เมื่อตะกี้นี้เธอยังขู่เข็ญบังคับมู่เซิ่ง ถ้าไม่มาเข้าพวกกับตระกูลหยางจะต้องตายอย่างทุเรศ ตอนนั้นเธอยังคิดอยู่ว่า ทั่วทั้งเมืองหนานเจิ้นมีเพียงตระกูลหยางของพวกเธอเท่านั้นที่จะปกป้องมู่เซิ่งได้
ผลปรากฏในวินาทีต่อมา กัวเฉิงกลับเชิญมู่เซิ่งไปขึ้นรถอย่างนอบน้อม ความเคารพที่แสดงออกนั้น ไม่ผิดกับการแสดงออกของลูกเมื่อเห็นพ่อ
ภาพฉากนี้ ไม่ต่างไปจากฝ่ามือตบใส่หน้าหยางเหม่ยหลินเข้าให้อย่างแรง ซัดเอาจนหน้าช้ำบวมเปล่ง
ความมั่นใจในตัวเองกับมู่เซิ่ง อีกทั้งใช้คำด้อยค่าต่าง ๆ กับเขา ตอนนี้วนเวียนหลอกหลอนอยู่ในความคิดของหยางเหม่ยหลิน มันช่างน่าตลกสิ้นดี หยางเหม่ยหลินไม่กล้าสู้หน้าที่จะอยู่ต่อได้แล้ว กระทึบขาอย่างรุนแรง พาบอดี้การ์ดที่น่าสงสารสองคนนั้น รีบหนีหลบออกจากแผงร้านขายของปิ้งย่าง
ระหว่างทาง สีหน้าของเธอดูไม่จืดเอาเลยอย่างที่สุด
เพราะตอนที่เธอจะมานี้ ได้รับปากกับคุณพ่ออีกทั้งครูฝึกฝานหรงอย่างมั่นเหมาะ ว่าจะต้องพามู่เซิ่งมาได้ ผลสุดท้ายเวลานี้ขายหน้าแล้วไม่ว่า มู่เซิ่งก็ไปแล้ว ทีนี้จะให้เธอกลับไปยังไง?
ในใจของเธอ เริ่มจะยิ่งเกลียดมู่เซิ่งอย่างหนักแล้ว
……
นั่งไปในโรลส์รอยซ์มาถึงโรงแรม ท่านหลงได้รอต้อนรับมู่เซิ่งอยู่แต่เนิ่นแล้ว
หลังจากพบมู่เซิ่งแล้ว ท่านหลงก็ได้รายงานข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้
ทั้งหมดก็เป็นรายงานจากบรรดาเจ้าพ่ออีกหลายคนที่รายงานมาให้ท่านหลง
จางเสวียนหลงพูดขึ้นว่า “คุณมู่ ก่อนหน้านี้ที่คุณมอบยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็กให้มานั้น พวกเราได้ขายไปหนึ่งในสามแล้ว อีกทั้งตอนนี้ในสังคมชั้นสูงตอนใต้ของประเทศตงหัว ต่างก็รู้จักยาเม็ดมหัศจรรย์นี้กันไปทั่ว ราคาในท้องตลาดขึ้นกันยิ่งวันยิ่งรุนแรง ถึงขนาดมีเศรษฐีอิทธิพลให้ราคาขอซื้อเป็นเงินถึงสิบร้อยล้าน (พันล้าน) พวกเราระยะนี้ทำเป็นว่าขาดตลาด เตรียมรอให้การตลาดขึ้นถึงจุดสูงเต็มที่ แล้วจึงค่อยทุ่มออกไปทีเดียว”
มู่เซิ่งผงกหัว คิดไม่ถึงว่าไม่กี่คนนี้ยังรู้จักใช้หลักคุมดีมานต์ซัพพลายจัดการตลาด ดูท่าชื่อเสียงในขั้นต้นนี้ได้ทะลุเป้าแล้ว
หลังจากนี้ต่อไป เส้นทางการจัดจำหน่ายยาเม็ดขนานอื่นที่เขาเป็นคนปรุงกลั่น ก็น่าจะโปร่งสบาย
“ใช่แล้วคุณมู่ นี่เป็นตัวยาสมุนไพรที่เอามาให้ท่าน……..”
จางเสวียนหลงลุกยืนขึ้น นำเอากล่องไม้ที่อุ้มอยู่ส่งไปให้
ยาสมุนไพรในกล่องไม้นี้ ก็คือสาเหตุที่เขาไม่สามารถไปรับมู่เซิ่งด้วยตัวเองได้ เพราะตัวยาสมุนไพรที่หามาให้มู่เซิ่งนี้มีความเป็นพิเศษอย่างมาก จำเป็นจะต้องดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
และก็เป็นอีกเหตุที่จางเสวียนหลงทันทีที่ได้สมุนไพรนี้มา ก็รีบมุ่งตรงมาหามู่เซิ่ง
มู่เซิ่งผงกหัว มองตรงไปที่กล่องไม้นั้น………