มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 381 มู่เซิ่งเปลี่ยนใจ?
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่381 มู่เซิ่งเปลี่ยนใจ?
หลายชั่วโมงต่อมา มู่เซิ่งจึงได้จัดการกับปลาใบไม้มรกต ปรุงกลั่นเป็นยาเม็ดจนแล้วเสร็จ
มองดูยาเม็ดสีเขียวหยกที่ดูมีชีวิตชีวาบนฝ่ามือ มู่เซิ่งก็ได้วางใส่ลงในขวดหยกที่จางเสวียนหลงจัดเตรียมไว้ให้ ปลาใบไม้มรกตนี้มีความพิเศษอย่างมาก ๆ ถึงแม้ได้ใช้วิธีปรุงกลั่นอย่างพิเศษตามที่บันทึกใน《ตำราทองตำนานเสวียน》แล้วก็ตาม อย่างมากก็สามารถยืดอายุสรรพคุณตัวยาได้สองเดือน ถ้าหากภายในสองเดือนนี้ เขายังไม่สามารถหายาเม็ดมาได้ สรรพคุณยานี้ก็จะสลายหายไปหมด
เพราะฉะนั้น เขาจะต้องใช้เวลาภายในสองเดือนนี้ หายาเม็ดนี้ให้ได้ มิฉะนั้นแล้ว ความพยายามที่ทำมาก็จะกลายเป็นศูนย์
มู่เซิ่งหยิบเอาโน้ตที่จางเสวียนหลงเขียนไว้ให้ออกมาดู ถึงกับอึ้ง แล้วได้แต่ส่ายหน้ายิ้มแห้ง ๆ
วิธีที่จางเสวียนหลงเขียนไว้ให้ไม่ใช่ยาก แต่ว่ามันทำให้มู่เซิ่งรู้สึกเหมือนความจงใจอย่างบังเอิญ ยาสมุนไพรตัวหลังสุดนี้ กลับเป็นของที่ต้องไปเอาให้ได้จากสี่องค์กรใหญ่ อีกทั้งยังอยู่กับขบวนการเตรียมรบของกลุ่มพันธมิตรนักเสวียน ซึ่งจะต้องใช้วิธีเก็บคะแนนเพื่อแลกให้ได้มา
มู่เซิ่งให้รู้สึกทอดอาลัยนิด ๆ เขาเพิ่งจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของครูฝึกฝานหรง ตอนนี้กลับต้องหาทางเข้าไปในสี่องค์กรใหญ่นั้น นี่คงจัดว่าเป็นการเล่นตลกกับคนของพรหมลิขิตแล้ว
ทว่าจะทำยังไงได้ เหตุการณ์ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว มู่เซิ่งก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเลิกไปกลางคัน
……
ส่วนทางอีกด้านหนึ่ง
การแข่งขันของบรรดาคนในโกดังยังคงดำเนินกันต่อ ถึงแม้มีเหตุผิดพลาดไปบ้าง แต่ขาดเซียวจ้านไปคนหนึ่ง ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรมาก
เช้าวันรุ่งขึ้น มู่เซิ่งกลับมาที่โกดัง คนทีมงานทั้งหมดก็อยู่ในพื้นที่ พอพวกเขาเห็นมู่เซิ่ง ต่างก็รู้สึกผิดคาดอย่างมาก
แต่ทว่า ทั้งหมดมีกว่าครึ่งที่คาดว่ามู่เซิ่งเมื่อรู้ถึงความร้ายกาจของหน่วยรบเต่าดำแล้ว จึงเจาะจงตั้งใจกลับมาขอสมัคร
ถึงยังไงในสายตาแต่ละคน มู่เซิ่งก็เป็นคนธรรมดาที่มีฝีมือกังฟูอยู่บ้างเท่านั้น สมัครเข้ามาอยู่ในหน่วยรบเต่าดำ จึงจะมีโอกาสได้ก้าวกระโดด ไม่งั้นก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปอย่างเดิม ไม่มีคนสนับสนุนเบื้องหลัง เขาจะเป็นอะไรก็ไม่ใช่
คนอื่นใคร ๆ ก็คิดแบบนี้ มีเพียงหยางฟางฟางคนเดียวไม่ เพราะหยางฟางฟางรู้ลึกถึงความเก่งกาจของมู่เซิ่งอยู่ก่อนแล้ว อีกทั้งเมื่อวานนี้พี่สาวคนรองของเธอแพ้กลับมา คนอย่างมู่เซิ่งนี้ เป็นไปได้ยังไงที่จะเปลี่ยนใจด้วยผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย
“เหอ ๆ มู่เซิ่ง แกกลับมาจนได้นะ เป็นยังไง ที่กลับมาตอนนี้คงคิดมาดีแล้วสินะ คุณหนูหยางก็บอกให้แกฟังหมดแล้ว ผลได้ผลเสียเป็นยังไง เป็นเรื่องที่คนเรารู้อยู่ว่าจะเลือกอะไร”
“กลับมาก็ดีแล้ว ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยรบพิเศษเต่าดำ ไม่ใช่คนทั่วไปจะเป็นได้นะ อีกหน่อยถ้าเข้าสังกัดในหน่วยรบเต่าดำแล้ว ชื่อเสียงลาภผลก็จะเป็นสิ่งที่หยิบฉวยเอาได้เลยแหละ”
“ใช่เลยนะมู่เซิ่ง อีกหน่อยมีอะไรก็ช่วย ๆ กันมั่งนะ”
แต่ละคนพูดกันไปวิจารณ์กันมา ถึงแม้พวกเขาส่วนใหญ่มองมู่เซิ่งไม่ขึ้น แต่มู่เซิ่งถ้าเข้ามาอยู่กับหน่วยรบเต่าดำ เริ่มต้นเขาก็ได้เป็นถึงหัวหน้าหน่วยรบพิเศษ ตำแหน่งยังสูงกว่าหัวหน้าเซี่ยเสียอีก ถ้าตอนนี้ไปกระทบกระทั่งมู่เซิ่ง เกิดว่าเขาเป็นคนใจแคบ ต่อไปคอยหาเรื่องให้จะทำยังไง?
เพราะอย่างนี้จึงมีแต่คนหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ปากก็ยังต้องคอยพูดประจบ
“มู่เซิ่ง คุณตอนนี้กลับมาทำไมอีกเหรอ?” หยางฟางฟางก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“ถ้าผมเข้ามาอยู่หน่วยรบเต่าดำแล้ว ผมจะเข้าไปในขบวนการเตรียมรบของกลุ่มพันธมิตรนักเสวียนได้ไหม?” มู่เซิ่งถาม
หยางฟางฟางชะงัก มู่เซิ่งถามมาแบบนี้ หรือเขาจะตัดสินใจเปลี่ยนใจ จะมาเข้าหน่วยรบเต่าดำจริง ๆ หรือ?
แต่แบบนี้ ไม่เหมือนมู่เซิ่งที่เธอรู้จักนี่นา
ฝานหรงก็ผวางงไปนิด แต่แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนแสดงออกในความรู้สึกดีใจอย่างลิงโลด รีบพูดไปว่า “พวกเราสี่องค์กรใหญ่ก็คือหน่วยงานที่คอยจัดหาคนชั้นดีเลิศไปให้กลุ่มพันธมิตรนักเสวียน ฉะนั้นแม้คุณจะไม่พูดถึง ก็คงได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มพันธมิตรนักเสวียนไม่ช้าไม่นานนี้เป็นแน่”
“อีกทั้งกองกำลังเตรียมรบนี้ ทุกเดือนจะมีเปิดการแข่งขันครั้งหนึ่ง เดือนนี้พอดีเพิ่งเปิดไปแล้ว คุณจะลองเข้าไปในเดือนหน้าก็ได้ หลังจากเข้ามาในขบวนการเตรียมรบของกลุ่มพันธมิตรนักเสวียนแล้ว ก็หมายถึงว่าคุณก็ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรนักเสวียนเข้าไปครึ่งตัวแล้ว”
พูดแล้ว ครูฝึกฝานหรงก็เสริมต่ออีกว่า “แต่ทว่า การรับสมัครสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรนักเสวียน คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาหรอกนะ ระดับปรมาจารย์บู๊เป็นเพียงพื้นฐาน ในนั้นยังมีประเภทข้ามขั้นต่อสู้ก็มีไม่น้อย เพราะฉะนั้น การที่คุณสมัครเข้าไปเป็นครั้งแรกแล้วต้องพ่ายแพ้คงเป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ ”
“แต่ว่าถ้าคุณอยู่ภายใต้การชี้แนะของผม ห้าปี ไม่ ภายในสามปี ผมรับรองได้ว่าคุณต้องเข้าไปอยู่ในขบวนการเตรียมรบของกลุ่มพันธมิตรนักเสวียนได้แน่”
“สามปี จะเร็วไปมั้ง?”
“ดูครูฝึกฝานหรงจะมั่นใจในตัวมู่เซิ่งมากเกินไปนะ”
“อาศัยอะไรนั่น?ความอัจฉริยภาพของมู่เซิ่งมันจะสูงแค่ไหนเชียว ต่อให้ว่าเอาชนะเซียวจ้าน ก็ไม่น่าจะไปถึงขั้นนั้นได้มั้ง?”
คนทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ กลุ่มพันธมิตรนักเสวียนก็มีแบ่งอยู่เป็นชั้นสาม หก เก้า ยังมีอันดับธรรมดาที่สุด ขอเพียงเป็นนักเสวียนก็เข้าได้ อีกยังมีชั้นหัวกะทินักเสวียน กับชั้นสุดยอด นักเสวียนสุดยอดแห่งพรสวรรค์
และผู้ที่ผ่านขบวนการเตรียมรบของกลุ่มพันธมิตรนักเสวียนนั้น ก็คือยอดหัวกะทิของนักเสวียน ความยากในเงื่อนไขนั้น ไม่ต้องพูดถึง
พวกเขายังไงก็คิดไม่ตกว่า ทำไมครูฝึกฝานหรงจะมองเห็นความสำคัญในตัวมู่เซิ่งถึงขนาดนี้
หลังจากครูฝึกฝานหรงได้พูดจบ ก็ใช้สีหน้าที่ภาคภูมิใจมองไปที่มู่เซิ่ง เขามีความมั่นใจในสมรรถนะการฝึกสอนของเขาอยู่มาก จึงกล้าที่จะคุยโม้ได้เต็มปาก ถ้าเปลี่ยนเป็นครูฝึกอีกสามทีม คงไม่มีใครกล้าพูดเหมือนกับเขาแบบนี้
“ได้ ไว้เดือนหน้า ผมจะไปสมัคร” มู่เซิ่งผงกหัวพูดไป
หยางฟางฟางถึงกับอึ้ง มู่เซิ่งตกลงรับปากสมัครเข้าจริง ๆ แล้วหรือนี่?
นี่พระอาทิตย์ผ่ามาขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วหรือ?
เหล่าบรรดาสมาชิกในทีมได้ยินที่มู่เซิ่งพูด แต่ละคนหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ ในสายตาพวกเชา ก็ด้วยเพราะมู่เซิ่งไม่สามารถปฏิเสธในเกียรติภูมิของหน่วยรบเต่าดำ จึงได้เลือกที่จะตกลงด้วย ดูแล้วมู่เซิ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรกับพวกเขาเลย
ยังคิดว่าเป็นประเภทปล่อยวางอย่างผู้รู้แจ้งอะไรปานนั้น!
“มู่เซิ่ง งั้นพวกเราต่อไปนี้ก็อยู่ทีมเดียวกันแล้วนะ มีอะไรก็แนะนำกันด้วยนะ”
“อะไรคนในทีม?เรียกหัวหน้าหน่วย มู่เซิ่งเขาต่อไปนี่เป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการรบพิเศษนะ!”
“นั่นสิ ข้าละอิจฉาจริง ๆ อายุน้อย ๆ ก็รับตำแหน่งถึงหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการรบพิเศษแล้ว ยิ่งติดตามครูฝึกฝานหรง อนาคตดลดแล่นเป็นอนันต์กันเลยทีเดียว!”
ทุกคนต่างก็เชียร์ส่งให้มู่เซิ่งเป็นการใหญ่ มู่เซิ่งได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ถ้าไม่ได้หวังสมุนไพรตัวสุดท้ายนั้น เขาคงคร้านที่จะมาเข้ากับหน่วยรบเต่าดำอะไรนี่ด้วยหรอก ส่วนเรื่องตำแหน่งสูงต่ำนั้นหรือ?สำหรับเขาแล้ว ไม่ได้มีความหมายเลย
“อย่ามายกยอเชียร์ผมเลบ รอไว้การแข่งขันในเดือนหน้าก่อน ผมจะมาสมัครลงแข่งด้วย” มู่เซิ่งทิ้งคำพูดไว้ หันตัวกลับจากออกไป
เห็นหน้าตาปลิ้นปล้อนหลอกล้อของคนทั้งกลุ่มนี้แล้ว เขาคร่านที่จะอยู่ต่อไป
“ไปแล้ว?”
“ทุด พูดอะไรดี ๆ ให้ กลับทำเป็นไม่อยากฟัง?เป็นอะไรของมัน”
“เฮอะ ๆ ข้าว่ามันคงได้ตำแหน่งมาหน่อย เลยรู้สึกตัวเบาลอยพลิ้ว ฮึ รอดูไปเถอะ!ไอ้ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยหน่วยรบพิเศษนี่มันไม่ใช่เป็นได้สบาย ๆ นะ ก่อนหน้านี้เซียวจ้านคิดจะเป็นยังโดนภล่มลงมา เขาถึงได้เป็นไปแล้ว ก็ยังไม่รู้ได้ว่าจะรักษาไว้ได้หรือเปล่า!”
“นั่นสิ พวกสมาชิกชั้นหนึ่งในหน่วยรบเต่าดำ นั่นจะเป็นพวกแรกที่จะไม่ยอมปล่อยมู่เซิ่ง!”
กว่าจะยอมรับในความเป็นจริงที่มู่เซิ่งก้าวข้ามหัวพวกเขาไปอย่างแสนลำบาก ผลจากมู่เซิ่งกลับทำเป็นไม่ยินดียินร้ายกับการให้หน้าด้วยงั้น?พวกกลุ่มลูกศิษย์เหล่านั้นก็เลยเริ่มพูดประชดประชันมู่เซิ่งอีก
แต่ตอนที่พูดประชดประชันอยู่นั้น มู่เซิ่งก็ได้ออกไปจากโกดังแล้ว คำพูดต่าง ๆ นั้นเขาก็ไม่ได้ยินด้วยแน่นอน
ขณะนั้นเอง หยางเหม่ยหลินเดินออกมาจากโกดัง
ด้วยที่เมื่อวานนี้ถูกมู่เซิ่งบอกปฏิเสธ อีกทั้งถูกกัวเฉิงตบหน้า ให้รู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก ฉะนั้นพอกลับมาถึงโกดังแล้ว ก็ตรงเข้าไปเก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่พูดเรื่องราวที่เธอพ่ายแพ้มากับใคร
เช้าวันนี้เดินออกมา กลับเห็นคนมากมายกำลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวอะไรกันอยู่ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ
“น้องสาม เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” หยางเหม่ยหลินถามไปที่หยางฟางฟาง
หยางฟางฟางก็ยังนึกไม่ออกว่าทำไมมู่เซิ่งจึงได้มาสมัครเข้ากับกองกำลัง สีหน้ายังเต็มไปด้วยความมึนงง แต่เมื่อเห็นพี่สาวคนรองมาถาม เธอก็จึงเล่าฉายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ให้ฟังตรง ๆ อีกรอบ
“เขาเห็นด้วยแล้ว?” หยางเหม่ยหลินเมื่อได้ฟังเหตุการณ์นี้แล้ว สีหน้าก็แสดงออกอย่างเหนือความคาดคิด มู่เซิ่งเปลี่ยนความคิดแล้ว
“ใช่อ่ะ ฉันก็ยังแปลกใจอยู่ ก็ยอมมาสมัครเข้าในกองกำลัง” หยางฟางฟางก็อดไม่ได้ที่จะพูดแหรกมาอย่างสงสัย
อยู่คลุกคลีกันมานานพอสมควร เธอรู้ลึกถึงนิสัยของมู่เซิ่งดี มู่เซิ่งไม่ใช่คนประเภทโลภหลงในลาภยศเลื่อนลอย
หยางเหม่ยหลินกลับกลอกสายตากลับ พูดเสียงพึมพำว่า
“ฉันว่าแล้วทำไมเมื่อวานนี้เขาถึงไม่ยอมตอบรับปากฉัน ทำเป็นดื้อด้าน ที่แท้มีใจเตรียมจะกลับหน่วยรบเต่าดำอยู่แล้ว ตอนทีแรกก็ทำเป็นปฏิเสธครูฝึกฝานหรง ที่แท้ก็ตั้งใจจะโก่งราคาให้ขึ้นไปอีก”
“ถ้าไม่งั้น ไอ้ตระกูลกัวทำไมถึงได้ทำเป็นให้ความเคารพเขาถึงขนาดนั้น?แน่นอนว่าจะต้องรู้ข่าวมู่เซิ่งจะสมัครเข้ามาอยู่กับหน่วยรบเต่าดำ ถึงได้เป็นอย่างนี้ เฮอะ ๆ ไอ้เจ้ามู่เซิ่งนี่มันก็เห็นอำนาจ ผลประโยชน์สูงเป็นที่ตั้ง”
หยางเหม่ยหลินคิดอยู่เองว่าเข้าใจแจ่มชัดในเรื่องนี้
มิฉะนั้น ตระกูลกัวทำไมจะต้องให้ความเคารพเขาแบบนั้น?
“ฮึ ต่อหน้าอย่าง ลับหลังเป็นอีกอย่าง ต่ำทรามยิ่งกว่าเซียวจ้านนั่นเสียอีก แต่ก็อย่างว่ามีผู้ชายคนไหนที่ไม่เป็นแบบนี้?ก็ดี นี่เป็นการแสดงว่าเรายังมีโอกาสดึงเขาเข้ามาอยู่กับตระกูลหยาง” ไฟที่มอดดับไปแล้วของ หยางเหม่ยหลิน กลับลุกโชนขึ้นมาอีก
เพียงขอให้มู่เซิ่งมีความมุ่งหวังในผลประโยชน์ เธอก็ยังมีความมั่นใจในการใช้แผนนารีพิฆาตดึงเอามู่เซิ่งเข้ามาอยู่บ้านตระกูลหยางได้
เธอไม่ยอมเชื่ออยู่แล้วว่า ในโลกนี้ยังมีผู้ชายหน้าไหนที่ไม่เกิดความพิศวาสในเรือนร่างของเธอ
หยางฟางฟางไม่มีความคิดหลากหลายอย่างหยางเหม่ยหลิน แต่ว่า ความที่เป็นเพื่อนสนิทกับเจียงหว่าน การที่มู่เซิ่งสมัครเข้าแข่งขัน เธอรู้สึกดีใจมาก ขอเพียงให้มู่เซิ่งสามารถเข้าไปอยู่ในสี่องค์กรใหญ่ได้ การที่เจียงหว่านจะอยู่ในเจียงหนานก็จะไม่มีใครกล้ารังแกเธอแล้ว
เธอรีบวิ่งกลับห้องไป นำเรื่องที่น่าตื่นเต้นยินดีนี้ไปแบ่งปันให้เจียงหว่าน
เจียงหว่านก็รู้สึกเหนือความคาดคิด เธอก็เพิ่งเคยได้ยินชื่อสี่องค์กรใหญ่นี้ ยิ่งเหนือความคิดคือการที่มู่เซิ่งถึงกับสมัครเข้าไปอยู่ด้วย
แต่กับความสำเร็จของมู่เซิ่งนั้น เธอก็ดีใจด้วยอย่างมาก กำชับหยางฟางฟางอยู่ข้างนอกให้คอยดูแลมู่เซิ่งดี ๆ อย่าปล่อยให้เที่ยวไปที่ซุกหาเศษหาเลย
แน่นอนว่าหยางฟางฟางตบอกรับประกันให้อย่างมั่นเหมาะ
เมื่อมู่เซิ่งกลับไปถึงโรงแรม กลับพบเด็กนักศึกษาสาวคนนั้น ยืนชะเง้อหันมองซ้ายมองขวาอยู่……