มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 399 ซูอีเข่อเมาเหล้า
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 399 ซูอีเข่อเมาเหล้า
หลังจากที่มู่เซิ่งออกมาจากสนามแข่งรถแล้ว ก็เตรียมที่จะไปส่งซูอีเข่อกลับบ้าน จากนั้นก็กลับไปที่โรงแรมของตน ซึ่งใครจะไปรู้ว่าซูอีเข่อนั้นจะขอร้องอย่างหนักให้เขาไปห้างสรรพสินค้าเป็นเพื่อนกับเธอเพื่อที่จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่อย่างนั้นเธอก็จะไม่ปล่อยให้มู่เซิ่งกลับไปแต่โดยดี
มู่เซิ่งมองดูซูอีเข่อที่อยู่เบื้องหน้าราวกับเด็กน้อย จึงต้องจำใจตอบตกลง
งานเลี้ยงสังสรรค์ของกลุ่มเศรษฐีต่อจากนี้ มู่เซิ่งจะพาจางเสวียนหลงกับเหยาเผิงมาร่วมงานด้วย ถ้าหากไม่มีอะไรคลาดเคลื่อน เขาเตรียมที่จะหาตัวแทนจำหน่ายในเขตหนานเจิ้นและเป่ยไห่ เพราะว่าจางเสวียนหลงพวกเขาเป็นคนท้องที่ของเมืองเจียงหนาน หากไปจำหน่ายยาชำระล้างไขกระดูกขนาดเล็กยังสถานที่อื่นแล้ว ก็คงจะเสียเปรียบอยู่บ้าง
สำหรับค่าคอมมิชชั่นที่จะให้กับตัวแทนจำหน่ายนั้น มู่เซิ่งก็จะมอบให้จางเสวียนหลงเป็นคนไปจัดการ
หลังจากที่เข้าสู่ขั้นแดนนักเสวียนแล้ว เมื่อเขายิ่งฝึกฝน ก็ยิ่งรู้สึกว่าพลังเสวียนนั้นล้ำเลิศ อัศจรรย์ยากที่จะอธิบาย อีกทั้งบนโลกใบนี้ยังมีสิ่งมากมายที่เขายังไม่รับรู้ นอกจากกระบี่กระหายเลือดที่สามารถมีพัฒนาการได้ รวมถึงหนังสือลึกลับพิเศษเล่มนั้น และกุญแจลึกลับนั่นแล้ว……
พลังของสิ่งเหล่านี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้มู่เซิ่งรู้สึกหวาดกลัว
“แต่ว่า……”
เมื่อมู่เซิ่งมองดูเวลา วันที่เหมียวหงอวี่ตกลงกับเขาไว้ ว่าจะนำอาวุธเสวียนมามอบให้กับเขานั้น ก็ใกล้จะถึงกำหนดแล้ว หากเมื่อถึงเวลาที่กำหนด เหมียวหงอวี่ยังไม่นำอาวุธเสวียนมาปรากฏที่ตรงหน้าของเขา เขาก็จะไปถล่มตระกูลเหมียว ด้วยตัวของเขาเองเลย!
“มู่เซิ่ง ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว……พวกเราเดินเล่นกันมาตั้งนานแล้ว ยังไม่ได้กินอาหารเย็นเลย ตอนนี้พวกเราไปดื่มกันสักแก้วไหมละ? ” เสียงพูดที่อ่อนโยนดังขึ้นมาจากด้านข้าง
มู่เซิ่งหันหน้ากลับมา ก็เห็นว่าซูอีเข่อได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเขาอยู่ใกล้กับมู่เซิ่งเป็นอย่างมาก อีกแค่สามเซนติเมตรทั้งสองคนก็จะแนบชิดติดกันแล้ว ซูอีเข่อหน้าแดงก่ำขึ้น และรีบถอยหลังลงไปกี่ก้าว
มู่เซิ่งที่สัมผัสได้ถึงไอร้อนของร่างกายแล้วก็ตกใจ ซูอีเข่อถอยหลังลงไปสองก้าว ทำให้เขามองเห็นร่างกายของซูอีเข่อในตอนนี้เกือบทุกส่วนได้อย่างชัดเจน
ตอนที่ซูอีเข่ออยู่ในห้องลองเสื้อผ้า เธอได้เปลี่ยนมาสวมใส่ชุดเดรสสีขาวที่สวยงาม ซึ่งรูปร่างที่มีทรวดทรงองเอวนั้น ได้แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
มู่เซิ่งตกใจ เดิมทีซูอีเข่อสวมใส่ชุดนักเรียนมาโดยตลอด ภายใต้ชุดนักเรียนที่หละหลวมนั้น เขาไม่เคยสังเกตรูปร่างของซูอีเข่ออย่างละเอียดเลย รู้สึกเพียงว่ามีใบหน้าที่เรียวงาม มีทรงผมหยักศกที่ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่เมื่อมองดูในตอนนี้ รูปร่างของเธอนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
มู่เซิ่งจ้องมองตาเป็นเกลียว ซูอีเข่อยิ้มอย่างภาคภูมิใจ: “เป็นอย่างไรบ้าง? ชอบไหมล่ะ? ”
“พอได้” มู่เซิ่งละสายตาลง และพูดขึ้นว่า: “ในเมื่อเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว อย่างนั้นฉันก็ขอตัวกลับไปก่อนแล้ว”
“นายนี่ ก็แค่ไปทานข้าว ฉันไม่ได้จะกินนายสักหน่อย! ” ซูอีเข่อร้อนใจจนกระทืบเท้า ตอนที่เธออยู่ในห้องลองเสื้อผ้านั้นยังคิดอยู่เลยว่าจะตามจีบมู่เซิ่งอย่างไรดี ห้ามที่จะปล่อยให้มู่เซิ่งหลุดมือไปโดยเร็วแบบนี้ แล้วเธอก็คว้าไปที่แขนของมู่เซิ่งในทันที
มู่เซิ่งกับซูอีเข่อเดินออกมาจากห้างสรรพสินค้า พวกเขาสิ้นเปลืองเวลาไปที่สนามแข่งรถไม่น้อย ตอนนี้ก็เก้าโมงกว่าแล้ว แต่ภายนอกก็ยังคงคับคั่งไปด้วยผู้คนและรถราง แสงไฟที่มีสีสันสวยงามส่องกระพริบอยู่ทั่วท้องถนน
ซูอีเข่อกดที่กุญแจรถ รถบีเอ็มสีชมพูที่อยู่ระยะไกลนั้นก็กระพริบแสงขึ้น แล้วเธอก็ก้าวเข้าไปนั่งบนที่นั่งคนขับอย่างสง่างาม
มู่เซิ่งเองก็นั่งลงมาบนที่นั่งข้างคนขับอย่างสบายตัว
แก้มของซูอีเข่อก็ยังคงแดงระเรื่อ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากที่ขับรถไปสักระยะหนึ่ง ซูอีเข่อก็เหลือบมองไปที่มู่เซิ่ง และพูดขึ้นว่า: “มู่เซิ่ง ต้องขอโทษด้วย”
“อะไรนะ? ” มู่เซิ่งตกใจ
“ฉันไม่ควรที่จะพานายไปยังสนามแข่งรถ เดิมทีฉันอยากที่จะแนะนำนายให้กับเพื่อนใหม่ของฉันสักหน่อย แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า พวกเขาจะปฏิบัติกับนายแบบนี้” ซูอีเข่อพูดเบา ๆ ขึ้น
เรื่องที่เกิดขึ้นในสนามแข่งรถนั้นจนถึงตอนนี้เธอเองก็ยังคงหวาดกลัวอยู่บ้าง หากมู่เซิ่งไม่มีทักษะบู๊แล้ว เกรงว่าเธออาจจะเกิดอันตรายอะไรขึ้นก็ได้
“ไม่เป็นไร” มู่เซิ่งส่ายมือไปมาอย่างเคยชิน “เรื่องแบบนี้ฉันพบเจอมามากครั้งแล้ว เธอไม่ต้องโทษตัวเองหรอก พวกลูกเศรษฐีกลุ่มนั้นต่างหากที่เป็นเพื่อนไม่ดี ต่อไปเธอก็ควรที่จะตัดขาดสัมพันธ์กับพวกเขาโดยเร็วจะดีที่สุด”
“แน่นอนอยู่แล้ว มู่เซิ่งต้องขอบคุณนายมาก มิเช่นนั้นฉันเองก็ยังคงไม่เห็นธาตุแท้ของพวกเขาหรอก! ” ซูอีเข่อโบกกำปั้นไปมาด้วยความโกรธแค้น ต่อไปเธอก็คงจะไม่มีสัมพันธภาพอะไรกับพวกคนกลุ่มนั้นแล้ว
……
……
“ดื่ม! ”
“ดื่ม มู่เซิ่งทำไมนายถึงไม่ดื่มล่ะ! ”
“ค่ำคืนนี้ พวกเราไม่เมาไม่เลิกนะ ดื่มสิ มู่เซิ่ง หากว่านายไม่ดื่มแก้วนี้จนหมด นายก็ต้องแบกฉันกลับไป! ”
“มาสิ ฉันขอคารวะนายหนึ่งแก้ว! ” ขณะที่ซูอีเข่อพูดนั้น ก็ได้เปิดขวดเหล้าที่อยู่ด้านหน้าขึ้นดัง “ปึ่ง” จากนั้นก็เทเหล้าใส่แก้วใบใหญ่เลย
“ซูอีเข่อ” มู่เซิ่งรีบคว้าแก้วออกมาจากมือของซูอีเข่อ
เสียใจอย่างมาก
สภาพจิตใจของเขาในตอนนี้ ใช้เพียงแค่คำว่าเสียใจมาบรรยายได้เท่านั้น
เดิมทีคิดว่าเขาทานข้าวเย็นกับซูอีเข่อเสร็จแล้วก็จะกลับ แต่เมื่อกินเสร็จแล้ว ซูอีเข่อก็อยากจะไปบาร์เพื่อดื่มเหล้าอีกสักหน่อย เธอร้องโวยวายเสียงดัง จนมู่เซิ่งจำใจทำอะไรไม่ถูก ผลสุดท้ายทั้งสองคนก็ดื่มเหล้ากัน มาจนถึงเวลาเที่ยงคืนครึ่ง!
มู่เซิ่งเป็นถึงนักเสวียนแล้ว ร่างกายก็แตกต่างไม่เหมือนกับคนทั่วไปมานานแล้ว จึงมีภูมิคุ้มกันต่อพวกแอลกอฮอล์นี้ แต่ซูอีเข่อไม่ใช่อ่า หลังจากที่เธอดื่มเข้าไปทีละแก้วทีละแก้วแล้วนั้น ก็เมาปลิ้นอย่างไม่เป็นท่า
เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว มู่เซิ่งก็พบกับคำถามที่มีตัวเลือกที่ยากจะให้คำตอบได้
หากจะปล่อยเธอไว้คนเดียวที่ตรงนี้ เธอก็เป็นแค่สาวน้อยคนหนึ่ง ที่ใส่เสื้อผ้าเซ็กซี่ ตอนที่นั่งอยู่กับมู่เซิ่งนั้นก็มีคนจำนวนไม่น้อยชายตามองดูมาทางนี้แล้ว ถ้ามู่เซิ่งจากไปแล้ว ร้อยทั้งร้อยจะต้องมีคนเข้ามาเกี้ยวพาราสีเป็นแน่ แต่หากจะให้คนในครอบครัวของซูอีเข่อมารับตัวเธอกลับไป ในโทรศัพท์มือถือของเธอนั้น ก็มีแต่เบอร์โทรศัพท์ของตงเสี่ยวเย่เพียงคนเดียว แม้แต่เบอร์โทรศัพท์ของพ่อแม่ก็ไม่มี
มู่เซิ่งโทรศัพท์ไปหาตงเสี่ยวเย่ ก็ยังคงปิดเครื่องอยู่อีก
แบบนี้ไม่รู้ว่าจะให้มู่เซิ่งกระทำการอย่างไรดี
โชคดีที่เขาล้วงไปในกระเป๋าของซูอีเข่อแล้วพบกับกุญแจของหมู่บ้าน ด้านบนนั้นมีหมายเลขบ้านและที่อยู่อย่างชัดเจน ดังนั้นในภาวะที่จำยอม มู่เซิ่งจึงต้องเรียกรถแล้วก็ส่งซูอีเข่อกลับไปที่บ้าน
อย่าถามนะว่าทำไมรถบีเอ็มถึงได้จอดอยู่ที่หน้าประตูร้านบาร์ เพราะห้ามเมาแล้วขับ
มู่เซิ่งแบกซูอีเข่อขึ้นไปบนชั้นห้า เดิมทีคิดที่จะวางตัวซูอีเข่อลงแล้วก็จากไป แต่เมื่อเข้าไปในประตูบ้านแล้ว ซูอีเข่อก็เริ่มออกลาย แสดงพฤติกรรมท่าทางหลังจากดื่มเหล้าเมาแล้วอย่างวุ่นวายไปหมด ถึงขนาดที่ไปเปิดแก๊สเพื่อที่จะทำการปิ้งย่าง ทางมู่เซิ่งกลัวว่าจะเกิดอันตราย จึงได้อยู่ในบ้านเป็นเพื่อนกับซูอีเข่อ
ใครจะไปรู้ล่ะว่าพ่อแม่ของเธอจะกลับมาเมื่อไร
ตอนนี้ หลังจากที่เขานำตัวซูอีเข่อเข้าไปในห้องแล้ว ซูอีเข่อก็ยืนตัวตรงขึ้น กระโดดโลดเต้นเดินโซเซไปมาอยู่ภายในห้อง แล้วก็เปิดขวดเหล้าเพื่อที่จะดื่มต่ออีก
“ซูอีเข่อ ห้ามดื่มแล้ว” มู่เซิ่งพูดขึ้นอย่างจำใจ
แก้วเหล้าถูกมู่เซิ่งแย่งชิงไปแล้ว ซูอีเข่อก็หันหลังกลับมาด้วยความเมา แล้วก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มึนเมาว่า: “มู่เซิ่ง ทำไมนายถึงได้เก่งกาจขนาดนี้ล่ะ แม้แต่รถแข่งแบบนั้นนายก็ยังสามารถขัดขวางเอาไว้ได้ นายใช่หรือไม่ใช่คนกันแน่? ”
มู่เซิ่งเหงื่อตก แม้ว่าซูอีเข่อจะดูว่าไม่สงบเรียบร้อยอย่างตงเสี่ยวเย่ แต่เขาคิดไม่ถึงอย่างมากว่า หลังจากที่เมาแล้วจะวุ่นวายได้ถึงขนาดนี้
“มู่เซิ่ง นายมีแฟนแล้วยัง? ” ซูอีเข่อถามขึ้น “ถ้าไม่มี แล้วจะรังเกียจไหมหากจะมีสักหนึ่งคน? ”
“ฉันมีภรรยาแล้ว” มู่เซิ่งพูดขึ้น
“อย่างนั้นถ้ามีภรรยาแล้ว จะรังเกียจไหมหากจะมีเพิ่มอีกสักหนึ่งคน? ” ซูอีเข่อถามต่ออย่างไม่ถอดใจ แล้วร่างกายก็แนบชิดเข้ามาในทันที……