มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 40 มันไม่ใช่หมอ
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 40 มันไม่ใช่หมอ
“ช่วยด้วย มีใครพอจะช่วยคนได้บ้างมั้ยคะ!”
เมื่อได้ยินเสียง ทั้งสองคนจึงเดินลงจากรถอย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียว ทั้งสองมาถึงจุดศูนย์กลางของเสียง จึงมองเห็นชายชราชุดขาวคนหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น รูปพรรณสัณฐานอายุเจ็ดสิบกว่า ขนคิ้วขาวยาวเหยียด
ดูเหมือนว่าร่างกายเขา มีพลังงานเต็มเปี่ยม แต่ปากกับดวงตากลับปิดสนิท อาการเหมือนคนจมน้ำ มือเท้าหงิก มีอาการสั่นเทาเล็กน้อย
มีหญิงสาวรูปร่างบึกบึนใส่ชุดกีฬาอยู่คนหนึ่งนั่งกองอยู่ที่พื้น พร้อมทั้งตะโกนโวยวาย แสดงอาการกระวนกระวายใจออกนอกหน้า โทรศัพท์ในมือยังปรากฏหน้าจอว่ากำลังโทรหาเบอร์โทรศัพท์ 120 อยู่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“ที่นี่มีหมอที่จะช่วยรักษาอาจารย์ของฉันได้มั้ย มีบ้างมั้ย?”
หญิงสาวร่างกายบึกบึนเอี้ยวตัวออก พลางพูดอย่างรีบร้อน “ขอร้องแหละ รถพยาบาลติดอยู่บนถนน ต้องใช้เวลาสิบนาทีถึงจะมาถึง พวกคุณมีใครช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้อาจารย์ของฉันก่อน ได้บ้างมั้ย!”
ดวงตาของชายชราปิดสนิท สีหน้าเต็มเปี่ยมด้วยพลังงาน เริ่มอิดโรยลงเรื่อยๆ พลันซีดเซียวทั้งหน้าอย่างรวดเดียว
พวกเขาใครหน้าไหนก็มองออก สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก เกรงว่าคงยื้อไว้ไม่ได้นานเท่าไหร่แล้ว
ผู้คนที่คอยมุงดูอยู่ทางด้านข้าง มีคนจำนวนไม่น้อยที่หยิบโทรศัพท์มาถ่ายคลิปเอาไว้ แต่กลับไม่มีคนก้าวเท้าเข้ามา ในเมื่อพวกเขาไม่เคยมีความรู้ทางด้านการแพทย์ใดๆ มาเลย หากลงมือบุ่มบ่าม เกรงว่าจะทำให้อาการป่วยของชายชรารุนแรงหนักกว่าเดิม
กระทั่งถ้าเกิดเจอแก๊งตบทรัพย์ขึ้นมาอีก งั้นก็พูดไม่ออกมากกว่าเดิม
มู่เซิ่งยืนอยู่ทางด้านข้าง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันคอยจ้องมอง เขามักรู้สึกว่าอาการป่วยทางด้านหน้ามันดูคุ้นๆ อยู่ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
“ตึง!”
จู่ๆ ร่างกายของชายชราสั่นเทิ้ม และพลิกไปพลิกมาอยู่ที่พื้น ดิ้นทุรนทุรายพร้อมทั้งใช้มือทั้งสองข้างปีนป่ายไปมา เหมือนถูกผีสิงร่าง
กระทั่งท่ามกลางฝูงชนส่งเสียงกรีดร้องอย่างอดใจไม่อยู่
ผู้หญิงร่างกายบึกบึนเดือดเนื้อร้อนใจจนเก็บทรงไม่อยู่ ถึงขึ้นเปิดกระเป๋าเงิน เพื่อหยิบบัตรเอทีเอ็มออกมาพลางโยนลงพื้นทันที
“หนึ่งล้าน ใครสามารถรักษาอาจารย์ของฉันได้ เงินหนึ่งล้านนี้ จะเป็นของเขาทันที!”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ สามารถเรียกเสียงฮือฮาจากกลุ่มคนได้ทันที
“พระเจ้า!”
“หนึ่งล้าน? ผู้หญิงคนนี้รวยจริงๆ!”
“รวยแล้วจะยังไง? คุณมีปัญญาไปเอามามั้ยล่ะ? อาการป่วยของชายชราคนนี้ เห็นอยู่ทนโท่ว่ามันไม่ธรรมดา ฉันเป็นหมอมาสามปี ไม่เคยเห็นอาการป่วยแปลกพิลึกพิลั่นมาก่อนเลย”
“เวลาวิกฤตแบบนี้รอรถพยาบาลดีกว่ามั้ย”
ผู้คนกำลังถกเถียงกันไปมา แต่กลับไม่มีใครก้าวมาช่วย
ผู้หญิงรูปร่างบึกบึนสำรวจโดยรอบ และโยนบัตรเอทีเอ็มออกมาอีกสองใบ พร้อมทั้งตะเบ็งคอ “ห้าล้าน! ไม่ต้องช่วยอาจารย์ ขอแค่ยื้อชีวิตให้อาจารย์ฉันทนรอให้รถพยาบาลมาถึงก็พอแล้ว!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ถึงแม้ว่าไม่มีความชำนาญ แต่เงินรางวัลก้อนโตอันล่อตาล่อใจจนเก็บอาการไม่อยู่ มีจำนวนคนไม่น้อยท่ามกลางฝูงชน ที่เตรียมลองดูอย่างตื่นเต้น
มู่เซิ่งย่นหัวคิ้วครุ่นคิดอยู่สักพัก พลางเดินมุ่งหน้ามาทางชายชรา
เจียงหว่านห้ามปรามมู่เซิ่งไว้ทันที พลางพูดออกมา “มู่เซิ่ง คุณคิดจะทำอะไร?”
มู่เซิ่งกล่าวเรียบเฉย “ช่วยคน”
เขามองออก อาการป่วยอันพิลึกพิลั่นของชายชราตรงหน้า สถานการณ์คับขัน ถ้าไม่มีคนยื่นมือเข้าไปช่วยปฐมพยาบาล ไม่เกินสามนาที ชายชราคนนี้ก็จะเสียชีวิตทันที
“คุณ รักษาได้เหรอ?”
เจียงหว่านเริ่มเป็นห่วง จึงกระซิบพูดทันที “อีกอย่างผู้หญิงคนนี้เธอจ่ายตั้งห้าล้าน ต้องเป็นคนตระกูลไฮโซแน่ คนที่สามารถเป็นอาจารย์ของเธอได้ ตำแหน่งย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน การได้เผชิญหน้ากับคนประเภทนี้ ถ้าคุณรักษาไม่ได้ เกรงว่าจะเป็นการสร้างศัตรูนะสิ”
“มู่เซิ่ง คุณมีความชำนาญจริงๆ ใช่มั้ยคะ?”
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อมั่นในตัวมู่เซิ่ง แต่เป็นห่วงว่ามู่เซิ่งจะรักษาไม่ได้ จนสุดท้ายกลายเป็นหาเหาใส่หัว
“วางใจเถอะ ผมชำนาญพอตัว” มู่เซิ่งจ้องเจียงหว่าน พลางพูดโทนเสียงปกติ
เจียงหว่านกุมข้อมือมู่เซิ่งไว้แน่น เมื่อมองเห็นความเชื่อมั่นใจในอันสงบนิ่งจากดวงตาของตัวเองของเขานั้น จึงคลายข้อมือตามสัญชาตญาณ
มู่เซิ่งพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นจึงหันหลังกลับเพื่อเดินแทรกตัวเข้าท่ามกลางฝูงชนพร้อมทั้งตะโกนเสียงดังลั่น “ขอผมดูหน่อย”
“คุณเป็นหมอเหรอ? รีบช่วยอาจารย์ฉันเถอะ อีกสิบนาทีรถพยาบาลถึงจะมาถึง!”
ผู้หญิงรูปร่างบึกบึนเมื่อเห็นมู่เซิ่ง ราวกับเห็นฟางเส้นสุดท้าย จึงก้าวไปทางด้านหน้าและคว้าตัวมู่เซิ่งมาทันที “ขอแค่คุณช่วยชีวิตอาจารย์ฉันให้รอด เงินห้าล้านจะเป็นของคุณทันที!”
มู่เซิ่งไม่ได้รับบัตรเอทีเอ็มมา และจ้องมองชายชราระยะประชิด
ดวงตาชายชรายังคงปิดสนิทดังเคย ในช่วงกำลังแล่นลมปราณ จนมีเลือดไหลซึมออกมาจากหางตา ลมหายใจติดขัด สามารถเสียชีวิตได้ตลอดเวลา
มู่เซิ่งไม่ได้พูดอะไร พลางยื่นมือออกไป เพื่อจับตรงข้อมือของชายชรา
ธาตุทั้งห้าของชายชราได้รับความเสียหาย เลือดและพลังลมปราณแตกซ่านผิดปกติ หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่ อาการป่วยของชายชรา ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ
“มีเข็มเงินมั้ย?” มู่เซิ่งถาม
“มีๆๆ! ฉันพกติดตัวอยู่ตลอด!”
ผู้หญิงร่างกายบึกบึนรีบควานหาเข็มเงินที่พกติดตัวไว้เสมอขึ้นมา โดยบรรจุอยู่ในหีบไม้หนานมู่เนื้อทอง จนทำให้มู่เซิ่งต้องชำเลืองมองแวบหนึ่ง สถานะของผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ
เขาไม่ได้ชะงัก พลางรีบดึงเข็มเงินออกมา และฝังลงบนบริเวณข้อมือของชายชราอย่างรวดเร็ว
มนุษย์เกิดขึ้นในสรวงสวรรค์และพิภพ การฝังเข็มห้ากลวิธีเป็นวิธีการหนึ่งในการเดินลมปราณ
ถือว่าโชคดีที่ร่างกายของชายชราเลือดลมพลุ่งพล่าน มู่เซิ่งฝังเข็ม จากนั้นจึงรู้สึกสบายใจมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น ปรากฏว่าบริเวณหน้าผากเขามีเม็ดเหงื่อเย็นปกคลุมไปทั่ว
“ดึ๋ง—”
เข็มเงินมู่เซิ่งสั่นเล็กน้อย
ลมปราณไหลเวียน!
หลังจากเข็มเงินสั่นเล็กน้อย ดวงตา ปาก หูและตำแหน่งที่ปิดสนิท จู่ๆ ก็สั่นทันที
วินาทีต่อมา ชายชราพึมพำอย่างเจ็บปวด เมื่ออ้าปาก พลันกระอักเลือดสดๆ ออกมาอย่างรุนแรง
มู่เซิ่งยังไม่ยอมหยุดมือ เพื่อหมุนเข็มต่อ
จังหวะนั้นเอง ก็มีคนเบียดเสียดเข้ามา นั่นก็คือคู่สามีภรรยา เจียงเถ้อฉินกับหานเสี่ยที่เพิ่งลงมาจากตึก เมื่อเห็นบรรดาไทยมุงโดยรอบ จึงตั้งใจเข้ามาสอดส่องดูความครื้นเครงเป็นพิเศษ
เจียงเถ้อฉินมองเห็นมู่เซิ่งกำลังหมุนเข็ม จึงตะโกนออกมาตามสัญชาตญาณ “เฮ้ย ไอ้กระจอกมันมีฝีมือรักษาโรคด้วยเหรอวะ?”
หานเสี่ยที่ไม่ถูกชะตากับมู่เซิ่งมาแต่แรก ตอนอยู่ที่บันไดเมื่อครู่ พวกเขาเพิกเฉยกับการที่เจียงมู่หลงลงมือ ดังนั้นจึงเริ่มขยะแขยงมู่เซิ่งฝังใจมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นหานเสี่ยพูดจาแดกดันขึ้นมา “ถ้าเขามีฝีมือรักษาโรค ป่านนี้พวกแม่หมูคงปีนต้นไม้ได้แล้วแหละ!”
“ไอ้กระจอก แส่ทำตัวโดดเด่นไม่รู้เรื่องรู้ราว รักษาคนตาย ก็ต้องติดคุกนะยะ!”
เมื่อสิ้นเสียง เธอก็ใช้มือข้างหนึ่งคว้าข้อมือมู่เซิ่งทันที
“ไอ้กระจอก ให้แกหยุดไม่ได้ยินเหรอ?!”
“ไสหัวไป!”
มู่เซิ่งสะบัดมือออกสุดแรง หานเสี่ยล้มกองอยู่ที่พื้น จากนั้นเขาใจจดจ่อในการหมุนเข็มเงินต่อ
เหลือแค่เข็มสุดท้ายแล้ว
เมื่อฝังเข็มนี้ลง ชายชราก็ได้สติแล้ว
อย่างไรก็ตาม วินาทีถัดมา จู่ๆ ผู้หญิงร่างกายบึกบึน ก็หยิบกล่องขึ้นมา และใช้สายตาตั้งแง่จ้องมาทางมู่เซิ่ง พลันพูดทันที “นายไม่ใช่หมอ?”
“มันเป็นหมอที่ไหนกัน มันคือลูกเขยกระจอกของตระกูลเจียงคนนั้นไง!”
ยังไม่รอให้มู่เซิ่งตอบคำถาม หานเสี่ยก็ลุกจากพื้น ปิดบังความรู้สึกที่แท้จริง พร้อมทั้งพูดจาอย่างโกรธเคือง
“คุณผู้หญิงคนนี้ คุณอย่าไปหลงเชื่อกับคนประเภทนี้ มันชื่อมู่เซิ่ง เป็นลูกเขยที่เข้ามาเกาะตระกูลเจียง ไม่ทำงานทำการ จ้องแต่เกาะเมียกินอยู่ที่บ้าน คุณคิดว่ามันจะเป็นหมอมั้ยล่ะ?”
“ตระกูลเจียง? ตระกูลอันดับสองนั่นนะเหรอ? ที่แท้มันก็คือไอ้สวะของตระกูลเจียงคนนั้น!”
“ฉันก็ว่าทำไมดูคุ้นหูคุ้นตาอยู่ หึ ไอ้สวะนี่มันต้องการลงมือช่วย ก็เพื่อเงินห้าล้านแน่”
“ไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองเลยเหรอ”
หลังจากที่หานเสี่ยจุดประเด็นขึ้นมา ทุกคนจึงตระหนักได้ทันที ว่ามู่เซิ่งคนนี้ไม่มีฝีมือในการรักษาโรค และที่ยอมเสนอตัวช่วยเหลือแบบมั่วๆ ก็เพื่อต้องการเงินทอง