มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 54 ได้รับรางวัล
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 54 ได้รับรางวัล
ขณะนี้ สถานที่เงียบสงัด
สมาชิกครอบครัวของเจี่ยงฮัวที่ถูกขังอยู่ในรถตู้ ตกใจจนเบิกตากว้าง! มู่เซิ่งเป็นแค่ขยะเท่านั้น พวกเขานึกไม่ถึงว่าเขาจะสามารถฆ่าฆาตกรสองคนนั้นด้วยสองหมัดได้!
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจ แต่เจี่ยงฮัวก็รู้สึกดีใจมาก เพราะอย่างน้อยคราวนี้พวกเขาก็มีชีวิตรอดแล้ว
หากมู่เซิ่งถูกฆ่าตาย ครอบครัวพวกเขาสามคน อาจจะตายด้วยน้ำมือของหลังจั่วและหลังโย่ว
ไม่นาน ท่านหลงก็พาคนมาถึงที่เกิดเหตุ เมื่อเขาเห็นร่องรอยการชนของรถสองคันแล้ว เขาก็เดาได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นหลังจั่วและหลังโย่วที่นอนอยู่บนพื้น ทำให้เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ!
นึกไม่ถึงว่าจะเป็นพวกเขาสองคน!
คิ้วของท่านหลงกระตุกอย่างแรง เขาเคยเห็นสองคนนี้ในหนังสือพิมพ์ พวกเขาสองคนเป็นอาชญากรที่ตำรวจตั้งรางวัลนำจับไว้หนึ่งล้าน!
พวกเขาก่ออาชญากรรมมาโดยตลอด และพวกเขาฆ่าคนในเมืองใกล้เคียงไม่ต่ำกว่า 20 คน วิธีการฆ่าคนของพวกเขานั้นโหดเหี้ยมมาก ฝีมือของพวกเขาก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน แม้แต่อาหู่ลูกน้องของเขา ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา
“คุณชายมู่ ต้องขออภัยด้วยที่ผมมาสาย”
จางเสวียนหลงลงมาจากรถอย่างรวดเร็ว และกล่าวกับมู่เซิ่งด้วยความเคารพ
ปัง ๆ ๆ——
เขาหันไปมอง เห็นสมาชิกครอบครัวของจ้าวโป๋ถูกขังอยู่ในรถตู้ และเจี่ยงฮัวกำลังเคาะกระจกหน้าต่างอยู่ “หลานชาย ช่วยเปิดประตูให้หน่อย”
“คุณชายมู่ พวกเขาเป็นใคร?” จางเสวียนหลงถาม
“ไม่รู้จัก” มู่เซิ่งส่ายศีรษะ
ไม่รู้จัก?
การที่จางเสวียนหลงสามารถทำมาหากินอยู่จนถึงตอนนี้ได้ แล้วเขาจะเป็นคนโง่ได้อย่างไร ประกอบกับสีหน้าเฉยเมยของมู่เซิ่งแล้ว เขาก็เข้าใจต้นสายปลายเหตุทันที เขาโบกมือทันทีและกล่าวว่า “คนพวกนี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับหลังจั่วและหลังโย่ว พาพวกเขากลับไปด้วย!”
“ครับ!”
ชายร่างกำยำหลายคนนำตัวสมาชิกครอบครัวของเจี่ยงฮัวลงจากรถทันที
“หลานชาย คุณจะทำอะไร……”
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ชายร่างกำยำคนหนึ่งก็ปล่อยหมัดไปที่หน้าของเจี่ยงฮัว
“ตะโกนเชี่ยอะไร ท่านมู่เป็นคนที่แกสามารถตะโกนเรียกได้เหรอ”
ชายร่างกำยำพวกนั้นปล่อยหมัดไปที่พวกเขาสามคนอย่างต่อเนื่อง และไม่นาน พวกเขาก็ถูกตีจนน่วม แล้วถูกลากเข้าไปในรถตู้
“ท่านหลง รบกวนคุณสักเรื่องได้ไหม?”
ขณะนี้ มู่เซิ่งเอ่ยปากพูด
“พี่มู่ คุณพูดออกมาเถอะ” จางเสวียนหลงฟังด้วยความตั้งใจ
“ขอยืมรถของคุณได้ไหม? รถของภรรยาผมถูกชนจนเละแล้ว และมันยากที่จะอธิบาย” มู่เซิ่งชี้รถบีเอ็มดับเบิลยูที่ถูกชนจนเละ คาดว่าถ้าเจียงหว่านเดินมาอยู่ตรงหน้า เธอคงจำไม่ได้ว่ามันเป็นรถของเธอ
“ได้แน่นอน!” รถที่จางเสวียนหลงขับมาเป็นรถบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 เขายื่นกุญแจให้มู่เซิ่งทันที “พี่มู่ วันนี้ผมรีบร้อนออกมา เลยไม่ได้ขับรถดี ๆ มา คุณใช้คันนี้ไปก่อน แล้วผมจะมอบรถแลมโบกินี่ให้คุณสองคัน”
“ไม่ต้อง คันนี้ก็ดีอยู่แล้ว” มู่เซิ่งรับกุญแจรถ
รถของเจียงหว่านเป็นรถบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 เป็นรถยี่ห้อเดียวกัน ตัวรถคล้ายคลึงกัน ดังนั้นน่าจะหลอกเธอได้ง่ายกว่า
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน มู่เซิ่งขับรถไปรอตรงประตูบริษัทของเจียงหว่านตรงเวลา
เจียงหว่านเดินออกจากบริษัท ตอนแรกเธอรู้สึกโมโหเล็กน้อย เพราะมู่เซิ่งไม่มารับเธอตรงเวลา แต่เมื่อเธอเห็นรถบีเอ็มดับเบิลยูคันใหม่ เธอก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ
“คุณ…เกิดอะไรขึ้น?” เจียงหว่านถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เธอเพิ่งเอารถให้มู่เซิ่งตอนเช้า แต่ตอนเย็นเมื่อเขามารับเธอ ก็กลายเป็นซีรีส์ 7 แล้ว?
“เกิดอะไรขึ้น?”
“แคก ๆ” มู่เซิ่งกระแอมและกล่าวว่า “คุณเชื่อหรือไม่ว่าวันนี้ผมได้รางวัล?”
“ได้รางวัล? คุณได้รางวัลเป็นรถบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 เหรอ?” เจียงหว่านขมวดคิ้วและถาม “แล้วรถของฉันล่ะ? คุณจอดไว้ที่บ้านเหรอ?”
“เอ้อ นี่คือความพิเศษของการได้รางวัลในครั้งนี้”
มู่เซิ่งหยุดชั่วครู่ และกล่าวด้วยความจริงจังว่า “คราวนี้ บริษัทของรถบีเอ็มดับเบิลยู จับสลากแลกซื้อ และผมคือผู้โชคดี ดังนั้น…… ”
“ดังนั้นคุณเลยใช้รถบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 3 แลกเป็นซีรีส์เป็น 7 ซีรีส์ เหรอ?” เจียงหว่านกล่าวต่อ
มู่เซิ่งเช็ดเหงื่อด้วยความร้อนตัว มองไปข้างหน้าและกล่าวว่า “ใช่ครับ”
เจียงหว่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นแสดงสีหน้าอิจฉา “โอ้ สามีของฉันดวงดีจริง ๆ เขาจัดงานที่ไหน ฉันจะไปจับสลากบ้าง บางทีอาจจะเปลี่ยนเป็นรถที่ดีกว่านี้ก็ได้”
“เรื่องนี้……….”
มู่เซิ่งก้มหน้าด้วยความละอายใจ และกล่าวด้วยความเคอะเขินว่า “ไม่ต้องไปแล้ว คันนี้ก็ดีพอแล้ว”
เพี๊ยะ!
เจียงหว่านใช้มือตบต้นขาขาวราวกับหิมะของตนเอง ยืดอกด้วยความโกรธ และกล่าวว่า“มู่เซิ่ง คุณช่างใจกล้านัก กล้าโกหกแม้แต่ฉัน? ถ้าคุณไม่พูดให้ชัดเจน ฉันจะเดินกลับเอง!”
มู่เซิ่งเองก็รู้สึกว่าเหตุผลนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน แต่เขาไม่สามารถเปิดเผยว่าท่านหลงเป็นคนมอบรถคันนี้ให้เขา เพราะเจียงหว่านไม่ชอบให้เขาคบหาสมาคมกับพวกอันธพาล ดังนั้นเขาจึงพูดได้เพียงว่า “รถคันนี้ผมซื้อด้วยเงินเก็บส่วนตัว”
“คุณมีเงินเก็บส่วนตัวได้อย่างไร?” เจียงหว่านขมวดคิ้ว
ตั้งแต่มู่เซิ่งเป็นเขยแต่งเข้า เขามีค่าครองชีพเพียงไม่กี่พันต่อเดือนเท่านั้น ยังไม่รวมเงินที่ใช้ซื้อกับข้าว ถึงแม้จะรวมทุกอย่างแล้ว แต่ก็ไม่พอที่จะซื้อรถคันนี้?
“เป็นเงินเก็บของเมื่อก่อน” มู่เซิ่งกล่าว “ส่วนรถคันนั้นของคุณ ผมไม่ระวังก็เลยชน”
“ห๊ะ ชน? คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เจียงหว่านรู้สึกกังวลทันที มองสำรวจมู่เซิ่งตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากเห็นว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ เธอจึงมุ่ยปากและกล่าวด้วยความไม่พอใจว่า “ฮึ่ม มีเงินนี่ดีจริง ๆ”
“แต่ต่อไปคุณต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย เข้าใจไหม?”
“ครับ ๆ!” มู่เซิ่งพยักหน้า
หลังจากกลับมาถึงบ้านแล้ว เจียงหว่านไม่ได้บอกเรื่องนี้กับจ้าวหลิน เพราะจะได้ไม่ต้องมีปัญหา
เช้าวันต่อมา
มู่เซิ่งส่งเจียงหว่านไปทำงานตามปกติ หลังจากบอกลาแล้ว เขาก็ไปที่มู่ซื่อ กรุ๊ป ซึ่งมีสวีเจ๋อปิงและผู้บริหารรระดับสูงคนอื่น ๆ ของบริษัทอยู่ ตอนนี้พวกเขากำลังปรึกษาหารือเกี่ยวกับโครงการซีไห่
ตอนนี้งานถมทะเลสาบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปคือแผนหลักในการสร้างบ้าน แบบแปลนบ้านนั้นค่อนข้างใหญ่ และมีหลายโครงการ นอกจากบ้านแนวราบแล้ว ยังมีวิลล่าเก่าระดับไฮเอนด์ และวิลล่าสร้างใหม่ ซึ่งวิลล่าเหล่านี้สร้างขึ้นตรงใจกลางเมือง และจำนวนไม่เกินหนึ่งร้อยหลัง
โครงการวิลล่าใหม่กำลังมาแรง ส่วนวิลล่าเก่าสร้างเสร็จแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องทำอะไร ซึ่งมู่เซิ่งให้ตระกูลกู่เป็นผู้ดูแล
และเขาเองก็จองไว้หลายหลัง หลังจากตกแต่งเสร็จแล้ว เขาก็จะย้ายเข้าไปอยู่
“คุณชายมู่ อาทิตย์หน้า โครงการถมทะเลสาบจะเสร็จสมบูรณ์ เมื่อถึงเวลานั้น เจียงหว่านจะรับผิดชอบหนึ่งในสามโครงการของบ้านแนวราบ สวีเจ๋อปิงรายงานว่า “เมื่อถึงเวลานั้น พวกเราจะโอนเงินให้บริษัทของเจียงหว่าน เพื่อเป็นเงินทุนเริ่มต้นแปดสิบล้าน หลังจากโครงการเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะโอนเงินงวดสุดท้ายให้เธอ”
“อืม” มู่เซิ่งพยักหน้า
โครงการของซีไห่ใหญ่มาก เจียงหว่านไม่สามารถรับผิดชอบคนเดียวได้ ซึ่งการแบ่งโครงการหนึ่งในสามให้เธอ ก็เพียงพอที่จะทำให้เจียงหว่านงานยุ่งจนหัวฟูแล้ว หลังจากเธอทำโครงการหนึ่งในสามนี้เสร็จ ด้วยผลกำไรนี้ มันสามารถทำให้ตระกูลเจียงกลายเป็นตระกูลชั้นหนึ่งแล้ว
ด้วยความดีความชอบดังกล่าว ถึงแม้ว่าท่านเจียงสามจะไม่เต็มใจยอมรับ เกรงว่าตำแหน่งผู้นำตระกูลเจียง ก็ต้องกลายเป็นของเจียงหว่านเท่านั้น
“เจียงหว่าน ผมเคยสัญญากับคุณ คุณต้องการให้คุณปู่ยอมรับตำแหน่งผู้นำตระกูลเจียงของคุณ ผมก็จะมอบมันให้คุณ” มู่เซิ่งมองซีไห่ที่อยู่นอกหน้าต่าง และกล่าวเบา ๆ
และขณะนี้ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
“อาจารย์ คุณอยู่ที่ไหน? คุณลืมเรื่องที่สัญญากับฉันในวันนี้แล้วเหรอ?” กู่ชิงเสวียนกล่าวด้วยความเร่งรีบ
มู่เซิ่งมองนาฬิกา เพิ่งจะสิบโมงเช้า เขาจึงวางสายทันที
พวกเขานัดกันบ่ายสาม ยังเหลือเวลาอีกห้าชั่วโมง!
สำหรับกู่ชิงเสวียนแล้ว เธอไม่ได้เห็นหน้ามู่เซิ่งเป็นเวลาหลายวันแล้ว เมื่อก่อนเธอกลัวว่าจะไม่สามารถหาข้ออ้างได้ แต่ตอนนี้เขาเป็นอาจารย์ของเธอแล้ว เธอจึงไม่เกรงกลัว ดังนั้นเธอจึงโทรอีกครั้งทันที
“อาจารย์ คู่ต่อสู้ของวันนี้แข็งแกร่งมาก คุณต้องมาเตรียมตัวไว้แต่เนิ่น ๆ…….”
ขณะที่กู่ชิงเสวียนกำลังพูด ก็ถูกวางสายอีกครั้ง
คุณหนูอย่างเธอไม่เคยถูกใครวางสายแบบนี้มาก่อน เธอโกรธจนทุบตุ๊กตาหมีที่อยู่บนเตียง เพื่อระบายความโกรธ “มู่เซิ่ง มู่เซิ่งคนบ้า ฉันจะตีคุณให้ตาย!”
หลังจากทำงานยุ่งอยู่ในสำนักงานตลอดทั้งเช้า มู่เซิ่งก็เดินออกมาจากประตูอย่างช้า ๆ คิดว่าหลังจากทานอาหารกลางวันแล้ว ค่อยไปตามนัด
เมื่อเปิดโทรศัพท์ สิ่งที่ทำให้เขาพูดไม่ออกก็คือ เธอโทรมาเป็นร้อยสาย ผู้หญิงคนนี้โทรมาหาเขาทั้งเช้าเลยใช่ไหม?
“ผมกินข้าวแล้ว ถ้าคุณยังโทรมาอีก ผมก็จะไม่ไปตามนัด” หลังจากมู่เซิ่งพูดจบ เขาก็วางสายอีกครั้ง
คราวนี้ กู่ชิงเสวียนไม่กล้าโทรหาเขาอีกต่อไปแล้ว เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้กองกำลังเสริมอย่างมู่เซิ่ง ถ้าคราวนี้มู่เซิ่งไม่มา พวกเขาต้องแย่แน่นอน