มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 55 ขอแต่งงาน
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 55 ขอแต่งงาน
โรงบู๊เหยียนเต๋อ
ห้องส่วนตัวที่เงียบสงบ ชายชราหนึ่งคนและชายหนุ่มหนึ่งคนกำลังนั่งอยู่บนโซฟา พวกเขากำลังหลับตาพักผ่อน
“อาจารย์”
ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็กล่าวว่า “ท่านกับซ่งเหยียนหมิงประลองยุทธ และท่านเป็นฝ่ายชนะมากกว่าพ่ายแพ้ ตอนนี้เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน แล้วทำไมท่านยังรับปากประลองยุทธกับเขาอีก”
ชายหนุ่มแสดงสีหน้าสงสัย
ชายชรายิ้มจาง ๆ และกล่าวว่า “เสี้ยงอานวี่ คุณคิดว่าอาจารย์ของคุณไร้สาระขนาดนั้นเชียวเหรอ? อาจารย์จะประลองยุทธกับคู่ต่อสู้ที่แพ้ให้ตนเองทุกครั้งเหรอ? ช่วงหลายปีที่ผ่านมา คุณมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรเลยเหรอ?”
ชายชราชื่อโอวหยางฟู่เช่อ เป็นปรมาจารย์หมัดมวย และหมัดเหออีของเขามีชื่อเสียงในโลกบู๊ เขาและซ่งเหยียนหมิงฝึกหมัดมวยเป็นหลัก ดังนั้นพวกเขาสองคนจึงมักจะศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ด้านพละกำลังนั้น เขาแข็งแกร่งกว่าซ่งเหยียนหมิงเล็กน้อย
เสี้ยงอานวี่เป็นลูกศิษย์ของโอวหยางฟู่เช่อ และเขาเป็นผู้โดดเด่นในกลุ่มคนรุ่นใหม่เช่นกัน คนมากมายคิดว่าอีกไม่กี่ปี เสี้ยงอานวี่จะกลายเป็นเจ้าสำนักของโรงบู๊เหออีอย่างแน่นอน
“เรื่องนี้——”
เสี้ยงอานวี่พยายามนึกถึงสถานการณ์การต่อสู้หลายครั้งของอาจารย์
“อาจารย์จะบอกคุณว่า ถึงแม้ว่าหมัดมวยของซ่งเหยียนหมิงจะแข็งแกร่งดุดัน แต่การฝึกของเขามีปัญหาบางอย่างเทคนิคมวยบ้านสิ่งสำคัญที่สุดคือพลังภายในและพละกำลัง แต่ตอนนี้พลังภายในของเขาไม่มั่งคง ซึ่งตอนนี้เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอาจารย์ คราวที่แล้วใช้เวลามากและชนะด้วยความลำบาก นั่นเป็นเพราะอาจารย์ตั้งใจออมมือให้เขา”
โอวหยางฟู่เช่อยิ้มจาง ๆ และกล่าว
“แต่ในเมื่ออาจารย์สามารถเอาชนะเขาได้ แล้วทำไมอาจารย์ถึงจงใจแพ้?” เสี้ยงอานวี่ยังคงรู้สึกสงสัย
“คนอย่างเขาให้ความสำคัญกับเกียรติมากที่สุด ตามสถานการณ์ที่อาจารย์ต่อสู้กับเขาทุกปี พลังภายในของเขาแย่ลงทุกปี ตอนนี้เกรงว่าแม้แต่คุณก็สามารถเอาชนะเขาได้” โอวหยางฟู่เช่อกล่าว “คุณชอบลูกศิษย์ของเขาไม่ใช่เหรอ? เมื่อถึงเวลานั้น ตั้งเงื่อนไขเป็นการแต่งงาน มันก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย ๆ?”
เสี้ยงอานวี่ตกตะลึง เขานึกไม่ถึงว่าการประลองยุทธครั้งนี้ อาจารย์ทำเพื่อเขา
เขาชอบกู่ชิงเสวียนมานานแล้ว ถ้าเขาขอเป็นสัญญาแต่งงานตอนที่ประลอง และใช้ผลการประลองกับซ่งเหยียนหมิงเป็นเดิมพัน บางทีมันอาจจะสำเร็จ
“ขอบคุณครับ อาจารย์” เสี้ยงอานวี่รู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่ง
“ถึงแม้ว่าปีนี้ความแข็งแกร่งของเขาจะลดลงมาก แต่เขาก็ยังมีรากฐาน ขณะที่ต่อสู้ คุณต้องระมัดระวังให้มากกว่าเดิม และอย่าประมาทศัตรู” โอวหยางฟู่เช่อเตือน
“ครับ! อาจารย์ ศิษย์จะทำให้ดีที่สุด!” เสี้ยงอานวี่กล่าว
ณ.โรงบู๊เหยียนเต๋อ สมาชิกทุกคนล้วนอยู่ที่นี่ เพราะพวกเขารู้ว่าวันนี้เป็นการประลองยุทธประจำปีกับซ่งเหยียนหมิง พวกเขาจะมารวมตัวกันในเวลานี้ทุกปี เพราะพวกเขาเป็นนักฝึกบู๊ จึงไม่พลาดที่จะมาชมการประลองอย่างแน่นอน
แต่คนที่อยู่ที่นี่ นอกจากกู่ชิงเสวียนและซ่งเหยียนหมิงแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าวันนี้มู่เซิ่งจะมาร่วมการประลองด้วย
ไม่นาน
เมื่อซ่งเหยียนหมิงเดินเข้ามาในห้องโถง ทุกคนต่างรู้สึกกระสับกระส่าย
“ผู้อาวุโสซ่งเหยียนหมิง ในที่สุดคุณก็มาถึงแล้ว”
“ผู้อาวุโสซ่งเหยียนหมิง ช่วงนี้สุขภาพของคุณเป็นอย่างไรบ้าง? นี่คือโสมที่คุณพ่อของผมเตรียมไว้สำหรับคุณ และมอบให้คุณเป็นพิเศษ”
“ผู้อาวุโสซ่งเหยียนหมิง ในที่สุดผมก็ได้พบคุณแล้ว ผมฝึกบู๊มาสามปีแล้ว ผมสับสนเกี่ยวกับประเด็นหนึ่งในหมัดมวย หวังว่าคุณจะสามารถให้คำชี้แนะกับผมได้”
ซ่งเหยียนหมิงเป็นเจ้าสำนักของโรงบู๊เหยียนเต๋อ มีเพียงสมาชิกในตระกูลและลูกศิษย์อย่างกู่ชิงเสวียน ซูเคอ และซูขุยเสี่ย ที่มีพรสวรรค์ในการต่อสู้เท่านั้น ถึงจะสามารถเป็นลูกศิษย์ของเขาได้ ส่วนคนอื่น ๆ นั้นฝึกกับครูฝึกหมัดมวยคนอื่นของโรงบู๊เหยียนเต๋อเท่านั้น กระทั่งคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่เคยเห็นหน้าซ่งเหยียนหมิงเสียด้วยซ้ำ
ดังนั้นเมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องโถง ทำให้ทั่วห้องโถงเต็มไปด้วยเสียง
ซ่งเหยียนหมิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วทุกคนก็เงียบทันที
โอวหยางฟู่เช่อนั่งอยู่บนที่นั่ง และมีรอยยิ้มจาง ๆ ที่มุมปาก
ทุกคนรู้ว่าเขาแข็งแกร่งกว่าซ่งเหยียนหมิงเล็กน้อย การประลองปีนี้ ถ้าลูกศิษย์ของเขาสามารถเอาชนะซ่งเหยียนหมิงได้ เกรงว่าเรื่องนี้เพียงพอที่จะทำให้เกิดความโกลาหลในโลกบู๊
ถึงแม้เสี้ยงอานวี่จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แล้วเขาลงมือประลองเอง เขาก็มีความมั่นใจว่าจะเป็นฝ่ายชนะ
“ผู้อาวุโสซ่งเหยียนหมิงจะประลองกับโอวหยางฟู่เช่อด้วยตัวเองใช่ไหม?”
“เยี่ยมมาก เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พวกเราได้มีโอกาสชมการต่อสู้ของยอดฝีมือสองคน!”
“เจ้าสำนัก รีบลงมือเถอะ!”
ถึงแม้ว่าจะมีการประลองยุทธทุกปี แต่พวกเขาก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ สำหรับพวกเขาแล้ว โอกาสที่จะได้ชมการประลองแบบนี้มันมีน้อยมาก ทุกคนต่างตั้งตารอ และมองไปที่เวทีประลอง
“ชิงเสวียน ไม่ได้เจอกันนาน” เสี้ยงอานวี่มองกู่ชิงเสวียนด้วยสายตาเร่าร้อน และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าอยู่ในดวงตา
กู่ชิงเสวียนไม่ชอบเสี้ยงอานวี่ เธอพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา และไม่พูดอะไร
“ซ่งเหยียนหมิง วันนี้คนมาชมการประลองของพวกเรามากกว่าเมื่อก่อน ดังนั้นพวกเรามาตั้งรางวัลประลองกันดีไหม?” โอวหยางฟู่เช่อลูบเคราและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ซ่งเหยียนหมิงขมวดคิ้ว ชายชราคนนี้กำลังวางแผนอะไรอยู่?
“คุณต้องการรางวัลอะไร?” ซ่งเหยียนหมิงงถาม
“อานวี่ ลูกศิษย์ของผมชอบชิงเสวียนมานานแล้ว ถ้าวันนี้คุณเป็นฝ่ายแพ้ ก็ให้พวกเขาสองคนงานแต่งงานกัน คุณว่าไง?” โอวหยางฟู่เช่อกล่าว
ซ่งเหยียนหมิงรู้สึกตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าชายชราคนนี้จะไร้ยางอายขนาดนี้ และวางแผนคิดไม่ดีกับกู่ชิงเสวียน
ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้ว่ากำลังของตนเองด้อยกว่า และเห็นได้ชัดว่าเขาเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว!
“มู่สวีน เรื่องนี้……” ซ่งเหยียนหมิงถามพร้อมขมวดคิ้ว
ท่าทางของกู่มู่สวีนสงบมาก เขาได้ยินหลานสาวบอกว่าวันนี้มู่เซิ่งจะมาร่วมประลองด้วย ดังนั้นเขาจึงมีความมั่นใจ เขาประสานมือทั้งสองข้างเป็นการคำนับไปทางซ่งเหยียนหมิง และกล่าวว่า “ผมมั่นใจในตัวท่านซ่ง”
“ฮ่า ๆ ๆ ซ่งเหยียนหมิง แม้แต่ท่านกู่ก็ไม่คัดค้านแล้ว ทำไมคุณยังใจเสาะอีก? ถ้าคุณสามารถเอาชนะผมได้ ผมจะยอมรับว่าหมัดสยบหินของพวกคุณดีกว่าหมัดเหออีของผม แล้วผมจะไปชี้แนะที่โรงบู๊เหยียนเต๋อเป็นเวลาครึ่งเดือน คุณว่าไง?” โอวหยางฟู่เช่อกล่าว
ซ่งเหยียนหมิงรู้สึกตกใจ
เงื่อนไขสองข้อนี้ เป็นสิ่งที่เขาใฝ่ฝัน ตอนสมัยหนุ่มเขาแข็งแกร่งมาก หมัดสยบหินสามารถสยบทุกสำนัก แต่น่าเสียดายที่คนอย่างโอวหยางฟู่เช่อเป็นคนที่ไร้ยางอาย ไม่ว่าพวกเขาจะต่อสู้อย่างไร เขาก็ไม่ยอมรับว่าหมัดเหออีของเขานั้นด้อยกว่าหมัดสยบหินของพวกเขา ตอนนี้เมื่อตนเองแก่ชราและพลังลดลงไปมาก และเป็นฝ่ายพ่ายแพ้มากกว่าชนะ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่โอวหยางฟู่เช่อจะยอมรับ
ตอนนี้ได้รับการยอมรับแล้ว กระทั่งโอวหยางฟู่เช่อจะไปชี้แนะที่โรงบู๊เหยียนเต๋ออีกด้วย ซึ่งมันสามารถทำให้ฝีมือของซ่งเหยียนหมิงก้าวขึ้นไปอีกระดับ
“ซ่งเหยียนหมิง ถ้าคุณกลัว คราวนี้ผมจะให้เสี้ยงอานวี่ ลูกศิษย์ของผมเป็นคนประลอง” โอวหยางฟู่เช่อกล่าว
เสี้ยงอานวี่เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว กำหมัดทั้งสองเป็นการคำนับ และกล่าวว่า “ขอคำชี้แนะจากท่านซ่งด้วย”
ซ่งเหยียนหมิงขมวดคิ้ว คราวนี้เขารู้จุดประสงค์ของชายชราคนนี้แล้ว เขารู้สึกโกรธ โอวหยางฟู่เช่อรู้ว่าพลังความแข็งแกร่งของตนเองลดลง คราวนี้เขาไม่เพียงแค่ใช้ลูกศิษย์มาทำให้ตนเองอับอายขายหน้าเท่านั้น แต่ยังต้องการให้ลูกศิษย์ของเขาแต่งงานกับกู่ชิงเสวียนอีกด้วย เป็นแผนการที่ดี ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!
“ชิงเสวียน หมัดที่อาจารย์ของคุณฝึกนั้นไม่ใช่หมัดสยบหิน แต่เป็นหมัดเต่าหดหัวมั้ง?”
เมื่อเห็นซ่งเหยียนหมิงไม่เคลื่อนไหว โอวหยางฟู่เช่อที่ยืนอยู่ด้านข้าง กล่าวด้วยรอยยิ้ม
กู่ชิงเสวียนรู้สึกโกรธมาก อาจารย์ของเขาจะเป็นเต่าหดหัวได้อย่างไร
เธอกัดฟันและกระซิบกับซ่งเหยียนหมิงว่า “อาจารย์ มู่เซิ่งรักษาอาการป่วยของท่านหายแล้วไม่ใช่เหรอ? ท่านออกไปจัดการเขาให้หนักเลย!”
ซ่งเหยียนหมิงยิ้มด้วยความขมขื่น มู่เซิ่งบอกเขาว่าห้ามใช้พลังภายในเป็นเวลาครึ่งปี มิฉะนั้น จะทำให้เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย
“ผู้อาวุโสซ่ง ถ้าคุณไม่กล้าต่อสู้จริง ๆ ผมก็จะไม่บังคับคุณ” เสี้ยงอานวี่พูดยั่วยุ
ขณะนี้ ฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์เสียงดัง พวกเขานึกไม่ถึงว่าผู้อาวุโสซ่งเหยียนหมิงจะเป็นคนขี้ขลาด
และขณะนี้ ในที่สุดซ่งเหยียนหมิงก็เห็นมู่เซิ่งผลักประตูและเดินเข้ามา เขาขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ผมเป็นผู้อาวุโส ถ้าผมต่อสู้กับคุณ แล้วชนะคุณ มันจะไม่สมศักดิ์ศรี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผมจะให้ลูกศิษย์ของผมประลองแทน คุณว่าไง? และถ้าเขาเป็นฝ่ายแพ้ ผมยินยอมให้คุณแต่งงานกับกู่ชิงเสวียน”