มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 66 เล่นละครจนเป็นเรื่องจริง
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 66 เล่นละครจนเป็นเรื่องจริง
ถูกกลุ่มคนโอบล้อมเอาไว้ มู่เซิ่งจึงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย และพูดว่า: “ที่นี่คับแคบเกินไป ไปคุยกันที่ห้องโถงดีกว่า”
“ได้สิ ไปกันที่ชั้นสอง! ”
กวนหยังส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา สถานที่คับแคบขนาดนี้ เขาเองก็ไม่สามารถที่จะออกหมัดสั่งสอนมู่เซิ่งได้สะดวกเช่นกัน
อีกทั้งที่ชั้นห้า ผู้คนที่ไปมานั้นส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่ค่อนข้างมีเงิน ถ้าหากเกิดการลงมือขึ้นจริง จะกลายเป็นว่าไปส่งผลกระทบต่อคนอื่นได้ เพราะว่าถึงอย่างไรเขาก็เป็นรองผู้จัดการของที่นี่
มู่เซิ่งกับหลี่นั่วหนานถูกล้อมอยู่ที่ตรงกลาง และเดินตรงไปที่ประตูบันไดอย่างไม่สะทกสะท้าน ทางเดินระเบียงขนาดสี่ถึงห้าเมตร ดูแล้วแออัดเป็นอย่างมาก
ส่วนภายในห้องรับรอง
เจียงหว่านเห็นว่าเป็นเวลานานแล้วมู่เซิ่งยังไม่กลับมา ก็เกิดความแปลกใจขึ้น เมื่อออกมาดู ก็พบว่ามู่เซิ่งถูกคนกลุ่มหนึ่งโอบล้อมเอาไว้ เธอจึงตะโกนขึ้นอย่างตกใจว่า “มู่เซิ่ง นายไม่เป็นไรใช่ไหม? ทำไมถึงได้มีคนมากมายมาโอบล้อมนายเอาไว้ด้วยล่ะ? ”
เมื่อได้ยินที่เจียงหว่านพูด จางเหวินเจี๋ยก็ดีใจอย่างมาก นึกว่าหลี่นั่วหนานปฏิบัติภารกิจเสร็จได้รวดเร็วขนาดนี้เลย จึงได้ชะโงกหน้าออกมาจากห้องรับรอง
ที่ด้านนอกห้องรับรอง มู่เซิ่งถูกพวกอันธพาลโอบล้อมเอาไว้ ด้านข้างเขานั้น คือหลี่นั่วหนานที่เสื้อผ้าถูกฉีกขาดหลุดรุ่ย อยู่ในสภาพที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ทำไมถึงได้มีพวกอันธพาลมากมายขนาดนี้ด้วย?
จางเหวินเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น สถานการณ์ในเวลานี้ มันแตกต่างกับที่เขาได้วางแผนเอาไว้ แต่ในเมื่อมีละครให้ชม แน่นอนว่าเขาคงจะไม่พลาด จึงรีบออกมาจากห้องรับรองและเดินตามไป
เพื่อนร่วมชั้นที่เดิมทีกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานนั้น ก็ตามติดจางเหวินเจี๋ย พากันเดินออกมาทีละคนทีละคน
คนกลุ่มนี้เดินมากันอย่างไม่สะทกสะท้าน จากชั้นห้าลงมาถึงที่ชั้นสองของ Royal Club
ห้องโถงของ Royal Club มีขนาดกว้างขวาง ลูกโป่งและดอกกุหลาบที่เดิมทีกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นนั้นได้ถูกเก็บกวาดอย่างสะอาดแล้ว เมื่อมาถึงชั้นสอง มู่เซิ่งก็ถูกพวกอันธพาลเหล่านี้โอบล้อมด้านในสามชั้นและด้านนอกสามชั้นอย่างรวดเร็ว
ยามรักษาความปลอดภัยสองคนเห็นสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว จึงคิดที่จะเข้ามาสอบถามเหตุการณ์ แต่หลังจากที่เห็นผู้จัดการกวนแล้ว ก็รีบเดินจากไปทันที
“มู่เซิ่ง เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ? ”
เจียงหว่านได้สอบถามขึ้นอย่างร้อนใจ ผ่านกลุ่มคนที่แออัดเหล่านั้น
เธอคิดที่จะเดินเข้าไปสอบถามมู่เซิ่งอย่างชัดเจนต่อหน้า แต่น่าเสียดายที่พวกอันธพาลนั้นมีจำนวนมากเหลือเกิน เธอจึงทำได้เพียงมองมาจากระยะไกล
ถูกหลายสิบคนโอบล้อมเอาไว้ โดยผู้จัดการกวนยืนอยู่ด้านหน้าสุด ซึ่งร่างกายอ้วนอย่างกับหมู ใบหน้าด้านซ้ายที่ถูกตบเมื่อครู่นั้นยังคงแดงและบวมเป่ง มุมปากยังคงมีรอยเลือด สายตาเคียดแค้นอย่างที่สุด
“ไอ้บ้านนอก นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ” ผู้จัดการกวนยิ้มเยาะ และพูดขึ้นเสียงดัง
“ไม่รู้” มู่เซิ่งส่ายศีรษะ
“ฉันมีชื่อว่ากวนหยัง เป็นรองผู้จัดการของที่นี่! ” ผู้จัดการกวนพูดขึ้น ด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
เมื่อพูดจบ
ผู้คนที่อยู่บริเวณโดยรอบ ต่างก็ส่งเสียงอุทานกันขึ้น
คือกวนหยังนี่เอง
แม้ว่าเขาจะเป็นรองผู้จัดการของ Royal Club แต่ Royal Club อยู่ในสังกัดของท่านหลง ซึ่งมีสถานะที่สูงส่ง ไปทั่วทั้งเมื่อเจียงหนานนี้
ท่านหลงมีทรัพย์สมบัติมากมาย จึงไม่ได้จะมาอยู่ที่ Royal Club ตลอดเวลา ดังนั้นตอนที่ท่านหลงไม่อยู่ กวนหยังจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้คุมอำนาจของ Royal Club แห่งนี้! ตอนนี้เด็กหนุ่มคนที่อยู่เบื้องหน้าได้หาเรื่องเขา คาดว่าคงจะต้องโชคร้ายเป็นแน่
“กล้าที่จะทำร้ายฉัน ไอ้บ้านนอก นายแม่งจะต้องตายแน่นอน! ”
กวนหยังพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “พวกนายสองคน เตะขาของเขาให้หักเดี๋ยวนี้! ”
“รับทราบ! ”
อันธพาลสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของกวนหยัง ที่ดูแล้วมีร่างกายกำยำที่สุดนั้นได้เดินขึ้นมาด้านหน้าและตอบรับ
ตุบตุบ!
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะยกขาขึ้น ก็ถูกมู่เซิ่งเตะจนล้มกลิ้งไปที่พื้น คุกเข่าที่พื้นอย่างพร้อมเพรียง และโอบกอดหัวเข่าพร้อมกับตะโกนร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด
“แม่ง นายยังกล้าจะตอบโต้อีก! นายแม่งไหนลองตอบโต้ดูอีกสักครั้งซิ? ” กวนหยังดุด่าอย่างโมโห “พวกนายกี่คน ลุยเข้าไปพร้อมกันเลย! “
พวกนักเลงที่อยู่โดยรอบจึงได้โอบล้อมกันเข้ามา
พวกเขาทยอยกระโจนเข้าใส่มู่เซิ่ง ในขณะที่มู่เซิ่งเตรียมที่จะตอบโต้กลับนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากกลุ่มคนอย่างกะทันหัน:
“ช้าก่อน! ”
“ใครกัน? ” ผู้จัดการกวนตกใจ ส่วนพวกอันธพาลสองคนนั้นก็หยุดลงมือในทันที
“ผู้จัดการกวน อย่าได้ลงมือเลย จางเหวินเจี๋ยยืนตะโกนมาจากบริเวณด้านนอกของกลุ่มคน”
กวนหยังกวาดสายตามองสังเกตไปที่ร่างของจางเหวินเจี๋ย แต่ก็ไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร แต่เมื่อมองดูการแต่งกายของอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว น่าจะเป็นพวกลูกเศรษฐีที่มีฐานะไม่เลว จึงได้ถามขึ้นว่า “นายเป็นใคร? ”
“ฉันชื่อว่าจางเหวินเจี๋ย”
จางเหวินเจี๋ยพูดขึ้นว่า “พ่อของฉันชื่อว่าจางโข่วกู่ คือคนที่ประกอบกิจการการค้าระหว่างประเทศคนนั้นยังไงล่ะ”
“ประกอบกิจการการค้าระหว่างประเทศ? ”
กวนหยังนึกขึ้นได้ว่า ช่วงก่อนหน้านี้เขา ได้รู้จักกับเถ้าแก่คนหนึ่งที่ประกอบกิจการการค้าระหว่างประเทศที่ชื่อจางโข่วกู่ มีสถานะทรัพย์สินเป็นร้อยล้าน อีกทั้งกลับมาจากต่างประเทศ และมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดี กับมู่ซื่อ กรุ๊ปด้วย
หลังจากที่กลับมาแล้ว ก็ได้ช่วยลูกชายของเขาให้เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัทมู่หราน ดูจากสภาพการณ์แล้ว เหมือนที่จะวางแผนให้ไปอบรมบ่มเพาะประสบการณ์ในมู่ซื่อ กรุ๊ปด้วย
กวนหยังสีหน้าเปลี่ยนไป แม้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา แต่ที่นี่ คือ Royal Club จึงพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เดิมทีก็คือคุณชายจางนั่นเอง มีธุระอะไรไหม? ”
นักเลงที่อยู่สองข้างต่างก็ไม่รู้จักจางเหวินเจี๋ย แต่เมื่อเห็นท่าทีของกวนหยังแล้ว ก็เลยถอยหลังแยกกันออกมา ปล่อยให้จางเหวินเจี๋ยเดินเข้ามาด้านใน
จางเหวินเจี๋ยเดินมาถึงด้านหน้าของมู่เซิ่ง สีหน้าท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง และพูดว่า: “ผู้จัดการกวน เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ? สองคนนี้ที่ถูกโอบล้อมนั้น คือเพื่อนที่อยู่ในห้องรับรองเดียวกันกับฉัน”
“ฮึ มาด้วยกันกับคุณชายจางแล้วจะทำไม? ได้ล่วงเกินฉันแล้ว เรื่องนี้ไม่มีทางที่จะยอมกันได้ง่ายเด็ดขาด! ” กวนหยังส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา และพูดขึ้น
แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการล่วงเกินต่อจางเหวินเจี๋ย แต่เมื่อควบคุมดูแล Royal Club มาเป็นเวลานานขนาดนี้ ถ้าหากปล่อยมู่เซิ่งไปแบบนี้ ต่อไปเขาจะควบคุมดูแลต่อไปได้อย่างไรอีก?
จางเหวินเจี๋ยได้กวาดสายตามองไปที่มู่เซิ่งอีกครั้ง ยิ้มและพูดว่า “ผู้จัดการกวน อย่าได้โมโหไปเลย ผู้หญิงคนนี้ คือเพื่อนของฉันจริง แต่ผู้ชายคนนี้ ฉันไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไร แล้วแต่คุณจะจัดการเลย! ”
แล้วแต่ฉันจะจัดการเลย?
ผู้จัดการกวนตกใจ เมื่อเห็นสีหน้าทางทางของเขาแล้ว ก็พลันรับรู้ได้ทันทีว่าจางเหวินเจี๋ยเองก็กำลังที่จะเล่นงานมู่เซิ่งอยู่เหมือนกัน
ส่วนผู้หญิงคนนี้ ก็น่าจะเป็นจางเหวินเจี๋ยที่ตั้งใจสั่งให้หล่อนมายั่วยวนมู่เซิ่ง
คิดถึงตรงนี้แล้ว กวนหยังจึงได้เปลี่ยนจากละครให้เป็นเรื่องจริง ชี้ไปที่มู่เซิ่ง และพูดด้วยความโกรธแค้นอย่างเป็นธรรมว่า “คุณชายจาง ไม่ใช่ว่าฉันไม่ให้เกียรติคุณ แต่ไอ้หนุ่มคนนี้ มันช่างทำเกินไปยิ่งนัก! ”
“ก่อนหน้านี้ฉันเดินอยู่ที่ทางเดินระเบียง เห็นว่าเขากำลังลวนลามผู้หญิงคนนี้อยู่ หลังจากที่ฉันพบเห็นเข้า ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ฟัง แต่กลับลงมือทำร้ายฉันอย่างหนักด้วย”
กวนหยังพูดด้วยความโกรธแค้นอย่างเป็นธรรมว่า: “ฉันทนต่อความโกรธแค้นนี้ไม่ได้จริง ๆ ต่อให้คุณไม่ยอมให้ฉันแก้แค้น แต่ฉันก็จะต้องแจ้งตำรวจอย่างแน่นอน! ”
ตูม—–
เมื่อกวนหยังพูดจบ ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ก็เดือดดาลกันขึ้นทันที
พวกเขามองไปยังมู่เซิ่งด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม
“แม่ง ลวนลามผู้หญิง? ”
“มิน่าล่ะที่ฉันเห็นว่าเสื้อผ้าของผู้หญิงถูกฉีดขาดหลุดรุ่ยไปหมดแล้ว ที่จริงแล้วก็คือไอ้เดรัจฉานนี้เป็นคนกระทำ! ”
“อีกทั้ง เขาไม่เพียงแต่จะลวนลามผู้หญิง ยังจะทำร้ายคนอื่นด้วย! ช่างทำเกินไปเหลือเกิน! ”
“ใช่เลย! ฉันทนเห็นไม่ได้จริง ๆ ไอ้คนสารเลวที่บังคับลวนลามผู้หญิง หากว่าฉันเห็นกับตา ฉันจะต้องจัดการมันอย่างแน่นอน! การจัดการกับคนสารเลวแบบนี้ ห้ามอ่อนข้อโดยเด็ดขาด! ”
จางเหวินเจี๋ยยืนอยู่ที่ด้านข้าง สีหน้าแฝงไปด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง และมองไปที่มู่เซิ่ง แม้ว่าเหตุการณ์จะคลาดเคลื่อนไปจากที่เขาวางแผนเอาไว้ แต่ผลลัพธ์เป็นแบบเดียวกัน
ครั้งนี้ เขาไม่เพียงแต่จะทำให้มู่เซิ่งเสื่อมเสียชื่อเสียง ยังจะจับตัวเขาส่งเข้าไปในคุกอีกด้วย!
“ไอ้ขยะ นายตายแน่! ”
จางเหวินเจี๋ยมองไปที่มู่เซิ่ง อย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง