มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 68 ท่านหลงมาแล้ว
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 68 ท่านหลงมาแล้ว
“นาย นายพูดอะไรนะ? ” จางเหวินเจี๋ยถามขึ้นด้วยความเหลือเชื่อ
ภายในห้องโถงเงียบสงบลง
เหมือนกับถูกกดปุ่มบังคับหยุด ผู้คนโดยรอบต่างชะงักงันอยู่กับที่ พวกเขาคิดไม่ถึงว่า มู่เซิ่งจะพูดคำแบบนี้ออกมา
เดิมทีพวกเขานึกว่ามู่เซิ่งจะทนรับความกดดันไม่ไหว แล้วคุกเข่าขอโทษ เพราะใครต่างก็ไม่อยากที่จะไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า มันแตกต่างกับสิ่งที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้
มู่เซิ่งเงยหน้าขึ้น มองไปที่จางเหวินเจี๋ยอย่างเย็นชา และพูดขึ้นทีละคำทีละคำว่า “ฉันบอกว่า ทำไมนายถึงไม่ไปคุกเข่าอยู่ที่นั่นเองล่ะ คุกเข่าจนกว่าที่แห่งนี้ปิดบริการไปเลย? ”
Royal Club จะปิดบริการในช่วงรุ่งเช้าตรู่ ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายสองโมงเอง ให้เขาคุกเข่าอยู่ตรงนั้น คงจะต้องคุกเข่าจนขาหักกันไปข้าง และยังจะมาแกล้งทำเป็นช่วยเหลือตนเองอีก?
ไสหัวไปให้ไกลเลย!
เมื่อพูดคำนี้ออกมา
จางเหวินเจี๋ยก็เกิดความโมโหขึ้นไม่น้อย แม้แต่ทุกคนที่อยู่รอบข้างก็ยังเกิดความโมโหขึ้นด้วย
“แม่ง ไอ้หนุ่มนี้นึกว่าตนเองเป็นใครกันวะ? ”
“แม่งช่างกำเริบเสิบสานชะมัด? คนอื่นช่วยเหลือเขา ยังจะถูกเขาย้อนกลับมาดุด่าอีก คนประเภทนี้ ไม่สมควรที่จะไปช่วยเหลือ! ”
“ใช่สิ คนประเภทนี้ต้องสมควรเรียกตำรวจมาเลย ให้เขาได้ประสบกับความลำบากเสียบ้าง! ”
“เจ้าหนุ่ม หากวันนี้นายไม่คุกเข่า ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากที่นี่! ” กวนหยังพูดขึ้นหลังจากเห็นสถานการณ์ที่ดุเดือด พร้อมกับโบกมือไปมา
เดิมทีพวกนักเลงที่ยืนกันอยู่ด้านข้างนั้นก็อดใจไม่ไหวแล้ว ต่างก็โอบล้อมกันเข้ามา แต่ละคนถือกระบองเหล็ก หากพูดกันดี ๆ ไม่ได้แล้วก็เตรียมพร้อมที่จะลงมือจัดการทันที
จางเหวินเจี๋ยมองไปที่มู่เซิ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “ไอ้ขยะ นายเองที่กำลังรนหาที่ตาย อย่าได้หาว่าฉันไม่ช่วยเหลือนายนะ! ”
“ฉันต้องการความช่วยเหลือจากนายเหรอ? ”
มู่เซิ่งไม่แม้แต่จะขยิบตา
“นาย! แม่ง! ”
จางเหวินเจี๋ยโกรธแค้นจนร่างกายสั่นเทา มือไม้สั่น เพียงแค่พูดกับมู่เซิ่งไม่กี่คำ ก็โกรธจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว ท้ายสุด ก็ได้สะบัดมือและพูดขึ้นด้วยความโมโหว่า “ผู้จัดการกวน เรื่องนี้ฉันจะไม่ขอยุ่งด้วยแล้ว คุณมาแก้ไขจัดการเองเถอะ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ กวนหยังก็ราวกับเลือดสูบฉีดแรงขึ้น ส่งเสียงคำราม แล้วก็พาพวกนักเลงที่อยู่ด้านหลังพุ่งเข้าใส่ทันที
“ลุย จับตัวมันเอาไว้ให้ได้! ”
กวนหยังชี้ไปที่มู่เซิ่ง พร้อมกับตะโกนเสียงดัง
“รับทราบ! ”
พวกนังเลงที่อยู่ด้านหลังต่างก็อัดอั้นไม่อยู่มานานแล้ว กวัดแกว่งกระบองเหล็ก และโจมตีใส่ทันที
กวนหยังเห็นเหตุการณ์นี้แล้ว ก็เอามือกอดอก อดที่จะควบคุมรอยยิ้มที่มุมปากเอาไว้ไม่ได้ เหมือนว่าเมื่อได้เห็นภาพที่มู่เซิ่งถูกลูกน้องของเขารุมทำร้าย และคุกเข่าบนพื้นเพื่อร้องขอชีวิตแล้ว
“อย่าเพิ่งลงมือถึงตายก่อน ไอ้หนุ่มนี้กล้าที่จะชกฉัน พวกนายทุบตีขาของเขาให้หักลงก่อน ให้เขาคุกเข่าต่อหน้าของฉัน—-”
คำสุดท้ายยังไม่ทันได้พูดจบ กวนหยังก็พลันเบิกตาโพลงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงตะโกนที่ดุเดือดนั้น ก็พลันหยุดลงอย่างกะทันหัน ราวกับว่าถูกคนบีบไปที่ลำคอ ไม่มีเสียง
สายตาของเขาหยุดชะงักลงและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ด้านหน้าของเขานั้น ได้มีเงาร่างคนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาในทันใด
ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่เป็นกลุ่มคน!
ตุบตุบตุบ!
เสียงหมัดกระทบเข้ากับร่างกายติดต่อกัน ดังขึ้นที่ข้างหูของเขา ราวกับลมพัดโหม กวนหยังหันหน้ากลับมา ก็เห็นว่ามีเงาร่างคนจำนวนนับไม่ถ้วนลงมาจากอากาศ ก่อตัวกันขึ้นเป็นภูเขาร่างคนขนาดเล็ก
“นายคิดที่จะตบหน้าฉัน? ”
มู่เซิ่งเดินมายืนอยู่ที่ด้านหน้าของกวนหยัง อย่างไม่สะทกสะท้าน
“ฉัน ฉัน……”
ผู้จัดการกวนเหงื่อไหลเต็มฝ่ามือ ตกใจและมองไปรอบข้างโดยไม่รู้ตัว
ด้านข้างของมู่เซิ่ง ไม่มีคนยืนอยู่แล้ว!
เขาคิดไม่ถึงว่า ไอ้ขยะที่โด่งดังไปทั่วเจียงหนาน จะมีฝีมือการต่อสู้ระดับนี้ คนเดียวจะสามารถจัดการนักเลงหลายสิบคนได้ นี่คือพลังความสามารถของปรมาจารย์นักบู๊เลยทีเดียว!
แต่ว่า เขาไม่มีเวลาที่จะไปคิดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว
ตุบบ!
มู่เซิ่งฉีกยิ้ม จากนั้น ก็ชกหมัดไปที่ใบหน้าของกวนหยังอย่างแรง
ขาสองข้างของกวนหยังลอยขึ้นจากพื้น ร่างกายที่มีน้ำหนักกว่าร้อยกิโลกรัม ถูกชกกระเด็นลอยไปในอากาศ
ผู้คนรอบข้างที่มุงดูนั้นถึงกับตะลึงไปเลย
คนที่หนักกว่าหนึ่งร้อยกิโลกรัม
หมัดเดียว เพียงหมัดเดียวก็กระเด็นลอยไปไกลแล้ว?
พวกนักเลงที่เพิ่งจะคลานตัวขึ้นมาได้นั้นก็ถึงกับอ้าปากค้าง ถึงขนาดลืมที่จะไปรองรับตัวของกวนหยัง โดยมองดูเขากระเด็นลอยไปในอากาศกว่าห้าถึงหกเมตร แล้วก็ร่วงตกลงมาที่พื้นอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดอย่างหนักทำให้กวนหยังต้องขดตัวลง ใบหน้าด้านซ้ายบวมเป่งขึ้นมาแล้ว
“อ๊ากก! ”
กวนหยังอ้าปาก กระอักเลือดออกมา ผสมกับฟันที่หักและพ่นลงไปบนพื้น
“เป็นอย่างไรบ้าง นายไม่ใช่ว่าต้องการจะชกฉันหรอกเหรอ? ”
มู่เซิ่งเดินมาตรงที่ด้านหน้าของกวนหยัง นักเลงที่เดิมทียืนอยู่ด้านข้างของเขานั้น ก็ราวกับเป็นหนูที่พบเจอแมว ตกใจจนถึงกับถอยร่น ยังจะกล้าขัดขวางที่ไหนอีกล่ะ
“นายไม่ได้ต้องการจะชกฉันหรอกเหรอ? ”
มู่เซิ่งคว้าเนคไทด์ของกวนหยัง แล้วใช้มือข้างเดียวยกร่างเขาขึ้น
“นายยังต้องการที่จะตีขาฉันให้หักไม่ใช่เหรอ แล้วให้ฉันคุกเข่าที่ตรงนี้ไม่ใช่เหรอ? แล้วนายทำไมไม่ลองทำดูเองล่ะ! ”
ขณะที่พูดนั้น มู่เซิ่งก็ใช้ขาเตะไปที่หัวเข่าของกวนหยัง กวนหยังเจ็บปวดจนถึงกับตะโกนร้องออกมา จากนั้นหัวเข่าสองข้างก็คุกเข่าลงไปที่พื้นอย่างพร้อมเพรียง
กร็อกแกร็ก—-
เมื่อเสียงกระดูกหักดังขึ้น กวนหยังก็มีสีหน้าท่าทางที่บิดเบี้ยว อวัยวะบนใบหน้าเปลี่ยนไปทันที
เวลานี้ มีพวกนักเลงในชุดสูทสีดำหลายคนวิ่งลงมาจากชั้นบน พวกเขาไม่ใช่นักเลงทั่วไป มีร่างกายแข็งแกร่งบึกบึน แต่ก็ยังคงถูกมู่เซิ่งเตะจนกระเด็นไปไกล
“เป็นอย่างไรบ้าง ความรู้สึกของการคุกเข่านั้นสบายมากไหม? นายคุกเข่าอยู่ที่นี่ไปจนที่แห่งนี้ปิดบริการเถอะ” มู่เซิ่งพูดขึ้นอย่างเย็นชา คว้าไปที่เนคไทด์ของกวนหยัง โดยร่างกายยังคงยืนอยู่กับที่
“พวกนาย รู้สึกว่าฉันทำเกินไป คิดที่จะลงมือทำร้ายฉันไม่ใช่เหรอ? ”
มู่เซิ่งหันหน้ากลับมา กวาดสายตามองไปที่ทุกคน “ตอนนี้ฉันยืนอยู่ที่นี่ พวกนายทำไมไม่เข้ามาลงมือจัดการฉันเพื่อความชอบธรรมล่ะ! ”
เมื่อพูดจบ ความน่ากลัวก็ได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งห้องโถง มู่เซิ่งกวาดสายตามองไปยัง กลุ่มคนโดยรอบที่ก่อนหน้านี้เสแสร้งทำเป็นจริงใจรักความยุติธรรม ทั้งตำหนิดุด่าเขา และบอกว่าจะแจ้งตำรวจจับเขานั้น ต่างก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไรออกมาเลย
จางเหวินเจี๋ยสีหน้าย่ำแย่ ถึงแม้เวลานี้มู่เซิ่งจะไม่ได้มองไปที่เขา แต่ก็ยังตกใจกลัวจนต้องถอยร่น
หลี่นั่วหนานเองก็ยิ่งตกใจหนักขึ้นไปอีก คิดไม่ถึงว่ามู่เซิ่งจะมีฝีมือที่เก่งกาจขนาดนี้
เมื่อพูดจบ
ทั้งห้องโถงก็เงียบกริบลงทันที!
ท่ามกลางผู้คนในสถานที่แห่งนี้ มีเพียงแต่เจียงหว่านเท่านั้นที่จ้องมองไปยังมู่เซิ่ง
ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอเองก็ไม่เชื่อว่ามู่เซิ่งจะกระทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
พลังความสามารถของเขา เป็นสิ่งที่พิสูจน์ยืนยันได้เป็นอย่างดีที่สุด!
ถ้าหากมีฝีมือระดับนี้ เขาคิดที่จะบังคับขืนใจ ยังจะถูกพบเห็นอีกเหรอ? ถึงขนาดที่หลังจากที่พบเห็นแล้ว กวนหยังยังจะมีโอกาสหนีรอดเหรอ? การใส้ร้ายแบบนี้ มันช่างน่าขันเกินไปยิ่งนัก!
เวลานี้ ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้น กลุ่มคนด้านหลังก็พลันคึกคักกันขึ้นมา
“หลีกไป หลีกไป ท่านหลงมาแล้ว”
“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นท่านหลง? ”
“เป็นเรื่องยากมาก นึกไม่ถึงว่าท่านหลงจะมาแล้ว! ”
“ท่านหลงก็คือเถ้าแก่เบื้องหลังที่แท้จริงของ Royal Club ไอ้หนุ่มนี้กล้าที่จะทำร้ายรองผู้จัดการของ Royal Club เกรงว่าคงจะต้องตายอย่างอนาจเป็นแน่”
“ท่านหลง—-”
เมื่อกวนหยังที่อยู่ในน้ำมือของมู่เซิ่งได้ยินดังนั้น สีหน้าท่าทางก็ทั้งตื่นเต้นและดีใจ ใช้แรงขยับศีรษะที่อ้วนกลมของตนเอง และส่งเสียงร้องอู้อี้อู้อี้
“ท่านหลง ช่วยฉันด้วย! ”
ส่วนพวกนักเลงคนอื่นเมื่อได้ยินว่าท่านหลงมาถึงแล้ว ก็ไม่ได้พุ่งตรงเข้าไปหา โดยยืนอย่างเคารพอยู่ด้านข้าง
ทุกสิ่งทุกอย่างรอให้ท่านหลงมาเป็นคนจัดการ
เวลานี้จางเหวินเจี๋ย ก็มีรอยยิ้มที่เย็นชา
ท่านหลงมีชื่อเสียงโด่งดัง แทบจะไม่มีใครไม่รู้จัก ในฐานะที่เป็นผู้มีอิทธิพลอำนาจท้องถิ่นอันดับหนึ่งของเจียงหนาน เขาได้แบ่งสัดส่วนพื้นที่ของเจียงหนานออกมากว่าครึ่ง ทรัพย์สมบัติที่อยู่เบื้องหลังนั้น มากมายจนนับไม่ถ้วน ถ้าต้องการชีวิตของมู่เซิ่งจริง ๆ ล่ะก็ เพียงแค่พูดคำเดียว ก็จะมีผู้คนรุมเข้าจัดการในทันที สามารถทำให้เขาตายลงอย่างอนาจได้
“คิดไม่ถึงว่านายจะกล้าลงมือทำร้ายคนในสถานที่ของท่านหลง! นายต้องตายแน่ ต่อให้มีสิบชีวิตก็หนีไม่รอด! ” จางเหวินเจี๋ยมองไปยังมู่เซิ่ง พร้อมกับหัวเราะเสียงดัง