มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 70 เรื่องจริงถูกเปิดเผย
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 70 เรื่องจริงถูกเปิดเผย
หลี่นั่วหนานก็พลันน้ำตาคลอเบ้า
เธอเสียใจอย่างที่สุด
เดิมทีนึกว่ามู่เซิ่งเป็นเพียงลูกเขยที่ย้ายมาอยู่กับฝ่ายหญิง ไม่มีเบื้องหลังอะไรที่ให้พูดถึงแม้แต่น้อย แต่ในวันนี้ นี่ใช่คนธรรมดาที่ไหนกันล่ะ? แม้แต่ท่านหลงยังต้องก้มหัวเพื่อผูกมิตรด้วยเลย ตกลงว่าเขามีสถานะอะไรกันกันแน่?
แต่ทว่า หลี่นั่วหนานคิดที่จะเสียใจนั้นก็คงจะไม่ทันการแล้ว เวลานี้ความหวังเพียงอย่างเดียวของเธอ ก็คือมู่เซิ่งไม่เอาความกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ตอนนี้ถูกมู่เซิ่งดุด่าใส่ ขาสองข้างของเธออ่อนแรง ทรุดตัวล้มลงไปนั่งกองที่พื้นแล้ว
“ฉัน เรื่องนี้ ที่จริงแล้ว……” หลี่นั่วหนานพูดอย่างอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ
จางเหวินเจี๋ยที่ยืนอยู่ด้านข้าง สีหน้าขาวซีดไปหมด
เรื่องนี้เขาเองก็มีส่วนรู้เห็นอยู่ภายในด้วย ถ้าหากหลี่นั่วหนานเอ่ยปาก ก็คงจะต้องพูดถึงเขาด้วยใช่หรือไม่?
“ช่างเถอะ ผู้หญิงอย่างเธอนี้ พูดออกมาก็อาจจะไม่เป็นความจริงก็ได้ ท่านหลง ยังไงต้องรบกวนคุณเรื่องหนึ่ง” มู่เซิ่งส่ายมือไปมา และพูดขึ้น
“คุณมู่ เชิญคุณพูดมาได้เลย”
ท่านหลงก้มหน้าลง ด้วยจิตใจที่ไม่สงบ
“ท่านหลง คุณสามารถนำวีดีโอกล้องวงจรปิดของชั้นห้าตรงทางเดินไปถึงระเบียงออกมาหน่อยได้ไหม กล้องวงจรปิดไม่มีทางโกหกได้แน่ ฉันต้องการที่จะคืนความบริสุทธิ์ให้กับตนเอง” มู่เซิ่งพูดขึ้น
กลุ่มคนที่เดิมทีกำลังเดินออกไปด้านนอกนั้นก็พลันหยุดฝีเท้าลง พวกเขาต่างก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลี่นั่วหนานบอกว่ามู่เซิ่งลวนลามเธอ ผู้จัดการกวนมาขัดขวางไว้ได้ทันเวลา และยังถูกเขาทำร้ายกลับ
เวลานี้มู่เซิ่งได้ออกมาร้องขอที่จะตรวจสอบดูกล้องวงจรปิด หรือว่าเรื่องนี้ จะมีอะไรที่ซ่อนเร้นอยู่?
ผู้คนได้โอบล้อมกลับมากันอีกครั้ง พูดตามจริง พวกเขาเองก็อยากดูว่าตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
“ไม่มีปัญหา” ท่านหลงรีบสั่งการไปในทันที
ไม่นานนัก ก็มีพนักงานวิ่งเข้าไปในห้องควบคุมกล้องวงจรปิด แล้วก็โหลดวีดีโอกล้องวงจรปิดของชั้นห้าทั้งหมด
จากนั้น ก็มีคนยกจอมอนิเตอร์เครื่องหนึ่งมา จัดวางไว้ที่ด้านหลังของห้องโถง
วีดีโอกล้องวงจรปิดของชั้นห้า อีกไม่นานก็จะปรากฏความจริงต่อหน้าทุกคนแล้ว
“เร่งเนื้อหาเร็วขึ้น” ท่านหลงพูดขึ้นอย่างเย็นชา
เวลานี้เจียงหว่านได้เดินขึ้นมาด้านหน้า ยืนอยู่ที่ด้านข้างของมู่เซิ่ง แล้วมองดูภาพเหตุการณ์ในกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด
สำหรับความจริงของเรื่องนี้นั้น ไม่มีผู้ใดที่ต้องการจะรับทราบมากไปกว่าเธอแน่
วีดีโอถูกเร่งเนื้อหาจนมาถึงช่วงที่มู่เซิ่งเดินออกมาจากห้องรับรอง จากนั้นก็ปรับความเร็วของเนื้อหาให้เป็นปกติ
ภายในภาพเหตุการณ์ มู่เซิ่งเดินไปที่ระเบียง จากนั้นก็ผลักหน้าต่างออก และยืนพิงที่ราวเพื่อรับลม จากนั้น หลี่นั่วหนานก็ผลักประตูระเบียงและเดินเข้ามา
หลี่นั่วหนานใช้มือคัดหน้าอกขึ้น เปลื้องเสื้อผ้าลงและเดินเข้ามาหา ในลักษณะท่าทางที่ยั่วยวน
แม้ว่าวีดีโอกล้องวงจรปิดจะไม่ได้ยินเสียง แต่เมื่อดูจากภาพเหตุการณ์แล้วก็สามารถมองออกได้ว่า เป็นทางหลี่นั่วหนานที่ได้ยั่วยวนก่อน ผู้คนโดยรอบต่างก็เริ่มดุด่าขึ้นมาบ้างว่า ผู้หญิงคนนี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก
หลังจากนั้น กวนหยังก็ปรากฏขึ้นในภาพวีดีโอ
กวนหยังพุงโต เดินโซเซไปมา น่าจะดื่มเหล้าจนเมาแล้ว โดยหลังจากที่เห็นร่างกายอันโป๊เปลือยของหลี่นั่วหนานแล้ว ก็ผลักประตูเดินเข้ามา จากนั้นก็จับตัวหลี่นั่วหนานแล้วพยายามลากออกมาด้านนอก ทั้งยิ้มไปพลางและลงมือไปพลาง ด้วยพฤติกรรมที่รุนแรง กระทั่งฉีกเสื้อผ้าของหลี่นั่วหนานจนหลุดรุ่ยไปหมด
หลี่นั่วหนานสีหน้าท่าทางตื่นตระหนก และตะโกนพูดอะไรกับมู่เซิ่ง ซึ่งมู่เซิ่งเองก็ได้ลงมือในเวลานี้ ทั้งชกและตบ จนกวนหยังล้มกองลงไปที่พื้น
จากนั้นกวนหยังก็ได้เรียกคนมาจำนวนหนึ่ง โอบล้อมมู่เซิ่งเอาไว้ และก็นำตัวเขาลงมาที่ชั้นล่าง
วีดีโอกล้องวงจรปิดเปิดมาจนถึงตรงนี้ก็จบสิ้นแล้ว หลังจากที่เปิดดูวีดีโอจนจบแล้ว ทุกคนที่อยู่ใน Royal Club ต่างก็ยืนกันอยู่ตรงนั้น มองดูภาพเหตุการณ์ที่จบลง โดยที่ไม่มีใครพูดอะไร ราวกับว่าถูกกดปุ่มปิดเสียง เงียบกริบกันไปหมด
ความจริงถูกเปิดเผยแล้ว!
ทุกคนต่างก็รับรู้ว่า ผู้จัดการกวนเป็นผู้ที่ลวนลามหลี่นั่วหนาน จากนั้นมู่เซิ่งได้เข้ามาช่วยเหลือ ท้ายที่สุดเขากลับถูกใส่ร้าย!
เมื่อดูวีดีโอจนจบ มู่เซิ่งก็มีสายตาที่เย็นชา และมองไปที่หลี่นั่วหนาน “หลี่นั่วหนาน เธอยังมีอะไรที่ต้องการจะพูดอีกไหม? ”
หลี่นั่วหนานร่างกายสั่นเทา และร้องไห้ออกมาทันที
เธอร้องไห้โอดครวญอย่างหนัก แล้วก็ชี้ไปยังจางเหวินเจี๋ย และพูดว่า: “ขอโทษด้วย มู่เซิ่ง ฉันรู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรที่จะใส่ร้ายนาย! คือเขาที่บังคับให้ฉันทำแบบนี้ เขาข่มขู่ฉัน ถ้าหากฉันไม่ทำตาม เขาก็จะเรียกผู้ชายหลายสิบคนมาข่มขืนฉัน ฉันกลัว ฉันไม่ได้คิดที่จะใส่ร้ายนายเลย ฉันขอโทษ”
หลี่นั่วหนานคำนับให้กับมู่เซิ่งอย่างไม่หยุด “มู่เซิ่ง ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริง ๆ ขอให้นายให้อภัยฉันเถอะ”
ในเวลานี้สีหน้าของจางเหวินเจี๋ยนั้น ขาวซีดลงอย่างที่สุด
“ผู้จัดการกวน นายล่ะ? ” ท่านหลงขมวดคิ้วและมองไปที่กวนหยัง
น้ำเสียงจากปากของเขา เน้นย้ำคำว่าผู้จัดการกวน
ในฐานะที่เป็นเถ้าแก่ตัวจริงของ Royal Club เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้ถึงการกระทำของผู้จัดการกวน เพียงแต่โดยทั่วไปไม่อยากจะพูดถึงเท่านั้น วันนี้ก่อเรื่องขึ้นกับมู่เซิ่ง เขาไม่มีทางที่จะปล่อยไว้แน่
“ฉัน ฉัน……” กวนหยังสายตากระสับกระส่าย พูดจาอะไรไม่ออก
“แม่ง ฉันเลี้ยงดูสุนัขอย่างนายไว้ เพื่อคอยช่วยฉันดำเนินงาน ไม่ใช่ให้มาก่อเรื่องสร้างปัญหา! นับตั้งแต่วันนี้ไป นายถูกไล่ออกแล้ว! ” ท่านหลงโมโหจัด และชกหมัดไปที่หน้าของกวนหยัง
กวนหยัง ร่างกายดิ้นไปมาเหมือนกับหมูที่ตายแล้ว
ในขณะเดียวกันก็มีกลิ่นเหม็น ส่งกลิ่นออกมาจากกางเกงของกวนหยัง
“ลากตัวออกไป และจัดการชำระล้างให้สะอาดด้วย” ท่านหลงหยิบผ้าเช็ดมือออกมาจากกระเป๋า แล้วก็เช็ดมือ พร้อมกับพูดขึ้นด้วยเสียงที่เย็นชา
“รับทราบ”
พวกนักเลงในชุดสีดำที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ได้ลากตัวของผู้จัดการกวนออกมา ขณะเดียวกันยังมีคนที่ไปหยิบไม้ถูพื้นมาด้วย เพื่อเช็ดทำความสะอาดคราบสกปรกบนพื้น แล้วก็พ่นสเปรย์ปรับกลิ่นอากาศให้บริสุทธิ์
“ไอ้คนสารเลว ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก คนอื่นเขาช่วยเหลือเธอ แต่กลับยังจะไปใส่ร้ายเขาอีก! ”
“ใช่เลย ยังดีที่ท่านหลงมีความเป็นธรรม ออกมาดำรงความยุติธรรม ไม่อย่างนั้น คาดว่ามู่เซิ่งคงจะต้องถูกใส่ร้ายได้รับความไม่เป็นธรรมไปตลอดแน่”
“ผลที่ได้รับของผู้จัดการกวนนั้นก็คือว่าสมน้ำหน้าแล้ว คนประเภทนี้ ตบตีไปเท่าไรก็ไม่เพียงพอที่จะระบายความแค้นทั้งหมดได้หรอก! ”
เวลานี้ผู้คนโดยรอบต่างก็พากันเอ่ยปากขึ้น เรื่องราวดำเนินมาถึงตรงนี้แล้ว พวกเขาเองก็เข้าใจและรับรู้ได้ว่า ตนเองได้เข้าใจผิดต่อมู่เซิ่งแล้ว
เจียงหว่านจับมือของมู่เซิ่งด้วยความดีใจ มองไปที่เพื่อนร่วมชั้นทั้งหลายอย่างภาคภูมิใจ และพูดว่า “เห็นกันแล้วหรือยัง ฉันพูดเอาไว้แต่แรกแล้วว่า มู่เซิ่งนั้นบริสุทธิ์ เขาไม่มีทางกระทำเรื่องแบบนี้แน่นอน”
สีหน้าของเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมต่างดูย่ำแย่ ตอนที่มู่เซิ่งถูกใส่ร้ายนั้น พวกเขาต่างก็ตอกย้ำซ้ำเติมกันไม่น้อย
“ท่าน ท่านหลง เรื่องนี้ เป็นความผิดของฉันเอง ฉันยินดีที่จะชดใช้ความรับผิดชอบ” หลังจากที่จางเหวินเจี๋ยชะงักไปชั่วครู่ ก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้น
พ่อของเขาก็ถือว่ามีชื่อเสียงในเจียงหนานไม่น้อยเช่นกัน มีทรัพย์สมบัติเป็นร้อยล้าน ไม่ได้ด้อยไปกว่าวงศ์ตระกูลใหญ่เลย วันนี้เขาออกมายอมรับผิดและยอมชดใช้ความรับผิดชอบ ท่านหลงคงจะไม่ทำให้เขาลำบากใจหรอกนะ?
ขณะที่ครุ่นคิดอยู่ในใจ จางเหวินเจี๋ยก็เดินออกมาและพูดขึ้น
ท่านหลงโกรธมากถึงกับกำหมัดแน่น เสียงของกระดูกดังกร็อกแกร็ก ระดับคุณชายของตระกูลมู่ เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะไปเลียรองเท้าเลยด้วยซ้ำ บุคคลระดับนี้สามารถที่จะไปล่วงเกินได้เหรอ?
แต่จางเหวินเจี๋ยล่วงเกินมู่เซิ่ง จะจัดการลงโทษอย่างไร เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเอ่ยปาก
มู่เซิ่งกวาดสายตามองไป และพูดขึ้นเพียงสองคำ อย่างเย็นชาว่า: “คุกเข่า”
“อะไรนะ? นาย—-” จางเหวินเจี๋ยถึงกับตกใจ แล้วก็ได้ยินเสียงตะโกนของท่านหลงที่ดังขึ้นข้างหูว่า “คุกเข่าลง! ”
“ท่านหลง”
จางเหวินเจี๋ยยังคงตั้งสติไม่ได้
“คุณมู่ให้นายคุกเข่าลงไป นายแม่งหูหนวกหรือไง? ” ท่านหลงตะโกนขึ้นอีก เมื่อเห็นว่าจางเหวินเจี๋ยยังคงยืนอย่างโง่เง่าอยู่กับที่ เขาก็เดินเข้าไป แล้วก็เตะไปที่หัวเข่าของจางเหวินเจี๋ย
“ไม่ดูเลยว่าที่นี่คือที่ไหน ถึงกล้าที่จะใช้วิธีสกปรกแบบนี้ใส่ร้ายคุณมู่ คุกเข่าลงไปเดี๋ยวนี้ หากว่านายกล้าที่จะลุกขึ้นมา ฉันจะตีขานายให้หักเลย! ”
ถูกท่านหลงเตะเข้าไปที่หัวเข่า หัวเข่าของจางเหวินเจี๋ยทั้งสองข้างก็กระแทกลงไปที่พื้น สีหน้าเจ็บปวดทรมาน
เจ็บมาก!
เจ็บปวดแสบปวดร้อนเลย!
นอกจากหัวเข่าแล้ว ใบหน้าของเขาเองก็ปวดแสบปวดร้อนเช่นกัน การที่คุกเข่าให้กับไอ้ขยะแบบนี้ เขาจะทนยอมรับได้อย่างไร?
“คุณมู่ แบบนี้คุณพอใจไหม? ”
จางเหวินเจี๋ยคุกเข่าลง ท่านหลงไม่เหลือบมองดูเลย และหันหน้าไปพูดกับมู่เซิ่งอย่างนอบน้อม
มู่เซิ่งพยักหน้า เกียจคร้านที่จะพูดมาก หันหลังแล้วก็พาเจียงหว่านเดินจากไป
“ไอ้สารเลว ฉันเกือบจะตายก็เพราะนายแล้ว! ”
หลังจากที่มู่เซิ่งเดินจากไปแล้ว ท่านหลงเองก็อดใจไม่ไหว ทั้งชกและเตะไปที่ร่างของจางเหวินเจี๋ย จนจางเหวินเจี๋ยไม่มีแรงร้องโอดครวญเขาจึงได้หยุดมือ และหันหน้ามองไปยังพวกเพื่อนร่วมชั้นของมู่เซิ่งเหล่านั้น และพูดอย่างเย็นชาว่า “เรื่องราวในวันนี้ หากว่าพวกนายกล้าที่จะพูดหลุดปากออกมาแม้แต่คำเดียว ก็อย่าได้หาว่าฉันไม่เกรงใจ! ”
เพื่อนร่วมชั้นแต่ละคนเงียบกริบ สำหรับคำพูดของท่านหลงนั้น ไม่กล้ามีใครที่จะเพิกเฉย
แต่เวลานี้ ในใจของพวกเขาแต่ละคนต่างก็มีข้อสงสัยอยู่เรื่องหนึ่งว่า ทำไมไอ้ขยะที่ร่ำลือกันนั้น ถึงได้มีความเก่งกาจขนาดนี้?