มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 79 มาหนึ่งคันก็ชนหนึ่งคัน
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 79 มาหนึ่งคันก็ชนหนึ่งคัน
หลังมีเรื่องราวของท่านเจียงสามแล้ว จ้าวหลินจึงปิดปากไม่กล่าวถึงเรื่องพินัยกรรมสัญญาแต่งงานของเจียงเจิ้งจื๋อเป็นที่เรียบร้อย
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเธอกำลังวิตกว่าถ้าหากบีบบังคับให้มู่เซิ่งหย่าในช่วงเวลานี้ มันอาจทำให้ตระกูลเจียงพลาดโครงการไปได้ จุดนี้เองก็เป็นคำสั่งของท่านเจียงสามด้วยเช่นเดียวกัน
ทว่าจ้าวหลินยังคงมีทัศนคติแย่ ๆ ต่อมู่เซิ่งอยู่ และมักจะชี้นิ้วส่งการให้เขาทำงานบ้าน เป็นเพราะว่าจ้าวหลินเองก็ทราบดีเช่นเดียวกันว่าในไม่ช้ามู่เซิ่งก็จะต้องหย่าอยู่แล้ว ดังนั้นจึงรักษาท่าทีไม่สนใจไยดีต่อเขาอยู่ตลอดเวลา
มู่เซิ่งเองก็ไม่ได้สนใจเช่นเดียวกัน ขอแค่จ้าวหลินไม่ได้มาสร้างความวุ่นวายให้กับเขา เขาก็ขอบคุณฟ้าดินแล้ว
หลังจ้าวหลินออกจากบ้านไปเล่นไพ่ มู่เซิ่งก็กำลังขับรถมาจนถึงคฤหาสน์เขตซีไห่แล้ว
คฤหาสน์เขตซีไห่เป็นโครงการในตอนก่อนหน้านี้ ตอนนี้ได้สร้างเป็นเขตคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว หลังถูกมู่ซื่อ กรุ๊ปรับซื้อกลับมาอยู่ในโครงการซีไห่ตามเดิมแล้ว คฤหาสน์ราคาสูงลิ่วเช่นนี้ เดิมทีคนธรรมดาก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปอยู่ในนั้น
ถึงแม้ว่ามู่เซิ่งจะซื้อบ้านคฤหาสน์ราคาสูงที่สุดมาสองหลังแล้ว ทว่าเนื่องจากเขาได้ลงทะเบียนรถคันก่อนหน้านี้ของเจียงหว่านเอาไว้ หลังจากนั้นก็ถูกรถชนไป เขาจึงยังไม่ลงทะเบียนใหม่ ดังนั้นจึงถูกขวางเอาไว้อยู่ที่ปากประตู
“ช่วยผมลงทะเบียนหน่อยครับ” มู่เซิ่งลงจากรถ ก่อนจะชี้ไปยังป้ายทะเบียนรถแล้วกล่าว
พนักงานยกยิ้มอย่างราบเรียบหนึ่งหน กล่าวว่า “คุณไปเถอะครับ”
“หมายความว่าอย่างไร? วันนี้เขตคฤหาสน์ไม่เปิดหรือครับ?” มู่เซิ่งขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่ว่าไม่เปิดครับ แต่ไม่เปิดให้คนแบบคุณครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยปรายตามองมู่เซิ่งหนึ่งหน ใจคิดว่าคนคนนี้ทำไมมันฟังไม่รู้เรื่องวะ ก่อนจะกล่าวว่า “ในนี้คือเขตคฤหาสน์ ขอแค่มีครอบครัวพักอาศัยอยู่ก็สามารถเข้าได้แล้ว คุณรีบไปเถอะครับ”
“คุณมั่นใจมากขนาดนี้เลยหรือครับว่าผมไม่มีครอบครัวพักอยู่ในนี้?” มู่เซิ่งถูกทำให้โกรธจนขบขันแล้ว
คิดไม่ถึงเลยว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยจะตาสูงมากขนาดนี้ อย่างน้อย ๆ รถเขาคันนี้ก็เหยียบล้านเช่นกัน ทว่ากลับมองไม่เห็นเสียอย่างนั้น
พนักงานรักษาความปลอดภัยส่งเสียงหัวเราะเย็นชาออกมา กล่าวว่า “พี่ชาย อย่างเสแสร้งเลยครับ มองครู่เดียวผมก็ดูออกแล้ว ระยะนี้หลังจากโครงการของมู่ซื่อ กรุ๊ปฮอตขึ้นมาก็มีคนไม่น้อยเหมือนกับคุณขับรถเข้ามาแสร้งถ่ายภาพในนี้กัน ถ้าให้ผมพูดเลยนะ ถ่ายภาพที่ปากประตูสักสองใบก็พอแล้ว คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนเป็นบุคคลดังของเจียงหนานทั้งนั้น คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปจริง ๆ”
ระหว่างกำลังกล่าวอยู่ มีรถเฟอร์รารีคนหนึ่งมาหยุดอยู่ที่ปากประตูแล้วเช่นเดียวกัน
มีชายหนึ่งหญิงหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนรถ ผู้ชายสวมใส่แว่นกันแดด ขับเฟอร์รารีมือเดียว ส่วนผู้หญิงนั้นย้อมผมสีแดงทั้งศีรษะ กำลังอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม รูปลักษณ์สะโอดสะองทำคนประทับใจ
ปอร์เช่ทางด้านหลังก็พึ่งจะหยุดตัวลงเช่นเดียวกัน ก่อนจะตะโกนใส่มู่เซิ่งไม่หยุดว่า
“รถโทรม ๆ อะไรวะ ไสหัวไปข้างทางไป!”
เป็นแค่รถยนต์ราคาล้านต้นคันหนึ่งเท่านั้น ในสายตาเขาก็คือขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นชายหนุ่มจึงก่นด่ายกใหญ่ ไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่นิดเดียว
มู่เซิ่งขมวดคิ้วเบา ๆ ไม่ได้กล่าวคำ
พนักงานรักษาความปลอดภัยที่ขัดขวางมู่เซิ่งเมื่อครู่นี้มองเห็นฉากทั้งหมดแล้ว ก่อนจะเข้าไปกล่าวทักทายอย่างกระตือรือร้นทันทีว่า “คุณชายอู๋ คุณกลับมาแล้วหรือครับ?”
“พวกมึงทำเรื่องกันอย่างไรวะ รถขยะพรรค์นี้ยังมาจอดที่ปากประตูอีก แค่เห็นก็หมดอารมณ์กินข้าวแล้ว!”
อู๋คุนชี้นิ้วก่อนจะก่นด่ารถคันนั้นยกใหญ่
ภายในหัวใจของพนักงานรักษาความปลอดภัยหวาดกลัวขึ้นมาทันที เพราะอู๋คุนเป็นคุณชายเศรษฐีแห่งตระกูลอู๋ของเจียงหนาน อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว นอกจากเจ้าบ้านของตึกสูงบนยอดเขาสองสามตึกนั่นมีฐานะสูงที่สุดแล้ว หากผิดต่อเขาเข้าก็เกรงว่าวันเวลาหลังจากนี้ไปจะผ่านไปได้ไม่ดีแน่ เขาจึงเปิดปากกล่าวว่า “คุณชายอู๋ครับ ไม่รู้ว่าเป็นใครครับแต่คงไม่ใช่ครอบครัวผู้อาศัยที่อยู่ที่นี่ กำลังรอลงทะเบียนอยู่ที่ปากประตูน่ะครับ”
พูดจบพนักงานรักษาความปลอดภัยก็หันศีรษะกลับไปทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม กล่าวว่า “จะพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะครับ รีบ ๆ ไสหัวไปได้เลย อย่ามาถ่วงเวลาคุณชายอู๋เข้าไป”
ตาสุนัขมองคนต่ำมู่เซิ่งเองก็พบมาไม่น้อยแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคนที่ไม่ฟังเหตุผลพรรค์นี้นั้น กลับเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเห็น
“ผมก็จะพูดเป็นครั้งสุดท้ายเหมือนกันว่าผมจะลงทะเบียนเข้าไป!” มู่เซิ่งกล่าวด้วยเสียงเย็นยะเยือก
“คุณจะก่อความวุ่นวายใช่ไหม?”
ดวงหน้าของพนักงานรักษาความปลอดภัยปรากฏโทสะออกมา
ในตอนที่เขากำลังเตรียมต่อสายโทรศัพท์เรียกคนมานั้นเอง อู๋คุนที่นั่งอยู่บนเฟอร์รารีก็อดทนไม่ไหวแล้ว ก่อนจะเดินลงมาจากรถทันที เท้าข้างหนึ่งเหยียบเข้าที่ประตูรถ กล่าวว่า “รถขยะของมึงพรรค์นี้เหมาะที่จะเข้าไปในเขตคฤหาสน์เหมือนกันอย่างนั้นหรือ? รีบ ๆ ไสหัวไปให้กูเดี๋ยวนี้!”
มู่เซิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเย็นชาว่า “ถ้ารถคันนี้พังละก็ คุณชดใช้ไม่ไหวแน่!”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ กูชดใช้ไม่ไหวหรือ?”
ราวกับว่าอู๋คุนได้ยินเรื่องน่าขันที่สุดในใต้หล้าเรื่องหนึ่งเลยก็ไม่ปาน ก่อนจะวางเท้าลงบนประตูรถ หลังจากนั้นจึงหันไปกล่าวกับมู่เซิ่งว่า “มึงแม่เป็นใครวะ? ชดใช้ไม่ไหวหรือ? เชื่อไหมว่าหลังจากกูทุบรถมึงพังแล้ว มึงเองก็จะต้องคุกเข่ายอมรับผิดต่อกูด้วยเหมือนกัน?”
สายเซ็กซี่ที่นั่งอยู่บนรถหรี่ตามองฉากทั้งหมด หลังติดตามอู๋คุนมา เธอเองก็พบเห็นภาพเลือดไหลอาบและศีรษะปูดเขียวมากมายตั้งนานแล้ว
เพราะตระกูลอู๋เป็นตระกูลชั้นหนึ่งเลยเชียวนะ
“คุณสามารถลองดูได้” มู่เซิ่งกล่าวอย่างเฉยเมย
“ไอ้เหี้ยแม่ง!”
อู๋คุนบันดาลโทสะแล้ว
เขาไม่เคยเห็นใครกล้าอวดดีมากขนาดนี้ต่อหน้าตนเองมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นแล้วยังมีแฟนสาวอยู่ข้างหลังอีก หากปล่อยมู่เซิ่งไป หลังจากนี้เขาจะมีหน้าออกจากบ้านได้ที่ไหนกัน?
“ถ้ามีฝีมือมึงก็อย่าขยับ กูจะชนมึงให้ตายเลย!”
อู๋คุนดึงประตูรถให้เปิดออก ก่อนจะเข้าไปนั่งในตัวรถ หลังจากนั้นก็เหยียบคันเร่งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชนเข้าไปยังบีเอ็มดับเบิลยูอย่างรุนแรง
ปัง!
รถบีเอ็มดับเบิลยูถูกชนจนพลิกหนึ่งตลบทันที ก่อนจะตกลงบนพื้น กระทั่งถุงลงนิรภัยก็ล้วนเด้งกระโดดออกมากันทั้งหมดแล้ว
เห็นได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกันว่าเฟอร์รารีคันนั้นเองก็ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกัน หัวรถล้วนแตกไปกว่าครึ่ง กระโปรงหน้ารถทั้งหมดกระเด็นลอยไปเนื่องจากการชนกระแทกอย่างรุนแรงเมื่อครู่นี้
พนักงานรักษาความปลอดภัยทางด้านข้างมองด้วยความตกตะลึงสั่นกลัว
การที่รถเฟอร์รารีราคาหลายสิบล้านถูกนำมาชนเช่นนี้ ถึงแม้จะมีเงินก็เถอะ แต่ก็ไม่สามารถเอามาจ่ายเช่นนี้ได้เหมือนกันนะ
“ไอ้สัตว์ รถโกโรโกโสคันนี้ของมึงน่ะ กูชนเข้าแล้วจะทำไม?”
อู๋คุนชี้นิ้วไปยังมู่เซิ่งที่ยืนอยู่ทางด้านข้าง ใบหน้าสะใจ ก่อนจะเอ่ยปากกล่าว
“ฮ่า ๆ ๆ เจ็บใจใช่ไหม?”
“รถคนนี้ของมึงเกรงว่าคงจะเป็นทั้งเนื้อทั้งตัวเลยกระมัง? ถุย ๆ ๆ คงจะเหยียบล้านสินะ”
ทั่วทั้งใบหน้าของอู๋คุนเต็มไปด้วยความเหยียดยาม กล่าวว่า “รถกูคันหนึ่งก็พอที่จะซื้อรถมึงหลายคันแล้ว อีกอย่างนะ รถพรรค์นี้น่ะ สำหรับกูแล้วก็เป็นแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้น ในคฤหาสน์กูยังมีอีกห้าคัน! ถ้าจะเล่น มึงเล่นไหวไหมล่ะ?”
“คุณแน่ใจนะว่าจะทำต่อ?”
มู่เซิ่งเผยรอยยิ้มลุ่มลึกสายหนึ่งออกมา
“เหอะ ๆ ตัวกูมาถึงตอนนี้แล้วยังไม่กล้าทำเรื่องอะไรอีกล่ะ กูจะพูดไว้ตรงนี้เลยนะ มึงขับรถมาคันหนึ่ง กูก็จะชนแม่งหนึ่งคัน!” อู๋คุนกล่าวบ้าคลั่งไร้เทียบเทียม “ถ้ามึงไม่กล้าก็มาลอดผ่านเป้ากางเกงกูไป แล้วหลังจากนั้นกูก็จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องของวันนี้”
แฟนสาวของอู๋คุนอยู่ทางด้านข้าง กำลังสบตามองมู่เซิ่งด้วยสีหน้าสนุกสนาน
ชายหนุ่มตรงหน้านี้ไม่เหมือนกับพวกหัวปูดเขียวมากมายที่เธอเคยเห็นมาก่อน แทบจะเป็นคนมีเงินนิดหน่อยมากกว่านั้น
ทว่า ณ ตอนนี้ก็ยังคงไม่มีอะไรแตกต่างมากนัก เพราะการต่อกรกับคุณชายอู๋นั้น จะต้องถูกชนจนศีรษะแตกเลือดอาบอย่างแน่นอน
มู่เซิ่งถือโอกาสล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาต่อสายออกไป “จางเสวียนหลงครับ รถของคุณถูกคนชนพังแล้ว”
จางเสวียนหลงหรือ?
อู๋คุนและแฟนสาวชะงักนิ่งไปทันที ก่อนจะค่อย ๆ เผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา
คนคนนี้คือใคร? เดิมทีชื่อก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน เกรงว่าคงจะเป็นคนไม่สำคัญคนไหนสักคนที่กระโดดออกกระมัง
“หา?”
เมื่อท่านหลงทางสายโทรศัพท์ฝั่งนั้นได้ยินดังนั้นแล้ว ยังนึกว่ามู่เซิ่งกำลังขอโทษที่ชนรถเขาพังอยู่เลยนะ ก่อนจะกล่าวต่อ “คุณมู่ ไม่เป็นไรครับ รถชนพังคันหนึ่งก็พังไปครับ เดิมทีผมก็ไม่ได้สนใจอะไร”
“แต่ผมสนใจครับ” มู่เซิ่งเปิดปากกล่าวอย่างสงบ ทว่าไม่ว่าใครก็สามารถฟังเพลิงโทสะที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขาออกได้ทั้งหมด
“นี่…”
“นำรถคันที่ดีที่สุดในโรงรถของคุณแล้วขับมาที่คฤหาสน์เขตซีไห่หน่อยครับ ชนพังหนึ่งคัน ผมจะชดใช้ให้คุณหนึ่งคัน!” มู่เซิ่งกล่าวจบก็วางสายโทรศัพท์ไปแล้ว
“ฮ่า ๆ ๆ ยังจะมาอยู่อีกหรือ ในโรงรถของมึงมีรถกี่คันล่ะ?” อู๋คุนมองท่าทางวางอำนาจของมู่เซิ่ง ก่อนอดไม่ได้ที่จะกุมท้องเอาไว้ หลังจากนั้นก็ระเบิดหัวร่อออกมา
ไม่นานนัก รถคันหนึ่งก็ขับมายังคฤหาสน์เขตซีไห่แล้ว
“เฟอร์รารีสิบแปด สี่ล้าน”
มู่เซิ่งสบตามองรถคันแรกก่อนเอ่ยพูดอย่างราบเรียบ
“แล้วยังไง? รถกูตะกี้นี้เป็นรุ่นใหม่ปี 20 แพงกว่ามึงล้านหนึ่ง!” สีหน้าของอู๋คุนพลันแปรเปลี่ยนไปทันที ทว่ายังคงไม่ได้ตกใจหวาดกลัว
มู่เซิ่งยังไม่ทันได้พูดจบก็มองเห็นขบวนรถทางด้านหลังแล้ว
“แมคคาเรน เจ็ดล้าน”
สีหน้าของอู๋คุนเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาแล้ว
“โรลส์-รอยซ์ แฟนทอม เก้าล้าน”
มู่เซิ่งชี้นิ้วไปยังรถคันที่สาม
เก้าล้าน!
ร่างกายของอู๋คุนซวนเซทันที อีกนิดเดียวก็เกือบล้มลงไปกับพื้นแล้ว
เขาสบตามองมู่เซิ่งอย่างอยากจะเชื่อ รถเหล่านี้กระทั่งบิดาเขาก็ล้วนซื้อไม่ได้เช่นเดียวกัน สรุปแล้วไอ้หมอนี่มันเอามาจากที่ไหนกันนะ?
รถขับมาทีละคันทีละคัน ภายในช่วงเวลาพริบตาเท่านั้นก็จอดเต็มอยู่ที่ปากประตูของเขตคฤหาสน์ซีไห่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มู่เซิ่งไม่ได้สนใจอู๋คุน ก่อนสบตามองรถหรูที่ขับเข้ามาทีละคันทีละคันต่อ หลังจากนั้นจึงยื่นมือไปจิ้มคันสุดท้ายพลางกล่าว “แลมโบกินี รุ่นลิมิเต็ด เก้าสิบแปดล้าน”
“ทั้งหมดสิบสองคัน”
“ไม่รู้ว่ารถเหล่านี้จะพอให้นายชนหรือเปล่า?”
ฟุบ!
ก้นของอู๋คุนลงไปนั่งลงกับพื้นแล้ว สีหน้าซีดขาวราวเถ้าธุลี