มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 91 นอนที่ไหน
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 91 นอนที่ไหน
ฟ้องตระกูลอู๋อย่างนั้นหรือ?
ทำลายสัญญาอย่างไร้เหตุผล ถึงแม้จะเป็นความผิดของตระกูลอู๋ แต่ถึงเหอซวี่จะเก่งกล้ามาแค่ไหน เขาก็ไม่กล้าไปฟ้องตระกูลอู๋หรอก
ขอเพียงแค่ตระกูลอู๋ยินยอมเช่นชอบเท่านั้น ก็จะมีคนจำนวนมากปรากฏกายเพื่อแย่งกันจัดการกับเหอซวี่อย่างนับไม่ถ้วน ต่อหน้ายักษ์ใหญ่อย่างตระกูลอู๋ เขาก็เป็นเพียงแค่กุ้งแห้งตัวหนึ่งเท่านั้น จะกล้าตั้งตัวเป็นปรปักษ์ต่อตระกูลอู๋ได้อย่างไร?
ในตอนนี้เอง อู๋หยู่เหวินยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น กล่าวขอโทษขอโพยต่อมู่เซิ่งไม่หยุด ตอนนี้ทุกคนต่างก็ชำเลืองมองกันอยู่ตรงหน้าทั้งสิ้น คิดอยากที่จะเปิดปากขึ้นมา ทว่ากลับเอ่ยคำใดไม่ออก
เจียงหว่านมองมู่เซิ่งที่นั่งอยู่ข้างกายเธอซึ่งสงบ เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าสมองกำลังส่งเสียงระเบิดตูมขึ้นมา แต่ยังคงไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร
ประมุขตระกูลชั้นหนึ่งที่องอาจทรงอำนาจ
กลับคุกเข่าด้วยสภาพเช่นนี้ต่อหน้าสามีตนเองเนี่ยนะ?
สวรรค์!
“เอ่อ พี่จ้าว ในบ้านฉันมีธุระอยู่นิดหน่อย ขอตัวกลับไปก่อนนะคะ”
“ใช่ค่ะพี่จ้าว ก่อนหน้านี้ที่ผิดใจต่อมากมาย พี่ได้โปรดให้อภัยเถอะนะคะ”
“ยินดีต้อนรับพวกพี่มาเป็นแขกที่บ้านของฉันในหนหน้านะคะ ฉันจะต้อนรับอย่างอบอุ่นแน่นอนค่ะ”
หลังเหล่าเพื่อนนักเรียนต่างก็ชำเลืองมองหน้ากัน ทุกคนต่างก็เปิดปากเอ่ยขึ้นมากันทีละคน
เนื่องด้วยอู๋หยู่เหวินที่เอ่ยปากกล่าวขึ้นมาและท่าทีทรงอำนาจเผด็จการอย่างถึงที่สุดของมู่เซิ่งที่ได้ประจักษ์ต่อหน้าทุกคนไปเป็นที่เรียบร้อยตั้งนานแล้ว ทุก ๆ คนต่างกำลังวิตกว่าก่อนหน้านี้เคยเย้ยหยันตระกูลของพวกเขามาก่อนนั้น ในภายหลังจะต้องถูกคิดบัญชีอย่างแน่นอน หลังจากนั้นก็จะถูกหาเรื่องหาราวเข้า
ถึงแม้ว่าสำหรับการเยาะเย้ยถากถางของพวกเขาในตอนก่อนหน้านี้นั้น เดิมทีมู่เซิ่งจะไม่แคร์เลยก็ตาม
ทว่าในเมื่อตอนนี้มีตัวอย่างเป็น ๆ ให้ได้เห็นกันอยู่ชัด ๆ แล้ว ตอนนี้พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะแตะต้องมู่เซิ่งอีกแล้ว
ดังนั้นทุก ๆ คนจึงร่นถอยไปราวกับสายน้ำก็ไม่ปาน
ในคฤหาสน์จึงเหลือเพียงแค่อู๋หยู่เหวินที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ยังมีมู่เซิ่ง เจียงหว่าน และจ้าวหลินกันอยู่สี่คน
บรรยากาศคับแคบคาดคั้นคนจนน่าเวทนา ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จ้าวหลินเองก็ไม่กล้าเอะอะโวยวายอีก จึงกล่าวว่าเธอออกไปสูดอากาศโปร่งเสียหน่อย หลังจากนั้นก็ลากเจียงหว่านออกจากบ้านไปทันที
“คุณชายมู่ครับ…”
มือทั้งสองข้างของอู๋หยู่เหวินกำลังสั่นเทาและยังคงคุกเข่าอยู่ตรงหน้ามู่เซิ่ง เขาเป็นสุนัขของตระกูลมู่ หากมู่เซิ่งไม่เปิดปาก เขาก็ไม่กล้าลุกขึ้น!
“ลุกขึ้นเถอะครับ”
มู่เซิ่งกล่าวอย่างราบเรียบ
บอกตามตรง เขารู้สึกว่า “การแสดง” แสร้งว่าจงรักภักดีของอู๋หยู่เหวินพรรค์นี้มันเกินไปหน่อย แต่ก็ดีที่ทำให้เหล่าญาติพวกนั้นของจ้าวหลินตกใจเตลิดกันไปได้ ไม่ให้พวกเขามาสร้างความวุ่นวายให้กับตนเองได้อีกในหลังจากนี้ต่อไป
“ขอบคุณครับคุณชายมู่”
อู๋หยู่เหวินลุกขึ้นยืน ยืนอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวตรงหน้ามู่เซิ่ง
หลังครู่หนึ่ง เขาพูดกับมู่เซิ่งว่า “คุณชายมู่ครับ ของที่คุณสั่งการให้ผมกับตระกูลกู่หานั้น ผมหาทั่วทั้งเจียงหนานมารอบหนึ่งแล้วครับ แต่ยังหาไม่พบสิ่งนี้เหมือนกัน”
“หินหยาบตี้หวังลู่ที่มีมูลค่ามากที่สุด ยังไม่ผ่านการเจียระไนมาก่อน ผมสืบมาแล้ว มีเพียงเมืองเยียนจิงเท่านั้นที่มีของจำพวกนี้ ทว่าพวกเขาไม่มีใครไม่ซ่อนมันเอาไว้ในตระกูล จากความสามารถของพวกเราแล้ว เดิมทีก็เอามาถึงมือไม่ได้เลยครับ”
“แต่ตระกูลกู่มีข่าวสารมาเรียบร้อยแล้ว ว่าในช่วงสองสามวันนี้ที่อาคารปี้ลั่วจะมีการจัดงานประเมินวัตถุล้ำค่าที่ตระกูลชั้นหนึ่งเท่านั้นสามารถเข้าร่วมได้ หนึ่งในนั้นนอกจากการประมูลวัตถุโบราณแล้ว ยังมีหินหยาบ (หินที่ยังไม่ผ่านการขัดมัน) ด้วย ได้ยินมาว่ามีหินหยาบที่มีมูลค่ามหาศาลอยู่หลายก้อนเลยทีเดียว หนึ่งในนั้นมี หยกจักรพรรดิ”
“คุณชายมู่ครับ ตอนนี้ผมส่งคนไปกว้านซื้อหินหยาบมูลค่ามหาศาลเหล่านั้นมาจนหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ”
อู๋หยู่เหวินกล่าว
หินหยาบมูลค่ามหาศาลเหล่านี้ บวกเข้าด้วยกันแล้วมีราคาสูงถึงหลายพันล้าน หากต้องการที่จะค้าขายแล้วละก็ แทบจะต้องนำเงินทุนหมุนเวียนทั้งหมดของตระกูลอู๋มาจ่ายเลยทีเดียว ทว่าอู๋หยู่เหวินกลับไม่มีความลังเลใด ๆ เลยแม้แต่น้อย เป็นเพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันล้วนคุ้มค่าทั้งสิ้น!
“ไม่จำเป็นแล้วครับ”
มู่เซิ่งส่ายหน้าไปมา
ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ เขากับสวีเจ๋อปิงได้หารือกันมาก่อนแล้ว
จากสิ่งที่เขาบรรยายออกมาจากปาก มู่เซิ่งก็ทราบแล้ว ว่าบิดาของตนเองเป็นโรคเส้นเลือดตีบอย่างกะทันหันและหาพบได้ยากเป็นอย่างมากชนิดหนึ่ง โรคที่กะทันหันเช่นนี้จำเป็นที่จะต้องใช้หินหยาบ หยกจักรพรรดิ มาทำเป็นยาจึงจะสามารถรักษาได้ บิดาเจ็บป่วยเสี่ยงอันตราย เรื่องนี้จะประมาณเลินเล่อไม่ได้อย่างเด็ดขาด มู่เซิ่งจึงจำเป็นที่จะต้องเป็นคนมุ่งหน้าไปเองถึงจะวางใจลงได้
“อีกสักวันสองวันคุณรับผมไปก็พอแล้วล่ะ” มู่เซิ่งกล่าว
“ได้ครับ ผมจะไปเตรียมตัวประเดี๋ยวนี้เลยครับ”
อู๋หยู่เหวินรีบพยักหน้าก่อนจะกล่าวลาไปทันที
กระทั่งมาถึงตอนค่ำแล้ว เจียงหว่านกับจ้าวหลินทั้งสองคนถึงกลับมาที่คฤหาสน์ ทว่าสีหน้าบนใบหน้าของทั้งสองคนนั้นติดประกายความตื่นเต้นเป็นสุขอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ราวกับว่าได้พูดคุยหารือกันเรื่องที่มีความสุขอะไรมาเลยก็ไม่ปาน
หลังเข้ามาในคฤหาสน์แล้ว จ้าวหลินเดินวนรอบห้องไปหนึ่งรอบ หลังจากนั้นจึงกล่าวกับมู่เซิ่งว่า “มู่เซิ่ง หลังจากนี้น่ะ พวกเราสามารถอยู่ที่นี่ได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
คำพูดและท่าทีของเธอ หากเทียบกับตอนก่อนหน้านี้ที่ปฏิบัติต่อมู่เซิ่งแล้วนั้น มันถือดีกว่าเป็นอย่างมากแล้ว แต่ตอนที่เอ่ยปากถามขึ้นมานั้น มันยังคงแฝงความสงสัยระคนเหยียดยามบางเบาอยู่
ในเมื่อมู่เซิ่งมีภาพลักษณ์เป็นไอ้ขยะอยู่ภายในหัวใจของจ้าวหลินมาสามปี หากคิดอยากที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในทันทีแล้วละก็ เห็นอย่างได้ชัดเจนเลยว่าเป็นไปไม่ค่อยจะได้มากนัก ถึงจะกล่าวว่าคฤหาสน์หลังนี้เขาเป็นคนซื้อมาก็ตาม ทว่าในสายตาของจ้าวหลินนั้น มู่เซิ่งยังคงไม่มีงานทำ กินอยู่หลับนอนล้วนอาศัยตระกูลเจียงของพวกเขาอยู่
“ครับ พรุ่งนี้ผมก็จะนำข้าวของจากบ้านในตอนก่อนหน้านี้ย้ายเข้ามาทั้งหมด”
มู่เซิ่งพยักหน้าพลางกล่าว
จ้าวหลินขมวดคิ้วทันที ก่อนจะโบกมือแล้วกล่าวทันทีว่า “ไม่ต้องย้ายมาหรอก ซื้อเฟอร์นิเจอร์กับเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่เลย ฉันต้องการของใหม่ทั้งหมด!”
นี่เป็นเขตคฤหาสน์ซีไห่เชียวนะ มีราคาบ้านที่แพงที่สุดในทั่วทั้งเจียงหนาน! หากย้ายเฟอร์นิเจอร์จากบ้านเก่าเข้ามา หากหลังจากนี้มีญาติมาเยี่ยมแล้วถูกเห็นเข้าจะทำอย่างไร?
“แม่คะ เรื่องการซื้อเฟอร์นิเจอร์มันต้องใช้เงินเยอะนะคะ…” เจียงหว่านชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวขึ้นมา
“ถึงอย่างไรฉันก็ไม่ต้องการย้ายเฟอร์นิเจอร์ของบ้านเก่ามา ไม่เหมาะสมเลยสักนิดเดียว เจียงหว่าน พรุ่งนี้ลูกไปเลือกซื้อที่ห้างสรรพสินค้าเป็นเพื่อนแม่”
จ้าวหลินยังคงยึดมั่นในความคิด กล่าวว่า “แล้วอีกอย่างหนึ่ง เฟอร์นิเจอร์ของบ้านเก่าก็ทิ้งเอาไว้ที่บ้านเก่านั่นแหละ ไม่ใช่ว่าสามารถปล่อยเช่าได้หรอกหรือ? แบบนี้เองก็จะถือว่ามีรายได้เข้ามาเป็นเงินไม่น้อยเหมือนกันนั่นแหละ”
“หนู เอาเถอะค่ะ…”
เจียงหว่านคิดอยากที่จะโต้แย้ง เขตคฤหาสน์ใหญ่มากเช่นนี้ บวกเข้ากับจ้าวหลินที่ต้องการศักดิ์ศรีจนจะเป็นจะตาย หากเป็นเรื่องซื้อเฟอร์นิเจอร์ละก็ ต้องซื้อแบรนด์อย่างแน่นอน เฟอร์นิเจอร์เหล่านี้อย่างน้อย ๆ จะต้องจ่ายหลายหมื่นแน่ ๆ
หลังจ้าวหลินจากไปแล้ว เจียงหว่านสบตามองห้องโล่งไร้สิ่งของ ก่อนเอ่ยถามมู่เซิ่งว่า “มู่เซิ่ง คุณเลือกห้องไหนคะ?”
“ผมหรือครับ?”
มู่เซิ่งชี้นิ้วมาที่ตนเองไปมา กลั้วเสียงหัวร่อพลางกล่าว “คุณเลือกห้องไหน ผมก็เลือกห้องนั้นนั่นแหละครับ”
พวงแก้มทั้งสองข้างของเจียงหว่านพลันแดงเรื่อขึ้นมาทันที
เธอก้มหน้าไม่กล้าสบตามองมู่เซิ่ง ทั้งสองคนยืนนิ่งกันเช่นนั้นอยู่นานมาก มู่เซิ่งยังนึกอยู่เลยว่าเจียงหว่านจะไม่มีทางเห็นชอบด้วยอย่างแน่นอนอยู่แล้ว ในตอนที่เขากะว่าจะกล่าวว่าเขาพูดล้อเล่นนั้นเอง อยู่ ๆ เจียงหว่านก็ยื่นนิ้วมือหนึ่งชี้ไปที่ชั้นสอง กล่าวว่า “นั่น ถ้าอย่างนั้นก็ห้องนี้ค่ะ”
มู่เซิ่งพลันชะงักจังงังไปในทันที หมายความว่าอย่างไร? นี่คือยินยอมตกลงแล้วหรือ?
เขาคิดอยากเอ่ยถามให้กระจ่าง ทว่าในตอนนั้นเอง เจียงหว่านก็วิ่งหน้าแดงเข้าไปในห้องนอนเป็นที่เรียบร้อยเสียแล้ว ก่อนจะพลิกมือล็อกกลอนประตูห้องเสียงดัง “แกร๊ก” ทำเอามู่เซิ่งจะร้องไห้ก็ไม่ได้ จะยิ้มก็ไม่ออก
คุณหนูหญิงใหญ่
สรุปแล้วคุณอยากให้ผมเข้าไป หรือว่าไม่อยากให้ผมเข้าไปกันแน่ครับเนี่ย?
เจียงหว่านนั่งอยู่บนเตียงคนเดียว ดวงหน้าแดงสุกเห่อร้อน ประโยคนั้นที่กล่าวออกมาเมื่อครู่นี้นั้น มันได้ใช้เรี่ยวแรงทั่วทั้งร่างของเธอไปหมดแล้วจริง ๆ
“แยกห้องนอนกันมานานมากขนาดนี้แล้ว ตอนนี้กลับอยากที่จะนอนด้วยกันอย่างนั้นหรือ?”
“แต่ แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกของฉันหรือไง?”
“เจียงหว่านนะเจียงหว่าน พวกเธอแต่งงานกันมาสามปีแล้วนะ นี่ยังเป็นครั้งแรกของเธออีก หรือว่าไม่ควรที่จะอายหน่อยหรือ? มู่เซิ่งทำหน้าที่ของสามีคนหนึ่งมาโดยตลอด ส่วนเธอเคยสมัครใจทำหน้าที่ของภรรยาตอนไหนกัน?”
“ฉัน ตอนนั้นฉันไม่ได้ได้ถือว่าเขาเป็นสามีจริง ๆ เสียหน่อย บนพินัยกรรมของพ่อฉันมันระบุเอาไว้นี่ ว่าขอเพียงแค่ระยะเวลาแต่งงานครบสามปีก็พอแล้ว”
“ต้องทำอย่างไรถึงจะดีกันนะ ทำไมจู่ ๆ ฉันกลับรับปากกับคำขอพรรค์นี้ของเขาไปกันเนี่ย แต่ถ้าหากตอนนี้ฉันกลับคำละก็ มู่เซิ่งเขาจะโกรธหรือเปล่านะ?”
เจียงหว่านในตอนนี้ยกมือปิดดวงหน้าแล้วพึมพำไม่หยุด ในสมองราวกับมีนางฟ้าหนึ่งตนกับปีศาจหนึ่งตนปรากฏกายเลยก็ไม่ปาน กำลังเอาชนะกันอยู่ หัวใจดวงหนึ่งของเธอที่พึ่งจะเข้าใจความรักดวงหนึ่ง ตอนนี้มันได้ถูกมู่เซิ่งก่อกวนอย่างสิ้นเชิงไปเสียแล้ว
“มี มีแล้ว!”
จู่ ๆ เจียงหว่านก็คิดวิธีหนึ่งออกมาได้แล้ว
คืนวันนั้น
มู่เซิ่งกำลังอุ้มผ้าห่มแล้วเดินเข้าห้องนอนไป
เจียงหว่านนั่งอยู่บนเตียง บนเรือนร่างสวมใส่ชุดนอนสีดำเซ็กซี่ชุดหนึ่ง ผิวขาวเนียนละเอียดปรากฏสู่สายตา ดึงดูดเย้ายวนผู้คนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เขาเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งเช่นเดียวกัน นี่จึงทำให้มู่เซิ่งกอดผ้าห่มเอาไว้แน่น พลันไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรถึงจะดี
“ผม ผมนอนที่ไหนหรือครับ?”
มู่เซิ่งสบตามองเจียงหว่าน ก่อนจะกลืนน้ำลายลงไปหนึ่งอึก