มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง - บทที่ 93 เงินกู้พันล้าน
มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 93 เงินกู้พันล้าน
เมื่อคำของเจียงมู่หลงจบลง
เครือญาติตระกูลเจียงทั้งหมดที่อยู่ตรงนั้น ทุกสายตาล้วนมองตกลงไปบนร่างของเจียงหว่านกันทั้งสิ้น
เมื่อวานหลังครอบครัวของเจียงหว่านเข้าไปอาศัยในคฤหาสน์แล้ว จ้าวหลินก็ถ่ายภาพโพสต์ลงในโมเมนต์เสียยกใหญ่ หนึ่งในนั้นย่อมถูกเครือญาติตระกูลเจียงพบเห็นเข้าอย่างแน่นอนอยู่แล้ว ในตอนเริ่มแรกเครือญาติเหล่านั้นยังนึกกันอยู่เลยว่าจ้าวหลินไปหาภาพจากอินเทอร์เน็ตมา ทว่าจ้าวหลินกลับลากพวกเขาเข้ากลุ่มถ่ายทอดสดกลุ่มหนึ่งแล้วทำการถ่ายทอดสด ทำเอาทุก ๆ คนในกลุ่ม ณ ตอนนั้นโมโหกันไปหมด
สีหน้าของท่านเจียงสามเองก็เคร่งขรึมราวกับสายน้ำเช่นเดียวกัน เขาใฝ่ฝันมาตลอดทั้งชีวิตว่าอยากมีคฤหาสน์ที่ระดับสูงที่สุดสักหลัง ผลลัพธ์กลับถูกเจียงหว่านเข้าไปอยู่เสียแล้ว นี่เองก็เป็นเหตุผลว่าทำไมวันนี้เขาถึงเปิดประชุมตระกูลขึ้นมาด้วยเช่นกัน
“ใช่ค่ะ ขายคฤหาสน์ทิ้งไปก็มีเงินแล้วไม่ใช่หรือคะ”
“ใช่ครับ ไม่กี่สิบล้านนี้สำหรับเจียงหว่านแล้วจะถือว่าเป็นอะไรกันได้อย่างไร? กระทั่งคฤหาสน์เขตซีไห่เธอยังซื้อได้เลย ทำไมจะไม่มีเงินเล็กน้อยแค่นี้ได้อย่างไรกัน?”
“เจียงหว่าน อย่าบอกฉันนะว่าคฤหาสน์นี้ของเธอคือเช่าอยู่หรือ?”
ศีรษะของทุกคนล้วนมองไปยังเจียงหว่านทั้งสิ้น ณ ตอนนี้ ภายในหัวใจของพวกเขาล้วนมีความคิดเดียวกันทั้งหมด
นั่นก็คือให้เจียงหว่านขายคฤหาสน์ทิ้งไปเสีย!
ในฐานะที่เป็นลูกหลานตระกูลเจียง ถึงแม้พวกเขาจะทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง ทว่าภายในหัวใจล้วนนึกว่าตนอยู่สูงกว่าคนอื่นทั้งปวง รู้สึกว่าพวกเขาเป็นตระกูลชนชั้นสูง เป็นลูกหลานตระกูลร่ำรวย สูงส่งเหนือผู้อื่น
ถึงแม้ว่าเจียงหว่านเธอจะเป็นเลิศ สร้างบริษัทได้ ชื่อเสียงขจรไกล ทว่าแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ก็ตาม นี่เองก็ไม่อาจขัดขวางความรู้สึกหยิ่งผยองในศักดิ์ศรีที่ต่ำต้อยนิดหน่อยภายในหัวใจของลูกหลายแซ่เจียงได้เช่นเดียวกัน
เป็นเพราะว่าเจียงหว่านเธอได้แต่งงานกับไอ้ขยะคนหนึ่ง!
ทว่าเมื่อวานนี้ พวกเขากลับทราบว่าเจียงหว่านย้ายเข้าไปอาศัยที่คฤหาสน์เขตซีไห่แล้ว ทุกคนที่คุ้นชินกับการอยู่บนที่สูง เดิมทีก็ไม่อาจยอมรับจุดนี้ได้เลย
เพราะในสายตาของพวกเขา คนที่ถือว่าสามารถเข้าไปอาศัยในเขตคฤหาสน์ได้สมควรที่จะเป็นพวกเขา เจียงหว่านมีคุณสมบัติอะไร?
มู่เซิ่งเองก็คิดไม่ถึงเช่นเดียวกัน ว่ากลุ่มตระกูลเจียงที่โง่เขลานี้กลับคิดอยากที่จะขายบ้านที่เขาซื้อทิ้งไปเสียอย่างนั้น
“นี่คือบ้านของฉันค่ะ พวกคุณมีสิทธิ์อะไรที่จะขาย?”
เจียงหว่านตบโต๊ะพลางผุดลุกยืน ก่อนจะประจันหน้ากับทุกคน
“เจียงหว่าน ในเมื่อเธอมีเงิน ทำไมเธอถึงจะขายบ้านไม่ได้ล่ะ?” เจียงมู่หลงพึงพอใจต่อความคิดของตนเองเป็นอย่างมาก ในเมื่อเจียงหว่านกล้าต่อกรกับเขาเช่นนี้ เขาก็จะให้เจียงหว่านได้รับรู้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายมันเรียกว่าอะไร!
“เหอะ ๆ ในเมื่อพี่หาเรื่องยุ่งยากเอง ถ้าอย่างนั้นก็ให้พี่จัดการแก้ไขเองก็แล้วกันค่ะ สัดส่วนหนึ่งเดือนหนึ่งล้าน หนึ่งปีก็สิบล้านเหมือนกันนะคะ เงินกู้ของคุณปู่ยังไม่พอต่อความสุรุ่ยสุร่ายของพี่อีกหรือ?” เจียงหว่านกล่าวอย่างเย็นชา “พี่เป็นคนหาเรื่องยุ่งยากเอง ถึงแม้ว่าจะต้องขายบ้าน บ้านแรกที่จะต้องขายก็ควรเป็นบ้านของพี่เจียงมู่หลงเหมือนกันค่ะ!”
เจียงมู่หลงคิดไม่ถึงเลยว่าการขุดหลุมให้เจียงหว่านหนึ่งหลุมนี้ คิดไม่ถึงเลยว่ากระทั่งตนเองก็ตกลงไปด้วยเช่นเดียวกัน เขาเถียงจนคอแดงเป็นเอ็นว่า “คฤหาสน์บ้านเธอแพงมากขนาดนั้น ขายไปตึกหนึ่งก็พอแล้ว มีสิทธิ์อะไรจะมาขายบ้านพวกเรา?”
“ถ้าอย่างนั้นบริษัทของพี่ก็ยิ่งคุ้มค่าเงินมากกว่าอีกค่ะ ทำไปถึงไม่เอาไปขายละคะ?” เจียงหว่านไม่แสดงท่าทีอ่อนแอเลยแม้แต่นิดเดียว
ทั้งสองคนลับฝีปากกันอยู่ในห้องโถงใหญ่ ดุเดือดเผ็ดมันเป็นอย่างมาก
เดิมเจียงหว่านมาเอาเงินทุนไปบริหารบริษัท ผลสุดท้ายมาถึงตระกูลเจียงแล้ว คุณปู่ไม่เพียงบอกกับเธอว่าเงินทุนไม่พออย่างเดียวเท่านั้น ทั้งยังจะให้ตนเองจ่ายสมทบเข้าไปอีก นี่จะให้เจียงหว่านยอมรับได้อย่างไรกัน?
“คุณปู่คะ หรือว่าคุณปู่ต้องการจะเช็ดก้นเจียงมู่หลงตลอดไปเลยหรือคะ? สิบล้านแล้วก็ยังไม่พอ คุณปู่ยังจะออกสมทบให้เขาเพิ่มอีกแปดสิบล้านเลยหรือคะ? โครงการอย่างเดียวกัน แต่ทำไมฉันไม่ได้ใช้มากขนาดนั้นละคะ?” เจียงหว่านกันไปสบตาเอ่ยปากถามท่านเจียงสาม
“การตัดสินใจของฉัน เธอจำเป็นที่จะต้องตั้งคำถามด้วยหรือ? ตอนนี้เธอยังไม่ใช่ประมุขตระกูลเจียง!” ท่านเจียงสามขมวดคิ้วพลางกล่าว
“เจียงหว่าน เธอบังอาจนัก!”
เจียงมู่หลงเองก็ผุดลุกยืนก่นด่าเช่นเดียวกัน
มือทั้งสองข้างของเจียงหว่านจิกกำโต๊ะ บันดาลโทสะจนทั่วทั้งร่างสั่นเทาไปหมด
เรื่องที่คุณปู่ให้ท้ายเจียงมู่หลงนั้นช่างมันไปแล้วเหมือนกัน แต่ตอนนี้กลับต้องการให้เธอขายบ้านเสียอย่างนั้น หรือว่าคนที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับท่านเจียงสามนั้น มันมีเพียงแค่เจียงมู่หลงเขาคนเดียวเท่านั้นหรือ!
ติ๊ง!
เป็นในตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเจียงหว่านส่งเสียงดังขึ้นมา
เธอก้มศีรษะลงไป บนโทรศัพท์มือถือมีข้อความหนึ่งจากมู่เซิ่ง
เธอสบตาอ่านเนื้อหาในข้อความนั้นอย่างตกตะลึง ทั้งก็หันไปสบตามองมู่เซิ่งอีกครั้งด้วยสายตางุนงง บนข้อความของมู่เซิ่งกลับบอกว่าเธอสามารถไปกู้เงินจากธนาคารได้ด้วยตนเอง ยืมเงินทุนได้ถึงพันล้าน ทว่าเธอจะสามารถทำมันได้อย่างไร?
แล้วที่กระทำเช่นนี้ มันจะไม่ใช่การนำความรับผิดชอบทุกอย่างทั้งหมดมาเหมาเอาไว้เองหรอกหรือ แล้วพวกเขาเจียงมู่หลงจะไม่มีความสุขที่จะได้เห็นจุดนี้ได้อย่างไร?
หลังจากนั้น เจียงหว่านก็มองเห็นอีกหนึ่งข้อความในลำดับถัดมา ถึงได้มีสีหน้าตกตะลึงจนซีดเผือดอย่างแท้จริง
“มู่เซิ่งคะ คุณ…แน่ใจใช่ไหมคะว่าจะทำแบบนี้?” เจียงหว่านมีสีหน้าลังเล
“เชื่อผมครับ”
มู่เซิ่งพยักหน้าขึ้นลงไปมา
คำสามคำนี้ ราวกับหัวใจที่หนักแน่มั่นคงเลยก็ไม่ปาน เจียงหว่านพลันสงบลงในทันที ไม่ว่าเธอจะพบเธอความยุ่งยากใหญ่หลวงแค่ไหน ยามเมื่อได้ยินประโยคนี้ที่มู่เซิ่งกล่าวออกมาแล้วนั้น ก็ล้วนใจสงบลงได้ทั้งหมด ราวกับว่าสวรรค์ถล่มลงมาก็ไม่หวาดกลัวอีกต่อไปแล้วก็ไม่ปาน
“ค่ะ”
เจียงหว่านออกแรงพยักหน้าขึ้นลง
หลังจากนั้นเธอก็เปิดปากกล่าวต่อหน้าทุกคนอีกครั้งว่า “คุณปู่คะ หนูสามารถกู้เงินธนาคารมาได้ค่ะ เพื่อมาแก้ไขปัญหาเงินทุนในครั้งนี้”
เมื่อคำนี้ออกไปแล้ว เจียงมู่หลงแสยะยิ้มไม่หยุด “เจียงหว่าน กู้มาแค่ไม่กี่ล้านมันจะไปมีประโยชน์อะไร?”
“แค่ไม่กี่ล้านนี้ เก็บเอาไว้ตกแต่งบ้านใหม่ของเธอเถอะ!” เฉินเสว่กล่าวถากถาง
ท่านเจียงสามไม่ได้กล่าวคำ ทว่าเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าสีหน้าบนใบหน้านั้นไม่เชื่อถือคำพูดของเจียงหว่าน
เฉินเสว่ยังคิดอยากที่จะกล่าวอะไรต่ออีก ทว่ากลับได้ยินเสียงเอื่อยเฉื่อยเสียงหนึ่งดังเข้าหูว่า “พันล้าน พอไหมครับ?”
สายตาของทุกคนมองไปทันที กลับเป็นมู่เซิ่งที่กำลังเปิดปากกล่าวอยู่
“ไอ้ขยะ เกี่ยวอะไรกับนาย? อย่านึกนะว่าเจียงหว่านมานายมาด้วย แล้วนายก็จะกลายเป็นคนตระกูลเจียง!” เจียงมู่หลงกล่าวอย่างเย็นชา “พันล้าน? เกรงว่านายจะยังไม่ตื่นใช่ไหมน่ะ!”
“ฮ่า ๆ ไอ้ขยะ นายเคยหาเงินไหมน่ะ?”
เฉินเสว่ระเบิดเสียงหัวร่อออกมา
ลูกหลายตระกูลเจียงเองก็มีสีหน้าขบขันด้วยกันเหมือนกัน พันล้าน? ไอ้ขยะคนนี้มันกล้าพูดจริง ๆ เชียว เขาเองก็ไม่ลองคิด ๆ ดูหน่อยหรือว่าตนเองอยู่ในสถานะอะไรที่จะไปกู้เงินธนาคารมาถึงพันล้าน นอกเสียจากว่าจะเป็นตระกูลชั้นหนึ่งเท่านั้นแหละที่จะมีเงินทุน!
“มู่เซิ่ง ไสหัวออกไปเสีย ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่นายจะมาสอดปากได้” ท่านเจียงสามกล่าวอย่างเย็นชา
นับตั้งแต่ถูกมู่เซิ่งบีบบังคับให้ตกปากรับคำว่าจะให้เจียงหว่านเป็นประมุขตระกูลเจียง ในสายตาของเขาก็รู้สึกว่ามู่เซิ่งมีใจคิดอยากจะได้ตระกูลเจียงของพวกเขามาโดยตลอด
“คุณปู่คะ มันคือพันล้านเลยนะคะ!” เจียงหว่านสบตามองมู่เซิ่งไปหนึ่งหน ราวกับว่าสามารถสื่อใจถึงกันได้ ก่อนจะพยักหน้าหนัก ๆ พลางกล่าว
เห็นท่าทางมีธงในใจของเจียงหว่านแล้ว ท่านเจียงสามขมวดคิ้วเล็กน้อย หากสามารถได้พันล้านมาจริง ๆ แล้วละก็ เช่นนั้นตระกูลเจียงของพวกเขาก็จะไม่ต้องกังวลปัญหาเงินทุกอีกต่อไปแล้วเช่นเดียวกัน นอกจากนี้แล้ว เขายังสามารถนำเงินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งมาซื้อคฤหาสน์หรูได้หลังหนึ่งอีกด้วย!
“เธอแน่ใจหรือว่าเธอสามารถเอามาได้?”
ท่านเจียงสามเอ่ยถาม
“คุณปู่ครับ คุณปู่อย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะจำนำคฤหาสน์ไปแล้ว แต่ก็ได้กู้เงินมากขนาดนั้นมาไม่ได้หรอกครับ!” เจียงมู่หลงกล่าว
“คุยโม้ใคร ๆ ก็ทำได้ ถ้าเธอกู้ได้ไม่ถึงพันล้านล่ะ?” เจียงไห่เชาหัวเราะพลางกล่าว
“ถ้าฉันกู้เงินได้ไม่ถึงพันล้านก็จะเอาคฤหาสน์ที่เขตซีไห่ไปขายทิ้งค่ะ แล้วนำมาสมทบกับเงินทุน” เจียงหว่านกล่าว
“ฮ่า ๆ ๆ ได้นะ” เจียงมู่หลงระเบิดหัวเราะใหญ่โต ล้วนสงสัยว่าสมองของเจียงหว่านกระแทกพังไปแล้วใช่หรือเปล่า ที่กล้าสั่งการราวกับทหารออกมาพรรค์นี้ได้
“แต่ถ้าฉันกู้เงินถึงพันล้านได้ ฉันเองก็มีเงื่อนไขข้อหนึ่งเหมือนกันค่ะ” ไม่แคร์การเย้ยหยันของเจียงมู่หลง หลังเงียบไปครู่หนึ่งแล้ว เจียงหว่านก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“เงื่อนไขอะไร?”
“ง่ายดายมากค่ะ พี่เอาหุ้นในบริษัทยี่สิบเปอร์เซ็นต์มาให้ฉัน ให้มีฉันเป็นผู้ควบคุมดูแล!” เจียงหว่านชี้นิ้วไปยังเจียงมู่หลง ก่อนส่งเสียงดังกึกก้องไปทั่ว
“อะไรนะ!”
เจียงมู่หลงผุดลุกขึ้นยืนทันที “เจียงหว่าน เธอบ้าไปแล้วหรือไงวะ?!”