ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 107 ชีวิต
ตอนที่ 107 ชีวิต!
“สมองของนางมีปัญหาหรือเปล่า” ไป๋อิงอิงไม่ค่อยเข้าใจ
โจวเจ๋อก็ส่ายหน้า พูดตามจริง โจวเจ๋อก็มองไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อก่อนตอนที่เป็นหมอ มักจะเจอการเลือกฤกษ์งามยามดีในการผ่าคลอดเป็นประจำ แต่ยังไม่เคยเจอคนพูดว่าตอนตายก็ต้องเลือกเวลาตายเหมือนกัน
คาดว่าหญิงชราคนนี้ครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ตอนนอนป่วยอยู่บนเตียงน่าจะคอยจ้องนาฬิกาที่บ้านตลอดเวลา แล้วคำนวณเวลาว่าตัวเองจะหมดลมหายใจเมื่อไร
มองดูหญิงชราร้องไห้ฟูมฟายเอาศีรษะโขกพื้นแบบนี้ ไม่น่าจะแสร้งทำอยู่แล้ว คนก็ตายไปแล้ว ยังจะเสแสร้งอะไรอีก จะแกล้งทำไปให้ใครดูเหรอ
เพียงแต่เธอร้องไห้อยู่ตรงนั้นไม่หยุด ทำเอาโจวเจ๋อจิตใจสับสนวุ่นวาย นักพรตเฒ่ามองไม่เห็น แต่เขาก็ได้ยินและตัวเองก็เป็นคนนอนหลับไม่ลึกอยู่แล้ว อีกประเดี๋ยวตอนไปพักถูกเสียงดังรบกวนแบบนี้แล้วจะพักผ่อนได้อย่างไร
โจวเจ๋อไม่ได้มีจิตใจเมตตาขนาดนั้น และมโนธรรมของเขาก็ถูกตัวเองกินไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้
หญิงชราร้องไห้อยู่ตรงนั้น ไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากโจวเจ๋อได้ รังแต่จะทำให้เขาไม่พอใจ
“ขู่เธอหน่อยสิ สั่งให้เธอหยุดร้อง” โจวเจ๋อพูดกับไป๋อิงอิง
ไป๋อิงอิงพยักหน้า แยกเขี้ยวออกมา เผยกลิ่นอายของผีดิบออกมาในทันใด แล้วหญิงชราก็ไม่ร้องไห้จริงๆ เธอตกใจจนเป็นลม
ในเวลาเดียวกัน ความยึดติดที่อยู่บนตัวของหญิงชราก็กำลังกระจายหายไปอย่างช้าๆ
สาเหตุที่วิญญาณทั่วไปสามารถวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ได้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการอาศัยความยึดติด และถ้าหากความยึดติดหมดไป พวกเขาก็จะกลับไปยังสถานที่ที่พวกเขาควรจะไปโดยธรรมชาติ
แต่คนที่ยมทูตจำเป็นต้องจับไปลงนรก ก็คือผีที่ยังยึดติดไม่ปล่อยวางหรือไม่ก็วิญญาณที่กลายเป็นผีร้าย สิ่งเหล่านี้ถึงจะเป็นผลงานของยมทูต
ซึ่งหมายความว่า ก่อนหน้านั้นถ้าหากโจวเจ๋อจับตัวหญิงชราไป ก็จะถือเป็นผลงานเช่นกัน ถึงแม้จะทำคะแนนได้ไม่สูงมาก แต่ก็ยังเป็นเนื้อของยุง
แต่ตอนนี้หญิงชรากลับไปลงนรกด้วยตัวเอง ถึงแม้โจวเจ๋อที่บาดเจ็บอยู่ยอมเสี่ยงกับการที่แผลจะฉีกขาดหรือหมดสติเปิดประตูนรกให้กับหญิงชรา ก็เป็นแค่การเสียพลังงานส่งหญิงชราลงไปนรกให้เร็วขึ้นเท่านั้นเอง ในความเป็นจริงไม่มีข้อดีอะไรกับตัวเขาเลย
วิญญาณของหญิงชรากำลังสลายไปอย่างช้าๆ ค่อยๆ ไหลลงสู่พื้นดิน
“เถ้าแก่ มือของท่านทำไมถึงสั่น” ไป๋อิงอิงที่ประคองโจวเจ๋ออยู่ตลอดเวลาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของโจวเจ๋อ
“สงสาร”
โจวเจ๋อพูดออกมาสองคำ
เขาถือว่าพอเข้าใจสิ่งที่สาวน้อยโลลิพูดกับเขาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นหากปล่อยให้ไป๋อิงอิงอยู่ข้างกายเขาแล้ว ไอ้ผีพวกนี้ถูกเขาดึงดูดเข้ามา ผลปรากฏว่ากลับถูกผีดิบหลอกจนตกใจตื่นรู้ด้วยตัวเองโดยตรง ไม่กล้าแม้แต่จะตดก็ลงนรกไปอย่างว่าง่าย
แล้วเขายังจะทำอะไรได้อีก
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถบังคับกันได้ และเรื่องเซอร์ไพรส์ของวันนี้ก็มีแล้ว เรื่องกุญแจแห่งประตูนรกรวมทั้งสาวน้อยโลลิมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับข่าวใหญ่ที่คาดไม่ถึง มีมูลค่าสูงมากกว่าการทำผลงานจับผีเสียอีก
การนอนหลับครั้งนี้ ถือว่านอนหลับสนิทมาก
วันถัดมาเมื่อตื่นขึ้น โจวเจ๋อพบว่ากำลังของตัวเองฟื้นฟูกลับมาบ้างแล้ว ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรงเหมือนเมื่อวาน และไม่ต้องรอให้ไป๋อิงอิงประคองตัวเอง โจวเจ๋อก็ใช้มือยันพื้นลุกขึ้นมาเองได้
ถึงแม้จะโซเซเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นได้
“เถ้าแก่ ท่านไหวใช่ไหมเจ้าคะ”
ไป๋อิงอิงที่อยู่ด้านข้างเป็นห่วง กลัวว่าโจวเจ๋อจะล้มลงกะทันหัน โดยเฉพาะตอนที่โจวเจ๋อแสดงตัวไม่ให้ประคองลงบันได
ด้วยสภาพร่างกายของโจวเจ๋อในตอนนี้ ไม่ต่างกับคุณปู่คุณย่าที่เดินเหินไม่สะดวก
ไป๋อิงอิงเป็นห่วงจริงๆ กลัวว่าโจวเจ๋อจะล้มลงไปแขนขาหักหรือเป็นอัมพาตช่วงล่าง เก้าอี้รถเข็นไฟฟ้าที่มีเสียงดัง ‘หวูดๆๆ’ ที่นักพรตเฒ่าซื้อมา สงสัยคงต้องเอามาใช้จริงๆ
ตอนเช้าตรู่ ศพผีสาวค่อนข้างมีความคิดโลดแล่น นางจินตนาการภาพในหัวตอนที่เถ้าแก่ของตัวเองนั่งอยู่บนรถเข็นไฟฟ้าที่มีเสียงดัง ‘หวูดๆๆๆๆ’ แล้วคาบจุกนมเด็ก มันช่าง “ฮ่าๆๆๆๆ…”
ขณะที่หัวเราะ ไป๋อิงอิงต้องหยุดลง เพราะนางเห็นโจวเจ๋อหันมามองตัวเอง
“สมองมีปัญหาเหรอ” โจวเจ๋อถาม
ไป๋อิงอิงส่ายหน้า
“เป็นบ้าเหรอ” โจวเจ๋อถามอีก
ไป๋อิงอิงส่ายหน้าอีกทันที
นางก็ไม่กล้าพูดสิ่งที่ตัวเองจินตนาการเมื่อครู่ออกมา ไม่อย่างนั้นรอให้เถ้าแก่สุขภาพหายดีแล้วคงจะแทงนางตายเป็นแน่
อืม ใช้เล็บแทงเข้ามา
โจวเจ๋อรู้สึกว่าเช้านี้สาวใช้ของตัวเองคนนี้ไม่ต่างจากคนสติเสีย เขาจึงเอ่ยว่า
“ลองร้องสองที”
“อิงๆๆ”
อ้อ ปกติแล้ว
โจวเจ๋อค่อยๆ จับราวบันไดเดินลงมา เขาค้นพบความสำเร็จเหมือนตอนที่หัดเดินยามเป็นเด็ก พูดตามจริง ความรู้สึกที่ดื่มเหล้าแล้วภาพตัดจำอะไรไม่ได้โจวเจ๋อไม่อยากลองอีกแล้ว
ความสนุกมีเพียงชั่วคราว แค่ช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นก็คือความหมดแรงและเสื่อมโทรมที่ยาวนาน
ก็เหมือนเวลาที่กินของพวกนั้นมากเกินไปแล้วปั่บๆๆ บนเตียงเจ็ดครั้งในคืนเดียว ผลสรุปคือวันต่อมาหมดแรงปวดเมื่อยเนื้อตัวกระทั่งหักโหมมากจนเสียชีวิต
นักพรตเฒ่าตื่นแล้ว เขาไม่ว่าจะนอนดึกแค่ไหนก็จะตื่นเช้าตลอด เขามีเวลาพักผ่อนที่ตายตัว ตอนเช้ายังต้องไปฝึกหมัดมวยอีก
ในฐานะนักพรตที่กระตือรือร้นและห่วงใยผู้หญิงที่ค้าประเวณี เขาจึงตระหนักและให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกายของตัวเองเป็นอย่างมาก
ตอนที่โจวเจ๋อเดินลงมา นักพรตเฒ่าฝึกหมัดมวยเสร็จแล้ว และกำลังพูดกับเจ้าลิงน้อย
มีโคลนสีดำติดอยู่ที่มือของนักพรตเฒ่า และยังมีถุงขนาดใหญ่ถุงหนึ่งอยู่บนพื้น
โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย นั่นคือสิ่งที่เจ้าลิงน้อยทาบนตัวเขาตอนที่เขาบาดเจ็บ ได้ผลชะงัดมาก ไม่ด้อยไปกว่า ‘ยาต่อกระดูกเฮยอวี้’ ในนิยายกำลังภายในเลย
เพียงแต่กลิ่นของมันเหม็นไปหน่อย สำหรับคนที่รักสะอาดอย่างโจวเจ๋อแล้ว เอาโคลนมาทาบนตัวเขาไม่ต่างจากการลงโทษที่โหดเหี้ยม
แต่หลังจากนั้น ฉากที่ทำให้โจวเจ๋อตกใจ และรู้สึกว่าเป็นการทรมานที่หนักกว่าเดิมได้ปรากฏขึ้น
นักพรตเฒ่านำถุงพลาสติกที่ใส่โคลนมาแตะที่ด้านหน้าของเจ้าลิงน้อย หรือจะพูดให้ถูกก็คือแตะที่เป้าของเจ้าลิงน้อย พร้อมกับทำเสียง ‘ซู่ๆๆๆ…’ ออกมาจากปากในเวลาเดียวกัน
“บรรพบุรุษน้อย เจ้ารีบฉี่ออกมาสิ ตอนนี้พวกเรารอทำเงินจากเจ้านี่กันอยู่ เด็กดี รีบฉี่เร็ว เด็กดี ซู่ๆๆๆ…”
โจวเจ๋อมีสีหน้ากระอักกระอ่วน โคลนที่เอามาทาบนร่างกายของตัวเอง ที่แท้ ที่แท้ก็ ที่แท้ก็ได้มาแบบนี้เหรอ!
“อุ๊ย!”
ไป๋อิงอิงมือไวตาไว รีบคว้าโจวเจ๋อไว้ตอนที่เขาเกือบจะล้มลง
นักพรตเฒ่าได้ยินเสียงจึงหันมา แล้วยิ้มแฉ่งเหมือนพระอาทิตย์สดใสที่อยู่ด้านนอกให้โจวเจ๋อ พลางโบกมือข้างหนึ่งที่ถือโคลนสีดำพร้อมกับเอ่ยทักทายว่า
“เถ้าแก่ สวัสดีตอนเช้า!”
สวรรค์คงจะสงสาร ถ้าหากไม่ใช่เพราะโจวเจ๋อได้รับบาดเจ็บมาระยะหนึ่ง ไม่รู้จริงๆ ว่านักพรตเฒ่าจะตายไปกี่ครั้งแล้ว
…
ตอนกลางวันถึงตอนบ่าย โดยทั่วไปแล้วร้านหนังสือจะไม่เปิดบริการ ร้านหนังสือที่ตั้งอยู่บนถนนหนานต้าซึ่งเป็นทำเลทองใจกลางเมืองแห่งนี้ ชอบเอาแต่ใจแบบนี้ นี่แหละคือความมีระดับ!
แต่ถ้ามีลูกค้าเข้ามา อยากซื้อหนังสือ อ่านหนังสือ หรือดื่มเครื่องดื่มอะไร ก็ยังรับปกติ
ทว่าก่อนหน้านั้นสวี่ชิงหล่างอยากลดปริมาณงานของตัวเอง ถึงได้แขวนป้ายว่า
‘ร้านนี้ค่าใช้จ่ายขั้นต่ำสุดหนึ่งร้อยหยวน’ นี่มากพอที่จะทำให้ลูกค้าที่มีศักยภาพแฝงแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ตกใจ
โจวเจ๋อก็ปล่อยให้มันเป็นไป เมื่อคนที่ไม่เกี่ยวข้องน้อยลง ปริมาณงานของทุกคนจึงเบาลง
แน่นอน ใช่ว่าจะไม่มีเศรษฐีเข้ามาเลย ตอนที่โจวเจ๋อเพิ่งจะกินข้าวเสร็จ และกำลังต่อสู้กับอาการคลื่นไส้ภายในร่างกายตัวเองอยู่ มีผู้ชายวัยกลางคนผมบางใส่เสื้อคลุมสีเหลืองเดินเข้ามา
ดูเหมือนเขาจะพอใจกับความเงียบสงบของร้านนี้เป็นอย่างมาก หลังจากขอน้ำเย็นหนึ่งแก้วก็หยิบโน้ตบุ๊กของตัวเองออกมา นั่งทำงานบนโซฟา
สักพักหนึ่งโน้ตบุ๊กของเขาเหมือนจะเปิดลำโพงมีเสียงดังว่า ‘คาสิโนออนไลน์เจ้าแรกของมาเก๊ามาแล้ว เจ้ามือสาวสวยแจกไพ่ออนไลน์…’
นักพรตเฒ่าได้ยินก็เข้าใจความหมาย หูขยับ แล้วเขยิบเข้ามาทันที เหมือนว่าเขาเจอเพื่อนนักพรตสายเดียวกันแล้ว
พอดูไปที่หน้าจอ นักพรตเฒ่างงเป็นไก่ตาแตก ไหนบอกว่าเป็นภาพยนตร์แอกชันด้านการศึกษาของประเทศญี่ปุ่น แต่ไหงหน้าจอมีแต่ชิปบ้าบออะไรเต็มไปหมด
“คุณก็เล่นเว็บพนันเหรอ” ผู้ชายคนนั้นถามนักพรตเฒ่าที่ยื่นหน้าเข้ามาด้วยความสนใจ
นักพรตเฒ่าเป็นใคร เล่นกับลิงตัวหนึ่งจนจะกลายเป็นพี่น้องกันแล้ว
เวลาออนไลน์สามารถหลอกชาวเน็ตผู้น่ารักในห้องไฟล์สดให้ซื้อเงินกระดาษได้ เวลาออฟไลน์ก็สามารถหลอกพวกเถ้าแก่ถ่านหินของเหลียวหนิงให้ส่งถ่านหินไปขายที่มณฑลซานซีได้ เขาจึงพูดโดยตรงว่า
“เล่นสิ เล่นตาสองตาเป็นครั้งคราว แต่เล่นไม่เยอะ ไม่เห็นจะมีอะไรสนุก ไม่ตื่นเต้น ปกติข้าชอบไปเที่ยวที่มาเก๊า ไปพักผ่อนหย่อนใจ” นักพรตเฒ่าขณะพูดได้ใช้นิ้วก้อยแคะหู พูดอย่างสบายใจ!
ขณะเดียวกัน นักพรตเฒ่าสั่งให้เจ้าลิงน้อยยื่นหัวออกมาแล้วลูบหัวของมัน จากนั้นก็เต๊ะท่า เห็นไหม ลิงขนทองสัตว์คุ้มครองของประเทศเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า ไม่ด้อยไปกว่าเศรษฐีอาหรับที่เลี้ยงเสือใช่ไหมล่ะ
ผู้ชายคนนั้นตกตะลึงก่อนเป็นอย่างแรก เพราะทำอะไรไม่ได้ และที่นักพรตเฒ่าคุยโวก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าเขาก็ไม่แน่ใจ แต่ลิงขนทองตัวนี้ เป็นของจริงแน่นอน
แถมเปิดร้านหนังสือแบบนี้ในย่านใจกลางเมืองอย่างถนนหนานต้า หากสมองไม่มีปัญหาก็ต้องมีเงินเยอะจึงเอามาเผาเล่นเป็นเกมชีวิตก็เท่านั้น
ทันใดนั้นผู้ชายคนนั้นพลันแสดงความกระตือรือร้นกับนักพรตเฒ่า เชิญนักพรตเฒ่ามานั่งข้างๆ ตัวเอง แล้วอธิบายวิธีการเล่นบนเว็บไซต์ของตัวเองอย่างละเอียด
โจวเจ๋อนั่งฟังอยู่ข้างๆ จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมา พลางคิดว่าจะโทรแจ้งความดีไหม
เว็บพนันในประเทศส่วนใหญ่ล้วนหลอกลวง หลอกให้คนโอนเงินเข้าไป ตอนแรกทำเงินให้คุณก่อนจากนั้นก็ค่อยเชือดคุณ อันที่จริงเป็นวิธีการที่ใช้กันในบ่อนพนันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษแล้ว แต่คนที่โดนหลอกก็มีมากมายนับไม่ถ้วน
เพราะกับดักต่อให้เปลี่ยนไปอย่างไร ก็ไม่สำคัญเลยจริงๆ ที่สำคัญคือความโลภในใจของคน มันสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เปลี่ยนแปลงไม่ได้
แต่บทสนทนาต่อจากนี้ ทำให้โจวเจ๋อไม่โทรแจ้งความชั่วคราว
เพราะนักพรตเฒ่าเต๊ะท่าตลอด ทำท่าทางดูถูกการเล่นหวยหรือวิธีการเล่นพนันรูปแบบต่างๆ ที่พบเห็นได้ทั่วไปเหล่านี้ ทำให้ผู้ชายคนนั้นต้องลงทุนเอาใจลูกค้าเศรษฐีที่สมองมีปัญหาคนนี้ สุดท้ายจึงพูดว่า
“มีรายการอันหนึ่งที่ตื่นเต้นจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าเถ้าแก่จะกล้าเล่นหรือไม่”
“เชอะ ช่วยอาบน้ำให้ผีก็ทำมาแล้ว ยังต้องกลัวรายการน่าตื่นเต้นหวาดเสียวของเจ้าอีกเรอะ”
อันนี้มีคนเป็นพยานได้ว่า นักพรตเฒ่าไม่ได้ขี้โม้
“เจ้าพูดมาเถอะ พนันอะไร” นักพรตเฒ่าเร่งถาม
ผู้ชายคนนั้นลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ยังเอ่ยว่า “พนันชีวิต!”
เพียงชั่วเวลาเดียว โจวเจ๋อที่ดื่มกาแฟคอยฟังอยู่ข้างๆ ช้อนในมือสั่นเล็กน้อย ในหัวของเขา มีภาพของหญิงชราคนนั้นยืนจ้องมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ในร้านเมื่อคืนวาน แม้แต่ตัวเองตายแล้วก็ยังไม่รู้ตัว
และยังมีตำรวจผู้เสียสละคนนั้นที่โจวเจ๋อเป็นคนส่งไปลงนรกด้วยตัวเอง ก่อนจะไปเขาได้พูดกับโจวเจ๋อว่า เขากำลังตามสืบสมาคมการพนัน พวกเขาไม่พนันอย่างอื่นและไม่เล่นอย่างอื่น แต่พนันชีวิต!
…………………………………………………………………………