ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 193 คนประเภทเดียวกันจะอยู่ด้วยกัน
ตอนที่ 193 คนประเภทเดียวกันจะอยู่ด้วยกัน
ชุดเกราะซามูไรนี้ใช้วัตถุดิบหลักจากไม้ไผ่ หนัง และโลหะอีกส่วนหนึ่ง สีดำทั้งชุด มีความประณีตของการผลิตสูง ใครเห็นต่างต้องชื่นชม
อันที่จริงชุดเกราะซามูไรญี่ปุ่นเทียบกับเกราะของประเทศอื่นในยุคเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังป้องกันหรือว่าคุณสมบัติของการใช้งาน ไม่นับว่ายอดเยี่ยมที่สุด เพราะในช่วงระยะเวลาที่ยาวนาน คนญี่ปุ่นต่างปิดประเทศแล้วเข้าสู่ ‘ยุคสงครามกลางเมือง’ ตีกันเอง แต่หากมองข้ามไม่พูดถึงข้อบกพร่องเหล่านี้ จริงๆ แล้วมันดูดีมาก
และโจวเจ๋อในเวลานี้ ตอนที่ยืนอยู่หน้ากระจกมองตัวเองถูกชุดเกราะนี้ห่อหุ้มอยู่ เขาไม่รู้สึกโกรธหรืออึดอัดที่มีเจ้าสิ่งนี้ปรากฏขึ้นมาบนตัวอย่างกะทันหัน กลับกันหากยังไม่พูดถึงลักษณะของการป้องกันและการใช้งานของชุดเกราะซามูไรนี้ ลำพังแค่มันจู่ๆ โผล่ออกมาตอนที่ตัวเองกำลังต่อสู้ ก็รู้สึกว่าตัวเอง ‘โครตเท่’ อย่าบอกใคร
และหากข้างๆ มีนักพรตเฒ่าช่วยหาเพลงพื้นหลังสุดคลาสสิกสักเพลงมาเป็นเพลงประกอบอย่างทันท่วงที อย่างนั้นผลลัพธ์จะดียิ่งขึ้น บางทีอาจจะเป็นเพราะได้รับผลกระทบจากสินค้าวัฒนธรรมของญี่ปุ่นยุคสมัยใหม่ อย่างน้อยสำหรับโจวเจ๋อแล้ว จึงไม่รังเกียจชุดเกราะซามูไรนี้
โจวเจ๋อยังจำได้ว่าตอนเป็นเด็กอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หลังจากกินข้าวเย็นแล้ว เด็กๆ กลุ่มใหญ่จะมานั่งรวมกันอยู่หน้าโทรทัศน์ที่อยู่ในห้องรับแขกตรงเวลาเป๊ะ จากนั้นทุกคนก็นั่งบนเก้าอี้ตัวเล็กอย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อรอดูการ์ตูน
ตอนนั้นเครื่องเล่นและบันทึกวิดีโอรวมทั้งวีซีดีและดีวีดียังไม่แพร่หลาย ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วทุกคนจะดูโทรทัศน์กันเสียมากกว่า มีช่วงหนึ่ง การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง ‘ซามูไรทรูปเปอร์’ เคยออกอากาศและได้รับความนิยมสูงมากในประเทศจีน ถึงแม้ว่ามองด้วยมุมมองในยุคปัจจุบัน การออกแบบเกราะซามูไรและเพลงประกอบของการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องนี้ก็ยังไม่ตกยุคเลย
จากนั้นโจวเจ๋อก็ยื่นแขน ยกขา บิดเอว ถึงแม้ตอนนี้ร่างกายของตัวเองจะอ่อนแอ แต่โจวเจ๋อก็ยังโพสต์สองสามท่าอยู่หน้ากระจก ให้ความรู้สึกเหมือนคนแก่ที่ยังรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นวัยรุ่นอยู่
เมื่อยืนเล่นจนพอใจแล้ว โจวเจ๋อก็หลับตา เกราะซามูไรจึงหายไป เขาถอนหายใจยาว และนั่งลงอีกครั้ง ตอนนี้ร่างกายได้ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
ไป๋อิงอิงหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้ามาในห้องน้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นโจวเจ๋อมีเหงื่อท่วมตัวอีกแล้ว จึงไม่เข้าใจ และได้แต่ช่วยเช็ดตัวให้โจวเจ๋ออีกหนึ่งรอบ
เขาเพลิดเพลินไปกับการบริการของสาวใช้ตัวเอง เถ้าแก่โจวที่อาบน้ำเสร็จเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดสะอาดแล้วถูกไป๋อิงอิงประคองมานั่งบนโซฟาที่ตัวเองชอบมากที่สุด โต๊ะน้ำชาที่อยู่ตรงหน้ามีผลไม้หนึ่งจานกับกาแฟและหนังสือพิมพ์วางอยู่ ช่วงเวลายามบ่ายที่แสนจะผ่อนคลายสมควรที่จะถูกใช้ให้หมดไปแบบนี้
เถ้าแก่โจวเข้าสู่บทบาทของคนว่างงานอย่างรวดเร็ว นี่อาจจะเป็นเพราะนิสัยตามธรรมชาติ และหลังจากที่เจอเหตุการณ์ครั้งที่แล้ว โจวเจ๋อก็เริ่มปัดกิจกรรมใดๆ ที่ตัวเองต้องออกจากร้านหนังสือออกไปโดยสัญชาตญาณ
นิสัยของเขามีความเห็นแก่ตัวเล็กน้อย และค่อนข้างเป็นคนประเภทที่ใช้ชีวิตไปวันๆ อย่ามายุ่งกับฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะว่างมากจนน้ำท่วมตายก็ไม่แคร์
ตอนนี้นักพรตเฒ่ากลับมาแล้ว เนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ เมื่อเห็นโจวเจ๋อนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟา นักพรตเฒ่าจึงหัวเราะ ‘ฮิๆ’ สองทีด้วยความดีใจ แล้วหยิบเบียร์เย็นๆ หนึ่งขวดเดินเข้ามาหาทันที “เถ้าแก่ พอกลับบ้านแล้วได้เห็นเจ้านั่งอ่านหนังสือพิมพ์แบบนี้เหมือนอย่างเคย รู้สึกดีมากจริงๆ”
ความหมายอีกอย่างของนักพรตเฒ่าคือ เหมือนสามีคนหนึ่งที่ออกไปทำงานนอกบ้านกลับมาแล้วเห็นภรรยาของตัวเองกำลังให้นมลูกอยู่ ความเหน็ดเหนื่อยอะไรต่างหายเป็นปลิดทิ้ง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คำพูดเหล่านี้ฟังแล้วดูแปลกพิลึก
โจวเจ๋อมองนักพรตเฒ่าหนึ่งที เมื่อเห็นว่าเขาดูกระฉับกระเฉง เดินเหินสะดวกแข็งแรง ทันใดนั้นก็รู้สึกอิจฉาเขาขึ้นมา หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นถึงแม้นักพรตเฒ่าจะได้รับการต่ออายุจากยาบำรุงซือตันของไป๋อิงอิง สามารถรับรองว่าเขาจะไม่ตาย แต่คิดไม่ถึงว่าพลังชีวิตของนักพรตเฒ่าจะอึดมากขนาดนี้ แค่ไม่นานก็กลับมาแข็งแรงแล้ว
นักพรตเฒ่าอายุเจ็ดสิบปีกลับมีพลังชีวิตที่น่ากลัวแบบนี้ แถมตื่นมาตอนเช้านกเขาก็ขันแล้ว รู้สึกอิจฉาเขาจริงๆ
“ร่างกายของคุณ เป็นยังไงบ้าง” โจวเจ๋อถาม
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องใส่ใจบ้าง ถึงแม้โจวเจ๋อจะรู้สึกว่า ต่อให้นักพรตเฒ่าทำกิจกรรมบนเตียงกับผู้หญิงสองคนทั้งคืนก็จะไม่มีปัญหาก็ตาม
“ก็ดีนะ รู้สึกแข็งแรงกว่าแต่ก่อน” นักพรตเฒ่าตบหน้าอกของตัวเองแล้วนั่งลงข้างๆ โจวเจ๋อ จากนั้นยื่นมือชี้ไปที่ไป๋อิงอิงที่กำลังยุ่งกับการทำงานอยู่ข้างหลัง แล้วพูดเบาๆ ว่า “เถ้าแก่ เรื่องของอิงอิงเจ้าจัดการได้หรือยัง”
“รอผมฟื้นฟูกลับมาก่อนก็จัดการได้แล้ว”
“อย่างนั้นก็ดี สาวน้อยหน้าตาดีแท้ๆ” นักพรตเฒ่าเดาะปาก แล้วเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นเดินออกมาเปิดทีวีกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อย
“โอ๊ะ เถ้าแก่ วันนี้มีแข่งขันฟุตบอล เจ้าจะดูไหม”
“ไม่สนใจ” โจวเจ๋อไม่ใช่แฟนบอล
“การแข่งขันของสโมสรฟุตบอลทงเฉิงจืออวิ๋น ดูเหมือนทีมที่เตะด้วยจะเป็นทีมในไชนีสซูเปอร์ลีก เอฟเอคัพจีนใช่ไหม ทีมไชน่าลีกทูเตะกับไชนีสซูเปอร์ลีก ไม่ค่อยมีให้เห็นกันบ่อยๆ นะ ข้าดูดีกว่า”
จริงๆ แล้วนักพรตเฒ่าก็ไม่ใช่แฟนบอล แต่เขามีดวงสัมพันธ์กับฟุตบอลอยู่บ้าง ตอนนั้นที่เดินทางไปทั่วทุกสารทิศเคยได้รับเชิญจากสโมสรฟุตบอลให้ไปทำพิธีอยู่ไม่น้อย หมายความว่าช่วยปลุกเสกเบิกเนตรให้ทีมเหย้าเพื่อความโชคดี
ประมาณว่าทีมฟุตบอลสองสามทีมนั้นโชคร้ายนิดหน่อย ตอนที่เป็นทีมเหย้าแล้วต้องยิงประตูมักจะเตะโดนเสาหรือไม่ก็โชคไม่ดีต่างๆ นานา แต่ไม่ว่าอย่างไรนักพรตเฒ่าก็เหมือนแมวตาบอดเจอหนูตาย หรือไม่ก็นักฟุตบอลรู้สึกว่าทีมเหย้าของตัวเองพอได้ปลุกเสกทำพิธีแล้วความรู้สึกทางจิตใจเปลี่ยนไป คะแนนของทีมเหย้าดีขึ้นในทันตา นักพรตเฒ่าจึงได้รับความนิยมมากเพราะเหตุนี้ หลังจากมีชื่อเสียงแล้วก็ถูกสโมสรสองสามแห่งเชิญไปทำพิธี
ต้องบอกคนจีนที่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ อันที่จริงนั้นมีไม่เยอะมาก อย่าเห็นว่ามีการจุดธูปบูชาในวัดกันอย่างแพร่หลาย แต่ทุกคนก็แค่อยากไปร่วมให้ความครึกครื้นเท่านั้น เข้าวัดไหว้พระ เหมือนเป็นการขยายจิตใจ และจริงๆ แล้วไม่นับว่าเป็นเรื่องงมงาย ก่อนการก่อสร้างตึกขนาดใหญ่หรือก่อนละครและภาพยนตร์จะเปิดกล้อง มักจะวางของเซ่นไหว้และธูปเทียนบนโต๊ะเพื่อความเป็นสิริมงคล
แต่นักพรตเฒ่าเมื่อสองสามปีก่อนเล่นเยอะเกินไป จึงเกิดทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก หากคุณเชิญนักพรตเฒ่า ฉันก็จะเชิญหมอผีหรือไม่ก็พระ ไม่ว่าอย่างไรฝ่ายคุณเล่นอย่างไรฝ่ายเราก็เล่นแบบนั้น การปลุกเสกเบิกเนตรประเภทต่างๆ ได้แสดงเอกลักษณ์เฉพาะตัวทางวัฒนธรรมท้องถิ่นของสโมสรแต่ละพื้นที่ ดูคึกคักมาก
ทว่าพิธีเหล่านี้ถูกแฟนบอลถ่ายภาพไว้ได้และเกิดความโกลาหลในอินเทอร์เน็ต แฟนบอลแค่เอามาพูดแซว แต่กลับถูกเบื้องบนจับตามอง ทางสมาคมฟุตบอลจีนจึงส่งหนังสือลงมา ห้ามสโมสรต่างๆ ทำเรื่องแบบนี้อีก
ด้วยเหตุนี้นักพรตเฒ่าจึงถูกตัดเส้นทางทำมาหากิน และได้แต่เปลี่ยนอาชีพไปทำไลฟ์สด ซึ่งก็คือเรื่องราวหลังจากนั้น
…
สวี่ชิงหล่างไม่ได้ขับรถกลับบ้านเกิด แต่อาศัยเรียกรถจากแอปซุ่นเฟิงเชอทั้งขาไปและขากลับ ตอนที่เขาเรียกรถกลับมาหลังจากที่จัดการเรื่องที่บ้านเกิดเรียบร้อยแล้ว ระหว่างทางคนขับรถดูเหมือนจะแอบมองเขางอยู่บ่อยครั้ง
โอเค สำหรับเรื่องโดนแอบมองสวี่ชิงหล่างเคยชินและมีภูมิต้านทานแล้ว เขารู้จักหน้าตาและบุคลิกของตัวเองเป็นอย่างดี และเป็นเรื่องที่น่าจนใจเช่นกัน
ทว่าคนขับรถดูผิดปกติเล็กน้อย หยิบโทรศัพท์ออกมาเป็นพักๆ แล้วจงใจมองเขาจากกระจกหลัง สุดท้ายคนขับรถจึงอดไม่ไหวแล้วถามว่า “คุณคือผู้ชายที่ชอบแต่งตัวเป็นผู้หญิงเหรอ”
สวี่ชิงหล่างไม่เข้าใจในทันที
คนขับรถส่ายหน้า มองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้งแล้วถามว่า “คุณเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่”
“ผู้ชายครับ”
สวี่ชิงหล่างชี้ไปที่คนขับรถแล้วเอ่ยว่า “คุณกำลังดูอะไรครับ”
“อ้อ ไม่มีอะไร”
“บอกผมมา กำลังดูอะไร” สวี่ชิงหล่างพูดอย่างเด็ดเดี่ยว และยังไม่ต้องพูดถึงมาดเผด็จการของคนที่มีห้องชุดยี่สิบกว่าห้อง แค่พูดถึงบุคลิกที่ถูกฝึกหลังจากที่ผ่านเรื่องราวต่างๆ ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา สวี่ชิงหล่างที่พูดอยู่ตอนนี้มาพร้อมกับความรู้สึกบีบอัดไม่ต่างจากมาดของจักรพรรดินีอู่เจ๋อเทียน
คนขับรถก็เป็นเด็กหนุ่ม ไม่ใช่คนมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรมาก และด้วยความตื่นเต้นจึงชี้นิ้วไปที่หน้าจอแล้วพูดว่า “พวกเรามีการให้ประเมินคนขับรถ ลูกค้ามองไม่เห็น ผมเห็นในคอมเมนต์พูดว่า คุณหน้าตาสวย และมีคนเดาว่าคุณเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงด้วย ก่อนหน้านั้นที่ผมรับงานของคุณก็เพราะเห็นคอมเมนต์นี้ ดังนั้นจึงสนใจและรับงานทันที จริงๆ แล้วทางของคุณกับทางของผมมันต่างกันมาก”
“น่าเบื่อ” สวี่ชิงหล่างส่ายหน้าอย่างดูแคลนแล้วหลับตา
หลังจากผ่านไปประมาณยี่สิบนาที รถได้มาจอดที่หน้าประตูร้านหนังสือ สวี่ชิงหล่างลงจากรถ เห็นคนอยู่ในร้านหนังสือไม่น้อย และเป็นคนที่มีชีวิตอยู่ พอผลักประตูเข้าไป สวี่ชิงหล่างเห็นโจวเจ๋อนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์
“คุณตื่นแล้วเหรอ” สวี่ชิงหล่างทักทาย
“อืม” โจวเจ๋อพยักหน้า
“ทำไมคึกคักขนาดนี้” สวี่ชิงหล่างถาม
โจวเจ๋อชี้ไปที่หน้าจอทีวีขนาดใหญ่แล้วเอ่ยว่า “ตอนแรกนักพรตเฒ่ากำลังดูการแข่งขันฟุตบอล จากนั้นคนที่เดินผ่านไปมาจำนวนไม่น้อยมองเห็นผ่านทางหน้าต่างกระจก ก็เลยเข้ามาดูด้วยกัน”
“จ่ายหนึ่งร้อยหยวนเพื่อเข้ามาดูการแข่งขันฟุตบอลเนี่ยนะ” สวี่ชิงหล่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร
อันที่จริงทงเฉิงไม่มีทีมฟุตบอลอาชีพมานานแล้ว แต่หลังจากสองปีก่อน จู่ๆ กลับมีกลุ่มแฟนบอลจำนวนไม่น้อยรวมตัวกัน ถึงแม้จะเป็นการแข่งขันไชน่าลีกทู ทว่าทุกครั้งจะมีผู้ชมไปดูการแข่งขันในสนามเกือบหนึ่งหมื่นคน ได้รับความฮอตฮิตเหนือกว่าทีมไชนีสซูเปอร์ลีกอีก
“แม่ง ตามหลังสองต่อศูนย์แล้ว แม่มึงเอ๊ย ไม่ดูแล้ว!”
ผู้ชายวัยกลางคนที่มีรอยสักมากมายตามตัวคนหนึ่งได้ตะโกนด่าออกมาสองสามคำ สุดท้ายจึงเดินมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แบบไม่ค่อยสมัครใจเท่าไร
“โกงกันชัดๆ ผมสั่งแค่สไปรท์สองขวด ก็เก็บผมหนึ่งร้อยหยวน และที่สำคัญคือแม่งแค่ครึ่งแรกก็โดยยิงไปสองประตูแล้ว ผมหาเรื่องจ่ายเงินแท้ๆ”
ผู้ชายที่มีรอยสักคิดอยากจะเก็บเงินหนึ่งร้อยหยวนกลับมา จึงพูดกับโจวเจ๋อว่า “”เถ้าแก่ คุณกล้าเก็บเงินผมเหรอ ผมก็อยู่ย่านนี้แหมือนกัน ฉายาพี่ชายสุดแกร่ง วันหลังถ้าคุณมีปัญหาอะไรมาบอกผมก็พอ…”
“ไม่เก็บแล้ว” โจวเจ๋อตอบ
ผู้ชายมีรอยสักหัวเราะ ‘ฮิๆ’ ยื่นนิ้วชี้ไปที่โจวเจ๋อ เพื่อบอกว่าเขาช่างรู้อะไรควรไม่ควร แท้จริงแล้วคนที่สามารถเปิดร้านในถนนหนานต้าได้ ไม่ใช่เป้าหมายของอันธพาลที่แข็งนอกอ่อนในมานานแล้ว ผู้ชายมีรอยสักหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนแล้วคาบใส่ปาก จุดไฟ จากนั้นเดินออกจากร้านหนังสืออย่างสบายใจเฉิบ
“ไอ้คนไม่รู้ที่ตาย” สวี่ชิงหล่างพูดเยาะเย้ยอยู่ข้างๆ
เขาเข้าใจว่าทำไมจู่ๆ โจวเจ๋อถึงใจดีไม่เก็บเงินของเขา นี่ไม่ใช่เพราะได้รับคำข่มขู่แต่อย่างใด
ตลกชะมัด ยมทูตคนหนึ่งถูกนักเลงในโลกมนุษย์ข่มเหง แบบนี้ยังจะใช้ชีวิตต่อได้ไหม บวกกับเถ้าแก่โจวที่มีนิสัยขี้งกเหมือนเออเฌนี กร็องเดต์ เขาจะยอมเสียเงินเหรอ
อันที่จริงสวี่ชิงหล่างมองออกว่า จุดอิ้นถังของอันธพาลที่มีรอยสักคนนั้นมีแสงสีดำ และมีไอสีดำวนอยู่รอบตัวของเขา เห็นได้ชัดว่าช่วงนี้เรียกสิ่งอัปมงคลเข้าตัวเยอะมาก ถ้าหากไม่มีคนมีบุญช่วยเขาขจัดภัย เบาสุดคือป่วยหนัก หนักสุดคืออาจจะเดินอยู่ดีๆ แล้วถูกรถชน
คนกำลังใกล้ตาย ไม่ต้องเก็บเงินดีกว่า ไม่แน่ผ่านไปอีกสองสามวันอาจจะเข้ามาที่ร้านหนังสืออีก เก็บเงินตอนที่คุณมีชีวิตอยู่ไม่ได้ รอคุณตายแล้วก็เก็บได้เหมือนกัน อย่างไรก็ตามเถ้าแก่โจวก็นั่งรอผลประโยชน์อย่างเดียว
โจวเจ๋อจุดบุหรี่หนึ่งมวนอย่างเงียบๆ รอบนอกของร้านหนังสือล้วนเป็นกระจก ดังนั้นจึงสามารถมองเห็นผู้ชายมีรอยสักที่เพิ่งเดินออกไปได้ชัดเจน
ผู้ชายที่มีรอยสักสูบบุหรี่เฮือกใหญ่ พลางเดินออกไป ขณะที่กำลังจะพ่นควันออกมา มีผู้หญิงท้องคนหนึ่งเดินผ่านหน้าเขาพอดี ผู้ชายมีรอยสักเห็นผู้หญิงท้องโตเดินผ่าน จึงกลั้นควันบุหรี่ทันที คนที่สูบบุหรี่ต่างรู้ว่าการกลืนควันบุหรี่ที่มีรสเปรี้ยวลงไป ก็ไม่ต่างจากกลืนมัสตาร์ดเข้าไปครึ่งหนึ่ง
หลังจากผู้หญิงท้องเดินผ่านไป ผู้ชายมีรอยสักจึงโน้มตัวแล้วอาเจียนแห้งๆ กับพื้นไม่หยุด
เถ้าแก่โจวพ่นควันบุหรี่ออกมา สวี่ชิงหล่างที่อยู่ข้างๆ เขาก็เห็นฉากนี้เหมือนกัน
“นายไปช่วยเขาหน่อย” โจวเจ๋อกล่าว
สวี่ชิงหล่างพยักหน้า
…………………………………………………………………………