ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 2 นรก
ตอนที่ 2 นรก!
หนาว
หนาวมาก…
โจวเจ๋อไม่รู้ว่าทำไมที่นี่ถึงหนาวมากขนาดนี้
เขาเดินไปตามทางเล็กๆ ที่เงียบสงัด ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยดอกไม้บานสะพรั่ง แต่กลับไม่มีกลิ่นอายอันงดงามของความโรแมนติกเลยแม้แต่น้อย ดอกไม้ที่สวยงามพริ้งพราว ราวกับเป็นผู้ชมที่กำลังมุงดูและเยาะเย้ยตลอดทาง
ดอกไม้อีกฟากฝั่งกำลังเบ่งบาน ต่างคนต่างยังมีชีวิต
ความทรงจำสุดท้ายของโจวเจ๋อก่อนหน้านี้คือไฟ ไฟลุกท่วม เปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวกลืนกินตัวเองไปจนหมดสิ้น อุณหภูมิร้อนรุ่มทำให้คนหวาดผวา แผดเผาตัวเองจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
แต่ในพริบตาเดียว
เขากลับมาอยู่ที่นี่
อยู่บนถนนเส้นนี้ ที่จริงแล้วยังมีผู้คนอีกจำนวนมาก
มีคนชรา มีเด็ก ยังมีคนหนุ่มสาวและวัยกลางคน
มีทั้งชายและหญิง
ทุกคนต่างก็สวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์แตกต่างกัน
บางคนสวมใส่ชุดง่ายๆ บางคนสวมใส่เสื้อผ้าสีแดง สีม่วงฉูดฉาด ใบหน้าก็แต่งแต้มด้วยบลัชออน[1]ที่มากเกินไป
ทุกคนล้วนแต่เดินเขย่งเท้าไปตามทาง
ไม่มีใครปริปากพูด และไม่มีใครเปล่งเสียงใดๆ ออกมา
มีเพียงแต่เสียงเท้าลากถูดังครืดคราดแว่วมาเป็นบางครั้ง
โจวเจ๋อก็เดินไปข้างหน้าอย่างเฉื่อยชาพร้อมๆ กับทุกคน บางครั้งเขามองไปรอบๆ และหันกลับมามองเป็นครั้งคราว เขาพอจะเดาออกว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
เขาตายไปแล้ว
และที่นี่ คือนรก
ที่นี่คือโลกของคนตาย เป็นที่พักพิงแห่งสุดท้ายของคนตาย
ตัวเองสุดท้ายก็ตายจนได้
เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร และไม่รู้ว่าควรจะเลือกอะไรดี
เขาไม่อยากตาย คนเราไม่มีใครอยากตายหรอก แต่สถานที่แห่งนี้ เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับตัวเองดี เขาสับสนและไร้การช่วยเหลือ
“ฮืมมม…”
ท่วงทำนองอันเยือกเย็นแว่วมาจากที่ไกลๆ
โจวเจ๋อหันขวับ มองเห็นดอกไม้สีแดงสดมาแต่ไกล แต่คนอื่นๆ รอบตัวเขากลับไม่ยินดียินร้ายและยังคงเขย่งเท้าของตัวเองเดินไปข้างหน้าต่อไปอย่างเฉื่อยชา
หลังจากรอให้เข้ามาใกล้ๆ โจวเจ๋อก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน ดอกไม้สีแดงสดนั้นคือร่มกระดาษลายดอกซากุระ ในระยะไกลๆ มีกลุ่มหญิงสาวยืนเรียงแถวกันและถือร่มกระดาษเดินนวยนาดเข้ามาอย่างสง่างาม
รูปร่างลักษณะของพวกเธอสูงเพรียว พลิ้วไหว…พราวเสน่ห์ ทุกคนสวมใส่ชุดกี่เพ้าสีม่วง
กลุ่มหญิงสาวม้วนผมเป็นมวยและพิถีพิถัน กระทั่งแม้แต่การย่างก้าวก็เป็นระเบียบเรียบร้อย ราวกับว่าเป็นคณะนักร้องและนักระบำที่เก่งที่สุดในโลกนี้ และพวกเธอซ้อมกันมามากกว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว
พวกเธอกำลังเดิน
พวกเธอกำลังเดินขบวนจากฟากหนึ่งไปยังอีกฟากหนึ่ง
ด้วยความบังเอิญ
และก็เดินผ่านหน้าโจวเจ๋อไป
การแต่งหน้าที่วิจิตรบรรจง ผิวสีขาวราวหิมะ ท่วงทำนองเย็นยะเยือกและยาวนานที่ฮัมเบาๆ ออกมานั้น สร้างบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยเมฆหมอกสลัวๆ ของเมืองเซี่ยงไฮ้ในสมัยก่อน
บนข้อมือของหญิงสาวทุกคนต่างก็สวมกำไลหลากสี ขนาดเล็กใหญ่ต่างกันไป ขับผิวข้อมือเรียวขาวผ่องราวหิมะของพวกเธอให้เด่นขึ้น ยิ่งทำให้คนมองจนละลานตาไปหมด
แต่น่าเสียดาย
พวกเธอไม่ได้ไปเดินเล่นที่ลานศูนย์การค้าถนนหนานต้า และไม่ใช่เวทีสโมสรระดับไฮเอนด์ที่เจิดจรัสแวววาว
เท้าของพวกเธอเหยียบอยู่บนเส้นทางไปสู่นรก
ข้ามผ่านสองฟากฝั่งทะเลดอกไม้ไป
ดวงตาของพวกเธอไม่เหลียวแลมอง คนตามหลังจ้องเขม็งไปยังคนที่นำข้างหน้า
คนที่นำอยู่ด้านหน้าสุดสายตาว่างเปล่า
ตอนที่หญิงสาวคนสุดท้ายเดินผ่านหน้าโจวเจ๋อไป จู่ๆ หญิงสาวก็หันหน้ากลับมามองไปยังโจวเจ๋อ
โลกที่เดิมทีสวยงามที่สุด ตอนนี้กลับตาลปัตรในทันที
น่าสะพรึงกลัวไหม
แน่นอนว่าน่าสะพรึงกลัว!
น่าสะอิดสะเอียนไหม
แน่นอนว่าน่าสะอิดสะเอียน!
แต่โจวเจ๋อเป็นคนที่ตายไปแล้ว ถ้าเป็นคนอาจจะตกใจได้ แต่ถ้าเป็นผีล่ะ
หญิงสาวจ้องมองโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อก็จ้องมองหญิงสาวเช่นกัน
สายตาของทั้งสองสบประสานกันชั่วครู่ จากนั้นหญิงสาวก็เดินไปต่อเรื่อยๆ ร่างสั่นสะท้านขึ้นมา หลังก็ค่อมงอ
“พวกคุณ…จะไปไหน”
โจวเจ๋อเดินตามกลุ่มหญิงสาวไปข้างหน้า แตกออกจากแถวเดิมของตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว
และผู้คนที่กำลังเดินอย่างเฉื่อยชาไปตามทาง
กลับไม่มีใครมองมาที่นี่เลยแม้แต่คนเดียว คล้ายกับว่าพวกเขาไม่มีความคิด ไม่มีความรู้สึก แต่โจวเจ๋อเหมือนเป็นสิ่งผิดแผกในหมู่พวกเขา
ในทุกย่างก้าวของหญิงสาวเกิดควันลอยขึ้น และมุ่งตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ เสียงท่วงทำนองคร่ำครวญเย็นยะเยือก
เดิมทีสภาพแวดล้อมก็น่าอึดอัดอยู่แล้ว แต่เพราะการปรากฏตัวของพวกเธอนั้น กลับยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกหดหู่มากขึ้นไปอีก
โจวเจ๋อเดินตามพวกเธอไปข้างหน้าต่อไปเรื่อยๆ
จากนั้น โจวเจ๋อก็เห็นพวกเธอเดินลงไปในสระน้ำที่อยู่ข้างหน้าทีละคน
สระน้ำไม่ใหญ่มากนัก
ใสราวกับกระจก
การเข้าไปของพวกเธอดูเหมือนได้ทำลายความสงบนี้ไปและพัดกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น
หญิงสาวสองสามคนที่อยู่ด้านหน้าสุด แม้แต่ศีรษะก็ลงไปในน้ำจนมิด หญิงสาวที่อยู่ด้านหลังก็ตามลงไปติดๆ
โจวเจ๋อเดินไปที่ริมสระ เขาไม่ได้ตามลงไปด้วย เขาเพียงยืนมองอยู่ข้างๆ เท่านั้น
สำหรับเขาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่เป็นสถานที่ที่เขาไม่คุ้นเคยเลยสักนิด ไม่ว่าใคร ทั้งชีวิต แค่ได้มีโอกาสเข้ามาเพียงสักครั้ง และเมื่อเข้ามาแล้วก็จะไม่มีทางออกไปได้อีก
ตรงกลางสระน้ำ มีบางอย่างโผล่ขึ้นมา
มันเป็นมือคู่หนึ่ง
มือขาวผ่องเล็บมือสีแดง เรียวบางและมีชีวิตชีวา
มือทั้งสองเริ่มร่ายรำ ราวกับความฝัน ดึงดูดสายตาของผู้คนจับจ้องในทันทีและไม่อาจละสายตาไปจากมันได้
ความงดงามเป็นการดึงดูดผู้คน ความงามเช่นนี้กลับมีเสน่ห์ทำให้คนหลงใหล
ในแววตาของโจวเจ๋อ เผยให้เห็นสีหน้าเคลิบเคลิ้มลุ่มหลง แม้กระทั่งตัวเองก้าวเดินไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัวก็ไม่อาจควบคุมได้
อย่างแรกคือเท้า ตามด้วยเข่า
และเอว
จนสุดท้ายลงไปในน้ำจนถึงต้นคอ
ฉับพลันนั้น ก็ลงไปในน้ำทั้งตัว
น้ำในสระไม่เย็นจนเกินไป ถึงขั้นอุ่นมากไปด้วยซ้ำ ผิวน้ำใสสะอาด สามารถมองเห็นความลึกได้ หลังจากที่คุณได้เข้ามาในที่นี้ ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกที่ต้องทุรนทุรายการจากขาดอากาศหายใจ
โจวเจ๋อมองเห็นกลุ่มผู้หญิงที่ถือร่มกระดาษก่อนหน้านี้ พวกเธอยังคงพริ้วไหวน่าประทับใจผู้คนเหมือนเช่นเคยและยังคงเดินไปข้างหน้าต่อไปเรื่อย ๆ
เมื่อถึงระยะตำแหน่งที่ใกล้กับตัวเองมากที่สุด
มีหญิงสาวสวมใส่ชุดสีแดงทั้งตัว เธอยืนอยู่ใต้น้ำ แต่มือทั้งสองข้างของเธอกลับร่ายรำอยู่บนผิวน้ำ
โจวเจ๋อเริ่มเข้าไปใกล้ๆ หญิงสาวผู้นี้
นั่นไม่ใช่เพราะความสวยงาม
และไม่ใช่เพราะว่าอิทธิพลจากภาพลวงตาใดๆ
แต่เป็นเพราะดูเหมือนว่าร่างของหญิงสาวผู้นี้จะมีมนตร์สะกดที่ไม่สามารถอธิบายได้ เพื่อให้คุณเข้าไปใกล้ๆ ให้คุณเข้าไปใกล้ชิด ทำให้คุณบังคับตัวเองไม่ได้
จนในที่สุด
โจวเจ๋อเข้าไปใกล้เธอ
และมือของเธอก็ค่อยๆ ดึงกลับลงมาจากผิวน้ำ
ผมของหญิงสาวทั้งยาวและหนา สยายพลิ้วไหวเหมือนเต้นระบำตามคลื่นน้ำ ทำให้มองเห็นหน้าของเธอไม่ชัดเจน
“ในที่สุด…ก็รอจนมาถึงแล้ว…มนุษย์แบบนี้…”
เสียงของหญิงสาวก้องกังวานไพเราะ อ่อนหวาน ยืดยาว
หญิงสาวยื่นมือแสนงดงามออกมา แตะเข้าที่ไหล่ของโจวเจ๋อ การกระทำเช่นนี้มีความใกล้ชิดสนิทสนมมาก
“เจ้า…มาอยู่กับข้า…”
วินาทีต่อมา
ผมของหญิงสาวเริ่มพริ้วไหวสยายออกไป เส้นผมที่อ่อนนุ่มดำขลับเป็นสายๆ เริ่มพัดกระทบใบหน้าของโจวเจ๋อ
เส้นผมงามปิดใบหน้าของหญิงสาวไว้ ราวกับเป็นสีสันในวรรณกรรมเรื่องหนึ่ง แต่ต่อมาผมของหญิงสาวกลับแปรเป็นลวดสลิงที่เหนียวที่สุดในโลก และเริ่มพันรัดเข้าที่คอของโจวเจ๋อ
“เจ้ามา…อยู่กับข้า…”
ผมที่พลิ้วไสว ไม่บดบังใบหน้าอีกต่อไป
ในที่สุดใบหน้าของหญิงสาวก็เผยออกมา
เธอไม่มีเครื่องหน้า
หน้าของเธอทั้งเรียบ ไม่มีหยักคลื่น และไม่มีริ้วรอย นี่เป็นใบหน้าที่เรียบเนียนมาก พอจะทำให้สาวๆ นับพันอิจฉาริษยา
แต่เธอกลับไม่มีจมูก ไม่มีปาก ไม่มีตา ยิ่งไปกว่านั้นก็คือไม่มีใบหู
ผู้หญิง…ไร้หน้า
โจวเจ๋อรู้สึกได้ว่าตัวเองหายใจไม่ออก อกของเขาใกล้จะแตกออกมาแล้ว ในขณะเดียวกัน ราวกับว่าร่างกายของเขากำลังจะพังทลายลง
เสียงหัวเราะของหญิงไร้หน้ายังคงชัดเจนและไร้จิตวิญญาณเหมือนเคย แต่ในเวลานี้ในหูของโจวเจ๋อฟังดูเหมือนเสียงเวทมนตร์สะกด
โจวเจ๋อได้สติแล้ว
เขาไม่รู้ว่าการเข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันกับที่แห่งนี้มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่
แต่อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่จุดจบที่ดีอย่างแน่นอน
“เจ้าอยู่กับข้า…ที่นี่…!”
หญิงไร้หน้ายังคงหัวเราะอย่างต่อเนื่องและผมก็ยังพลิ้วสยาย
โจวเจ๋อเอื้อมมือออกไปจับผมที่พันอยู่รอบคอของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว เขาพยายามจะแกะมันออก
หญิงไร้หน้ารู้สึกสนุกกับการแสดงท่าทางที่ไม่เจียมตัวของเขาอย่างมาก
“เจ้าแกะมันไม่ออกหรอก อย่าพยายามดิ้นรนเลย สามารถมาถึงที่นี่ได้ ล้วนแล้วแต่มีจิตวิญญาณ คนที่มีจิตวิญญาณ หากข้ากลืนกินจนพอแล้ว ถึงจะมีโอกาสได้กลับไป! เจ้าถูกลิขิต ให้กลายเป็น ของเซ่นของข้า!”
แต่ในขณะที่สิ้นเสียงพูด
หญิงไร้หน้าอุทานออกมา “เป็นไปได้ยังไง…เป็นไปไม่ได้…”
เล็บทั้งสิบนิ้วของโจวเจ๋อเริ่มยาวขึ้นอย่างช้าๆ มีสีเข้มและโปร่งใส ส่องประกายแวววาวประหลาดๆ อยู่ในสระน้ำแห่งนี้ สีของเล็บเช่นนี้เหมือนกับเล็บของชายชราที่โจวเจ๋อช่วยชีวิตก่อนที่เขาจะเสียชีวิตไปอย่างไรอย่างนั้น
“ฉ่าๆๆ…ฉ่าๆๆ…”
เสียงเหมือนน้ำร้อนเทลงในกระทะน้ำมันดังเข้ามา
ผมของหญิงไร้หน้าที่พันธนาการโจวเจ๋อเอาไว้ เมื่อแตะสัมผัสเข้ากับเล็บของโจวเจ๋อก็ละลายแตกสลายไป และร่างของโจวเจ๋อก็ถอยออกไปอย่างช้าๆ จนเริ่มหลุดพ้นจากพันธนาการของหญิงไร้หน้าได้
“เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้…นี่มันเป็นไปไม่ได้…ทำไมกัน! ทำไมเจ้าสามารถหนีออกไปได้! ทำไมเจ้าถึงสามารถหนีออกไปได้เหมือนกัน! ทำไม! ทำไม! นี่มันไม่ยุติธรรมเลย! ไม่ยุติธรรม!”
หญิงไร้หน้าใช้มือหยุดโจวเจ๋อไว้
ทว่าตอนที่โจวเจ๋อใช้มือสะบัดให้หลุดออกนั้น ทันทีที่เล็บสัมผัสมือของหญิงไร้ใบหน้า มือที่ไร้ตำหนิดังหยกของหญิงไร้หน้าก็ถูกเผาเป็นรูในทันที
“กรี๊ดดด!!!”
หญิงไร้หน้าแผดเสียงร้องโหยหวน
เริ่มถอยร่างออกไป จนถึงตรงนี้ก็เริ่มสูญเสียการควบคุมโจวเจ๋อไป
ร่างของโจวเจ๋อเริ่มลอยขึ้นไป จนกระทั่งลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ
“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก…เจ้าจะถูก…จะต้องถูกจับกลับมา! ที่นี่ ที่พักพิงสุดท้ายของคนตายอย่างไรเล่า! พวกเจ้า เจ้าและพวกมัน ต่อให้ออกไปได้ สุดท้ายก็จะถูกจับกลับมาอยู่ดี!”
หญิงไร้หน้ากรีดร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งอยู่ด้านล่าง
เธอริษยา
เธออิจฉา
เธอบ้าคลั่ง!
และโจวเจ๋อที่กำลังลอยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ค่อยๆ หมดสติไป
เส้นทางไปสู่นรกแสนน่ากลัว
ความงดงามตระการตาสองฟากฝั่งของดอกไม้นานาพันธุ์
เสียงคำรามของหญิงไร้หน้า
หญิงสาวสง่างามในชุดกี่เพ้า
ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะค่อยๆ ออกห่างจากเขาไป…
………………………………………………
[1] บลัชออน (Blush on) คือเครื่องสำอางสำหรับใช้ปัดบริเวณแก้ม เน้นผลิตเฉดสีโทนส้ม ชมพู และแดง เพื่อให้ผิวหน้าดูสุขภาพดี มีเลือดฝาด ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น