ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 242 รูปภาพ
ตอนที่ 242 รูปภาพ
ยามดึก ประตูบ้านดินขนาดเล็กถูกปิดบังไว้ครึ่งหนึ่ง เด็กผู้หญิงถูกโจวเจ๋อจัดเธอให้นั่งอยู่บนธรณีประตู ส่วนตาชุยถูกสวี่ชิงหล่างจับมัดด้วยเชือก เอาผ้าอุดปาก แล้วให้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กในห้องรับแขก
เหมือนกับที่ตาชุยพูดจริงๆ นั่นแหละ เขายอมให้คนทั้งหมู่บ้านถูกผีดิบฆ่าตาย แต่จะไม่ยอมให้ ‘หลานสาว’ ไปจากตัวเอง นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ การเลือกแบบนี้ การพูดแบบนี้ไม่ผิดแปลกอะไร เป็นเรื่องปกติมาก และด้วยเหตุนี้ สวี่ชิงหล่างเพื่อปกป้องหมู่บ้านที่ตัวเองเกิด เขาปล่อยให้เด็กผู้หญิงเป็นเหยื่อล่ออยู่นอกประตู ก็เป็นธรรมดาและไม่ผิดอะไรเช่นกัน
โจวเจ๋อตั้งใจว่าหลังจากจบเรื่องแล้ว จะส่งเด็กผู้หญิงไปลงนรกเพื่อให้เธอไปเกิดใหม่ ถูกแล้ว ไม่ว่าอย่างไรการเกิด แก่ เจ็บ ตายล้วนเป็นกฎธรรมชาติ เด็กผู้หญิงตายไปแล้ว เช่นนั้นจึงควรลงนรกเพื่อให้ได้โอกาสกลับชาติมาเกิดอีกครั้งถึงจะถูกต้อง หากยังอยู่ในโลกมนุษย์ไม่ช้าก็เร็วจะเป็นปัญหา
ในเมื่อตาชุยไม่สนใจความเป็นความตายของคนทั้งหมู่บ้าน อย่างนั้นโจวเจ๋อกับสวี่ชิงหล่างจะสนใจความคิดเห็นของเขาทำไม และที่สำคัญที่สุดคือ นิสัยของชายชราคนนี้ทำให้คนไม่ชอบจริงๆ ไม่ว่าอย่างไรเถ้าแก่โจวก็ไม่คิดบุ่มบ่ามอยากช่วยเหลือเขาสักนิด ทุกคนแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ก็พอ ไม่จำเป็นต้องนึกถึงน้ำใจที่ไปมาหาสู่กัน เสียแรงเปล่าๆ
โจวเจ๋อกับสวี่ชิงหล่างยืนอยู่หลังประตู กำลังพิงกรอบประตูอยู่
“จะมาไหม”
“ต้องดูว่าตาแก่ปิดบังอะไรอีกหรือเปล่า” โจวเจ๋อกวาดตามองตาชุยที่ถูกมัดเป็น ‘ลูกบ๊ะจ่าง’
“เขายังมีอะไรปิดบังอีก”
“คนที่มีเนตรหยินหยางแต่กำเนิด มีอายุถึงตอนนี้ ทั้งชีวิตของเขาจะอยู่อย่างเงียบสงบได้อย่างนั้นเหรอ”
“นั่นสินะ”
เมื่อรอถึงตอนเที่ยงคืน สวี่ชิงหล่างเริ่มเหนื่อยแล้วจึงนั่งพิงกำแพงบนพื้นโดยตรง โจวเจ๋อยังพอไหว สูบบุหรี่มวนแล้วมวนเล่า เขาไม่ต้องอาศัยกาแฟหรือสิ่งของอะไรเพื่อยับยั้งความง่วง อย่างไรก็ตามเมื่อไม่มีตู้เย็นหรือไป๋อิงอิงเขานอนไม่หลับอยู่แล้ว แต่รอแบบนี้ก็น่าเบื่อมาก
ตาชุยคงเหนื่อยมากตอนนี้นอนหลับไปแล้ว ส่วนเด็กผู้หญิงยังคงนั่งบนธรณีประตูอย่างเชื่อฟังต่อไป มองซ้ายแลขวาไม่หยุด แล้วหันมามองคุณปู่ของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง
การทำใจแข็งใช้เด็กผู้หญิงเป็นเหยื่อล่อเช่นนี้ ในใจของโจวเจ๋อก็รู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ถ้าไม่ยอมใช้เด็กก็จะจับหมาป่าไม่ได้ นอกจากนี้เด็กผู้หญิงก็เป็นเด็กที่เกิดจากซากศพ ไม่จำเป็นต้องมองเธอเป็นเด็กจริงๆ
‘แกรก…แกรก…’ มีเสียงเกิดขึ้นในแปลงผักที่อยู่ไกลๆ
โจวเจ๋อลุกขึ้นทันที สวี่ชิงหล่างที่เดิมทีสัปหงกอยู่ก็ลุกขึ้นทันทีเช่นกัน เด็กผู้หญิงใช้สองมือกอดไหล่ของตัวเอง เธอรู้สึกหนาวและรู้สึกหวาดกลัวในขณะเดียวกัน
‘แกรก…แกรก…’ เสียงดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
โจวเจ๋อมองข้างนอกผ่านช่องประตู เขาได้ยินแต่เสียง แต่มองไม่เห็นเงาร่างกระโดดออกมา จากนั้นรออีกประมาณสิบนาที เสียงนั้นยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ๆ แต่มันซ่อนอยู่ในความมืด ไม่ยอมโผล่หน้าออกมาสักที
“ผีดิบก็ฉลาดเหมือนกันเหรอ” สวี่ชิงหล่างพูดด้วยความตกใจ
“…” โจวเจ๋อ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทะเลาะกัน ผีดิบตัวนั้นอาจจะสังเกตเห็นความผิดปกติ ดังนั้นจึงไม่กล้าเข้าใกล้ เด็กผู้หญิงหันมา เธอรู้สึกกลัวมากขึ้น เธออยากตะโกนเรียกคุณปู่ แต่กลับถูกโจวเจ๋อที่ยืนอยู่ข้างหลังทำมือ ‘จุ๊ๆ’ กับเธอ เด็กผู้หญิงจึงพยายามอดทน แต่เบ้าตากลับแดงก่ำ
ตอนนี้โจวเจ๋อยื่นฝ่ามือออกมา ควันสีดำแต่ละชั้นเริ่มหมุนวนอยู่บนเล็บที่งอกยาวของเขา โจวเจ๋อคุกเข่าลงแล้วใช้เล็บจิ้มลงไปบนพื้น ควันสีดำเริ่มฟุ้งกระจายออกไปเพื่อบอกทิศทาง!
“อยู่ตรงนั้น!” วินาทีต่อมา โจวเจ๋อวิ่งพุ่งออกจากธรณีประตู ในเมื่อเจ้าสิ่งนั้นไม่ยอมเข้ามา อย่างนั้นตัวเขาก็จะเข้าโจมตีเอง การรับมือกับผีดับตัวหนึ่ง เถ้าแก่โจวไม่รู้สึกกลัวอะไร เหมือนกับตอนที่เจอไป๋อิงอิงในตอนแรก มาดของไป๋อิงอิงเหมือนกับจักพรรดินีอู่เจ๋อเทียน แต่สุดท้ายก็ต้องร้องไห้เพราะถูกเขาจัดการไม่ใช่เหรอ
ด้านหน้าเป็นแปลงผัก มีรั้วกั้นง่ายๆ ตอนที่โจวเจ๋อพุ่งเข้าไป มีเงาร่างหนึ่ง ‘กระโดด’ ออกมาก่อน
มันกระโดดจริงๆ อีกฝ่ายใส่เสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงขาสั้น ตอนที่กระโดดออกมา ได้ทำรั้วที่อยู่โดยรอบพังหมด
‘พลั่ก!’
ร่างกายของโจวเจ๋อกับอีกฝ่ายปะทะกัน ความแข็งเหมือนเหล็กกล้าดังมาจากอีกฝ่าย และกำลังของอีกฝ่ายก็ไม่แผ่วเลย มาพร้อมกับการตัดสินใจที่เด็ดขาดแน่วแน่จนน่ากลัว ส่วนเล็บของโจวเจ๋อได้จิ้มเข้าไปที่หน้าอกของอีกฝ่าย หน้าอกที่แข็งแกร่งเมื่ออยู่ตรงหน้าเล็บของโจวเจ๋อก็อ่อนปวกเปียกเช่นกัน
‘ฉึบ!’ เหมือนเล็บทิ่มเข้าไปในลูกแตงโม มีความเหนียว ความกรอบ และความหนืดมาก ร่างกายของอีกฝ่ายสั่นสะท้าน จากนั้นก็เริ่มบิดเบี้ยว ขดตัวอยู่บนพื้นเหมือนปลิงที่โดนสาดด้วยเกลือ
“เป็นยังไงบ้าง” สวี่ชิงหล่างก็วิ่งเข้ามาเหมือนกัน
“จัดการเรียบร้อยแล้ว” โจวเจ๋อนั่งยองๆ ข้างผู้ชายคนนี้ ผู้ชายเริ่มหยุดกระตุกอย่างช้าๆ จากนั้นเริ่มมีควันสีดำลอยขึ้นมาจากร่างกาย โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายใบหน้าของผู้ชายคนนี้ เขาพบว่าเขาเคยเจอผู้ชายคนนี้ตอนกลางวัน เป็นคนในหมู่บ้านที่ลงไปช่วยผู้หญิงตกน้ำ เป็นเขาไปได้อย่างไร
เวลานี้ ผู้ชายไร้ซึ่งลมหายใจแล้ว ร่างกายก็เริ่มอ่อนนุ่ม เลือดหนองสีดำเริ่มไหล่ออกมาจากตา หู จมูก และปากของเขา
เมื่อถูกเล็บของโจวเจ๋อทิ่มเข้าไป เท่ากับทำลายรากฐานของเขา ก็เหมือนไป๋อิงอิงที่ถูกเล็บของโจวเจ๋อทิ่มจนเจ็บปวดทรมาน นับประสาอะไรกับตานี่ที่สู้ไป๋อิงอิงไม่ได้เลยสักนิด
“คนนี้ผมรู้จัก” สวี่ชิงหล่างหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปเหมือนกัน “เป็นลูกชายคนที่สามของอาสะใภ้ตระกูลสวีชื่อ…”
“ฉันก็รู้จัก” โจวเจ๋อตัดบทของสวี่ชิงหล่าง จากนั้นพลิกคอของผู้ชายกลับมา คอด้านซ้ายของอีกฝ่ายมีรอยเขี้ยวที่ชัดเจนสองเขี้ยว
นิ้วมือของโจวเจ๋อเสียดสีอยู่บนรอยเขี้ยว จากนั้นดวงตาของเขาก็จ้องนิ่ง “ไม่ใช่ นี่คือตัวแทนที่เพิ่งโดนผีดิบกัดกลายเป็นศพเดินได้!” วินาทีต่อมา โจวเจ๋อรีบวิ่งไปที่บ้านดิน เด็กผู้หญิงที่เดิมทีนั่งอยู่บนธรณีประตูได้หายไปแล้ว
ตอนที่โจวเจ๋อวิ่งเข้าไปในบ้าน ตาชุยที่ถูกสวี่ชิงหล่างมัดก่อนหน้านั้นก็ไม่อยู่แล้วเหมือนกัน เหลือเพียงกองเชือกกับเก้าอี้หนึ่งตัว โดนหลอกแล้ว ที่แท้ก็โดนหลอก
ตอนที่สวี่ชิงหล่างวิ่งกลับมาเห็นบ้านว่างเปล่า เขาพลันขมวดคิ้ว “เป็นไปได้ยังไง…” สวี่ชิงหล่างแทบไม่อยากจะเชื่อ
ผีดิบตัวนี้ไม่ใช่โจวเจ๋อและไม่ใช่ไป๋อิงอิงที่ถูกแม่นางไป๋เลี้ยงมานานถึงสองร้อยปี แต่กลับเล่นแผน ‘ล่อเสือออกจากถ้ำ’
“ตาเฒ่าก็ถูกผีดิบกินแล้วเหรอ” สวี่ชิงหล่างพูดพึมพำกับตัวเอง
“ไม่ถูก” โจวเจ๋อคุกเข่าลง เก็บเชือกที่กระจายอยู่บนพื้นขึ้นมา
“ตำแหน่งที่เชือกขาดถูกตัดซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง ไม่ได้โดนตัดขาดจากเล็บของผีดิบ ตาเฒ่าดิ้นจนหลุดเอง”ขณะที่พูด โจวเจ๋อได้ลุกขึ้น เขามองไปข้างนอกก่อน “เมื่อกี้ตอนที่พวกเราอยู่ในแปลงผัก ถ้าหากตาเฒ่าวิ่งออกมาจากในบ้าน เป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะไม่รู้ และตาเฒ่าก็รู้ว่าข้างนอกมีผีดิบกำลังจ้องเขาตาเป็นมัน เขาไม่น่าจะโง่ถึงขั้นวิ่งหนีออกไป อย่างน้อยการอยู่ในบ้าน พวกเรายังสามารถคุ้มครองความปลอดภัยของเขากับหลานสาวของเขาได้”
สวี่ชิงหล่างได้ยินดังนั้น เขาจึงเดินไปดูที่ห้องครัวก่อน แล้วจึงเดินไปที่ห้องนอน จากนั้นชี้ไปที่เตียงแล้วตะโกนว่า“ข้างล่างนี้ มีทางเดินใต้ดิน!”
โจวเจ๋อลุกขึ้นเดินเข้าไป เตียงถูกยกออกและข้างล่างก็มีทางเดินใต้ดินจริงๆ ด้วย คนแก่ใช้ชีวิตเพียงลำพัง มีเพียงผีเด็กผู้หญิงอยู่เป็นเพื่อน การปฏิสัมพันธ์กับคนในหมู่บ้านก็ย่ำแย่ เขาขุดทางเดินใต้ดินไว้ทำอะไร หรือว่าตอนเป็นหนุ่มตาชุยดู ‘สงครามอุโมงค์’ จนติดงอมแงม พอมีเวลาว่างจึงทำทางแบบนี้ให้ตัวเองเหรอ
“นายไปจัดการศพนั่นก่อน เอามาซ่อนในบ้านให้ดี ฉันจะไล่ตามลงไปข้างล่าง ระวังตัวด้วย” โจวเจ๋อกำชับกับสวี่ชิงหล่าง
สวี่ชิงหล่างพยักหน้า ศพเดินได้ถูกโจวเจ๋อฆ่าตายเมื่อครู่ แต่ศพยังอยู่ข้างนอก หากตอนเช้ารอชาวบ้านผ่านมาเห็นเข้าคงยากที่จะเหลีกเลี่ยงความวุ่นวายโกลาหล จำเป็นต้องมีคนไปจัดการก่อนจริงๆ
หลังจากสวี่ชิงหล่างเดินออกไปแล้ว โจวเจ๋อจึงกระโดดเข้าไปในทางเดินใต้ดิน ทางเดินค่อนข้างแคบ ส่วนใหญ่ต้องก้มตัวถึงขนาดต้องใช้วิธีคลานเข้าไปถึงจะผ่านได้ และทางเดินใต้ดินก็ยาวมาก โจวเจ๋อรู้สึกนับถือความอึดในยามค่ำคืนของชายชราคนนี้จริงๆ คนอื่นหว่านเชื้อพันธุ์ แต่เขากลับขุดอุโมงค์แทน
หลังจากผ่านไปสี่สิบนาที ทางเดินใต้ดินเริ่มเบนขึ้นข้างบน โจวเจ๋อพบว่ามีรอยเสียดสีที่บ่งบอกว่ามีคนเพิ่งผ่านตรงนี้ไป ประตูด้านบนเปิดไว้อยู่แล้ว ดังนั้นโจวเจ๋อจึงเดินออกมาได้สบายมาก
หลังจากเดินออกมา โจวเจ๋อแปลกใจ เพราะที่นี่ก็เป็นบ้านอิฐโบราณหลังหนึ่งที่เก่ามาก และไม่น่าจะมีคนมาที่นี่บ่อยนัก บ้านลักษณะนี้มีมากมายในชนบท เมื่อก่อนโดยทั่วไปแล้วจะให้คนชราอยู่อาศัยจนกระทั่งคนชราเสียชีวิต ส่วนคนหนุ่มสาวจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านตึกหลังใหม่ และบ้านอิฐเก่าๆ แบบนี้ถ้าไม่ทำเป็นห้องครัวก็ทำเป็นห้องเก็บของเบ็ดเตล็ด
และแล้วก็เป็นอย่างที่พูดจริงๆ ตอนที่โจวเจ๋อเดินเลี้ยวเข้าไปในห้องโถง เขาเห็นแท่นบูชาป้ายวิญญาณ มีเทียนไขสองเล่มที่ยังไม่ได้จุดไฟตั้งอยู่บนนั้น มีใยแมงมุมเกาะเต็มไปหมด มีกระถางธูปใบหนึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างเทียนไข ด้านหลังมีรูปภาพขาวดำของหญิงชราคนหนึ่ง
หญิงชรายิ้มเห็นฟันขาว ยิ้มมีความสุขมาก ทางเดินใต้ดินของตาชุยทะลุมาถึงที่นี่ หรือว่าหญิงชราคนนี้เป็นชู้รักของตาชุยเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่
อาจจะเป็นไปได้ว่าคู่ชีวิตของหญิงชราตายแล้วจึงเป็นหม้าย แต่มีลูกหลาน ดังนั้นจึงไม่สะดวกที่จะอยู่กับตาชุยการหาแฟนใหม่ให้พ่อแม่ที่เสียคู่ชีวิตไปแล้วในชนบทนั้นหายากมาก ที่สำคัญคือลูกหลานรู้สึกว่าตัวเองเสียหน้ามาก
แต่ตาชุยมีจิตใจขุดทางเดินใต้ดินเพื่อแอบนัดเจอชู้รักอย่างนี้ ถือว่าน่าประทับใจจริงๆ
ทว่าทุกสิ่งยังเหมือนเดิมแต่คนเปลี่ยนไปแล้ว หญิงชราตายไปเสียก่อน คาดว่าตาชุยไม่ได้ใช้ทางเดินใต้ดินนี้นานแล้วเหมือนกัน ครั้งนี้ถือว่าใช้เป็นวิธีหลบหนีชัดๆ
“เหอะๆ” โจวเจ๋อส่ายหน้า เดินผ่านห้องโถงไป ตอนนี้เขาพยายามตามหาตาชุยให้เร็วที่สุด เพราะเขารู้ดีว่า ผีดิบที่ฉลาดตัวนั้นก็กำลังตามหาปู่กับหลานสาวคู่นั้นเหมือนกัน นอกจากนี้ผีดิบตัวนั้นตอนแรกแค่แอบลักเล็กขโมยน้อยเท่านั้น แต่ตอนนี้เริ่มฆ่าคนแล้ว!
และสิ่งที่โจวเจ๋อไม่เห็นก็คือ หลังจากที่เขาเดินผ่านห้องโถงไปแล้ว บนแท่นบูชาที่เต็มไปด้วยใยแมงมุม หญิงชราที่ยิ้มอยู่ในรูปภาพขาวดำแต่เดิม ตอนนี้กลับยิ้มกว้างขึ้น
…………………………………………………………………………