ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 252 สัตว์โลกน่ารักของเถ้าแก่โจว
ตอนที่ 252 สัตว์โลกน่ารักของเถ้าแก่โจว
อาหารเดลิเวอรี่มาถึงแล้ว โจวเจ๋อจึงดื่มน้ำดอกพลับพึงแดงสองคำแล้วเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย
เถ้าแก่โจวชาติที่แล้วมัวแต่ยุ่งอยู่กับการทำงาน ไม่ค่อยพิถีพิถันเรื่องกินข้าว ชาตินี้การกินข้าวกลับเป็นเรื่องที่ลำบากเรื่องหนึ่ง ตอนนี้เขาสามารถกินข้าวได้อย่างมีความสุขแล้ว ดังนั้นจึงไม่พิถีพิถันว่ากินอะไรไปบ้าง
แน่นอนว่าใครสั่งให้พ่อครัวของเขาไม่สบายเล่า
“ชีวิตอย่ามองความผิดหวังที่อยู่ตรงหน้า ยังมีบทกวีและทุ่งหญ้าแดนไกล เจ้ามาโลกนี้มือเปล่า ยังหาน่านน้ำทะเลนั้นไม่เจอและไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น…” เสียงเพลงดังมาจากหน้าร้านหนังสือ
เสียงแหบแห้งที่มาพร้อมกับการผ่านโลกมาอย่างโชกโชน อบอวลไปด้วยความรู้สึกผันผวนของชีวิต ร้องเพลงได้ไพเราะจริงๆ
เถ้าแก่โจวถือกล่องข้าวเดินมาหน้าร้านหนังสือ เขาเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนเล่นกีตาร์และร้องเพลงอยู่ริมถนน เด็กหนุ่มใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขาดๆ สวมรองท้าผ้าใบที่ทั้งดำและสกปรก ร้องเพลงได้อารมณ์เป็นอย่างมาก บริเวณรอบๆ มีคนเข้ามามุงล้อมอย่างรวดเร็ว ตอนที่เขาร้องเพลงมีคนโยนเงินใส่กระเป๋ากีตาร์ของเขา
เถ้าแก่โจวเหมือนคนงานคนหนึ่งนั่งกินข้าวอยู่ริมฟุตบาท กินข้าวได้สองคำแล้วเงยหน้ามองคนร้องเพลง จากนั้นจึงก้มหน้ากินข้าวต่อ บางทีนี่ก็คือชีวิต ได้กิน ได้ดื่ม ได้ฟังเพลงยามว่าง
อิงอิงเล่นเกมอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ตฝั่งตรงข้าม เหล่าสวี่ที่ติดพิษก็มีวิธีรักษาแล้ว นักพรตเฒ่าแอบหนีไปรับไปรษณีย์ด่วน ส่วนตัวเขาเองก็นั่งกินข้าวอย่างอร่อย ทุกอย่างสวยงามไปหมด
ถ้าหากโจวเจ๋อคนก่อนได้มาเห็นโจวเจ๋อในตอนนี้ คาดว่าคงจะทำจมูก ‘ฮึดฮัด’ ไม่พอใจเพื่อบอกว่าดูถูกการใช้ชีวิตแบบปลาเค็ม แต่ตัวเขาในเวลานี้กลับมีความสุขกับชีวิตแบบนี้
ฉวีหมิงหมิงเดินออกมาจากร้านหนังสือ เห็นโจวเจ๋อนั่งยองๆ อยู่ตรงนั้นจึงนั่งลงตามเขา หยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนแล้วยื่นให้โจวเจ๋อ
โจวเจ๋อรับมาจุดไฟแล้วสูบหนึ่งที เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่ากลิ่นฉุนมาก แต่พอสูบขึ้นมากลับรู้สึกเบาสบาย
“ผมเป็นคนปลูกต้นยาสูบเอง ผ่านการบ่มเพาะด้วยวิธีที่พิเศษเฉพาะ แม้แต่ไส้กรองบุหรี่ผมก็เป็นคนออกแบบเอง เวลาสูบตัวนี้จะรู้สึกเย็นสดชื่นดับร้อนภายในร่างกาย”
“สูบบุหรี่ทำให้สุขภาพแข็งแรงได้ด้วยเหรอ” โจวเจ๋อจับบุหรี่ที่จุดแล้วขึ้นมาดู แล้วสูบหนึ่งที “ยังมีอีกไหมผมขอสองสามซอง”
“เหอะๆ มีไม่เยอะครับ ตอนนี้สมุนไพรแพงมาก และต้นทุนอันนี้ก็สูงเหมือนกัน สูบหนึ่งมวนเกือบสองสามร้อยแล้ว”
“ก็ไม่แพง…”
“ปอนด์”
“เอ่อ…” โจวเจ๋อถามอย่างสงสัย “บ้านของคุณมีเงินมากใช่ไหม”
“จริงๆ บ้านของผมไม่ได้รวยมากครับ ถึงแม้จะสืบทอดมาจากสมัยราชวงศ์ถัง แต่หมอไม่ใช่อาชีพที่ทำเงินเยอะอะไร แค่ช่วงสองสามปีนี้หาเงินได้ง่ายหน่อยท่านั้น สิ่งที่คุณอากับพวกผู้ใหญ่ของผมทำด้วยกัน คือพื้นชั้นในรองเท้าที่สามารถรักษาได้ทุกโรค สามารถบำบัดรักษาโรคมะเร็งแบบร้อนได้ ของพวกนี้เวลาคุณฟังแล้วอาจจะรู้สึกตลก แต่ในตลาดถือว่าดีมาก แต่ผมก็ไม่ชอบอะไรแบบนี้ ตอนแรกผมไปดูบริษัทของคุณอาของผมคนหนึ่ง บริษัทของเขากำลังประชุม ผู้ใหญ่ระดับคุณตาคุณยายรวมตัวกันโบกธงอย่างแข็งขัน ไม่ต่างจากองค์กรขายตรง”
โจวเจ๋อพยักหน้า
“ดังนั้น ผมคิดว่าตอนนี้ดีมาก ชอบเล่นกับแมลงพิษก็เล่นให้เต็มที่ ชอบเล่นเกมก็เปิดร้านอินเทอร์เน็ต รับผิดชอบตรวจอาการให้กับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงเป็นบางครั้ง ช่วยปรับสมดุลในร่างกายของพวกเขา เงินก็ไม่ขาด ใช้ชีวิตสบายมากในแต่ละวัน”
ปลาเค็มสองตัวค้นพบคนที่รู้ใจตัวเองโดยบังเอิญ!
“อ้อใช่ ผมเลี้ยงแมลงพิษเรียบร้อยแล้ว อีกสิบแปดชั่วโมงก็เสร็จ น่าจะเริ่มถอนพิษได้ตอนเที่ยงคืน พนักงานหญิงคนนั้นของคุณเป็นผีดิบ คุณก็เป็นเหมือนกันใช่ไหม”
โจวเจ๋อพยักหน้า
“วันนี้เหมือนได้เปิดโลกจริงๆ” ฉวีหมิงหมิงคิดได้แล้ว จึงยื่นมือแต่ไหล่ของโจวเจ๋อก่อน
โจวเจ๋อไม่ชอบให้คนแปลกหน้าแตะต้องตัวเองมาตลอด คนที่รักอนามัยสุดที่จะทนรับสิ่งนี้ได้
แต่เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากแขนของฉวีหมิงหมิง และมือของเขาก็ขาวมาก ตัดเล็บสะอาดสะอ้าน นี่คือคนที่รักสะอาด เหมือนหมอชื่อดังสมัยโบราณที่อยู่ในภาพวาด มีบัฟติดตัวที่ทำให้ดูสูงส่งลอยพ้นธุลีแดง ถึงแม้คุณจะรักอนามัย แต่ก็ยากที่คุณจะไม่ชอบ
“ผมรู้สึกว่าชีวิตของผมเริ่มสนุกแล้ว ด้านแมลงพิษ ผมได้ศึกษาวิจัยอย่างลึกซึ้งแล้ว ส่วนคุณได้เปิดหัวข้อใหม่ให้กับผม”
“จริงๆ แล้วผมละอายใจมาก บนโลกนี้ เมื่อก่อนคุณอาจจะเห็นแค่ด้านสีขาว แต่มันยังมีด้านมืดอีก พอเจอเยอะเข้าก็ใช่ว่าจะดี”
“ผมรู้ ผมรู้ครับ”
“วันนี้ฉันเห็นหิมะโปรยปรายในคืนอันหนาวเหน็บ ดวงใจที่เหน็บหนาวลอยไปไกล ไล่ตามลมฝน ไม่อาจแยกแยะร่อยรอยในสายหมอก…”
เด็กหนุ่มร้องจบหนึ่งเพลงก็เริ่มร้องเพลงอื่นต่อ
“ร้องเพราะใช้ได้นะครับ” ฉวีหมิงหมิงพูด
“เหมือนผ่านโลกมาโชกโชน อย่างน้อยฟังแล้วรู้สึกว่าเป็นแบบนี้” โจวเจ๋อกล่าว
“ผ่านโลกมาเยอะเหรอ” ฉวีหมิงหมิงหัวเราะ “รองเท้าของเขา กางเกงยีนส์ของเขา กีตาร์ที่อยู่ในมือของเขา รวมกันแล้วน่าจะเกินหนึ่งแสนหยวน”
โจวเจ๋อตกตะลึง ก่อนหน้านั้นเขาคิดว่าเด็กหนุ่มร้องเพลงเล่นกีตาร์เพื่อหาเงิน ที่แท้มาหาประสบการณ์ชีวิต ขณะเดียวกันเขาก็แบกหน้าไม่อยู่แล้ว มีลูกเศรษฐีตัวจริงอยู่ข้างๆ มักจะรู้สึกว่าตัวเองถูกมองด้วยสายตาดูหมิ่น
“ผมจะไปร้องหนึ่งเพลง” ฉวีหมิงหมิงลุกขึ้นตบมือแปะๆ เดินไปข้างเด็กหนุ่มที่ร้องเพลง มีไมค์ตัวหนึ่งเสียบอยู่ด้านข้าง เพื่อต้อนรับคนมาร่วมร้องเพลง ส่วนเขาจะเล่นดนตรีประกอบ แต่หลังจากที่ร้องเพลงจบแล้วจะต้องจ่ายทิปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โจวเจ๋อนั่งมองอยู่ข้างๆ ทว่าวินาทีที่ฉวีหมิงหมิงจับไมค์ขึ้นมา จู่ๆ โจวเจ๋อก็ได้กลิ่นแปลกๆ บางอย่าง กลิ่นนี้จางมากแต่กลับมีอยู่จริง
สายตาของโจวเจอจ้องนิ่ง ทิ้งข้าวกล่องที่อยู่ในมือ รีบเอามือปิดจมูกของตัวเอง แล้วพุ่งเข้าไปในร้านหนังสือ
ฉวีหมิงหมิงที่เมื่อครู่เตรียมจะร้องเพลงเห็นโจวเจ๋อไม่ยอมฟังเพลงแล้วเดินออกไปโดยตรง เขารู้สึกหมดสนุกอย่างเห็นได้ชัด จึงวางไมค์กลับไป หยิบเงินสองสามร้อยหยวนออกมาจากกระป๋ากางเกงแล้วใส่ลงไปในกระเป๋ากีตาร์ของเด็กหนุ่ม จากนั้นเดินไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตของตัวเอง
ส่วนโจวเจ๋อที่พุ่งเข้าไปในร้านหนังสือก็เริ่มมองสำรวจไปรอบๆ กลิ่น มีกลิ่นบางอย่าง! ใช่แล้ว มันอยู่ในร้านหนังสือ และยิ่งฉุนมากขึ้น! มีบางสิ่งเข้ามาจริงๆ!
“เจี๊ยกๆๆ!!!!!!” เสียงของเจ้าลิงดังมาจากคานบ้าน เมื่อโจวเจ๋อเงยหน้าก็มองเห็นเจ้าลิงยืนอยู่บนคานบ้าน มันใช้มือข้างหนึ่งขยี้โคลนแล้วแตะที่จมูกของตัวเอง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งชูสมุดหยินหยางเอาไว้ด้วยความร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด
เจ้าลิงเห็นโจวเจ๋อเข้ามาแล้วจึงกระโดดลงมาทันที กระโจนเข้าหาโจวเจ๋อโดยตรง และทำท่า ‘ขอกอด’ อย่างน่าประหลาดใจ
ตอนที่เจ้าลิงลอยอยู่กลางอากาศ ควันสีเหลืองพลันลอยขึ้นมา ม้วนเข้าหาเจ้าลิงโดยตรง เจ้าลิงร้องเจี๊ยกตีลังกากลางอากาศ พูดได้เพียงว่านี่คือพรสวรรค์ของเจ้าลิงที่อิจฉาไม่ได้ เจ้าลิงที่หลบควันสีเหลืองได้แต่ตกลงมาบนเคาน์เตอร์ มันชี้ไปด้านข้างพลางร้อง ‘เจี๊ยกๆๆ’ ใส่โจวเจ๋อไม่หยุด
‘ครอกฟี้…ครอกฟี้…’ มีพังพอนเหลืองตัวหนึ่งนอนหมอบอยู่ตรงนั้น มันกำลังนอนหลับอยู่ ถ้าหากเป็นคนอยากจะแอบเข้ามาในร้านหนังสือ มีความยากสูง แต่ถ้าเป็นสัตว์ขนาดเล็กมากยากที่จะป้องกันได้ และอีกฝ่ายต้องไม่ใช่สัตว์ตัวเล็กธรรมดาอย่างแน่นอน
‘ครอกฟี้…ครอกฟี้…’ พังพอนเหลืองยังคงนอนกรนต่อไป แต่ควันสีเหลืองนั่นกลับปกคลุมอยู่ทั่วร่างของมันไม่กระจายไปไหน
พังพอนเหลืองได้รับการขนามว่าเป็นเทพหวงต้าเซียนในเขตตะวันออกเฉียงเหนือหลายพื้นที่ และตัวที่อยู่ตรงหน้าก็ได้กลายเป็นปีศาจแล้ว จุดประสงค์ที่โผล่มาที่นี่ไม่ต้องพูดก็รู้
เพียงแต่โจวเจ๋อคาดไม่ถึงว่า อีกฝ่ายจะมาเร็วขนาดนี้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าแม่ย่าแปดโง่มาก ถ้าหากเธออดทนอีกนิดไม่ทำตัวอวดเก่งเสียก่อน แมวดำก็คงไม่ร้อง ตัวเขาก็ไม่จะให้อิงอิงหยิบสมุดหยินหยางออกมา เจ้าลิงก็จะไม่หยิบมาดูเล่นเป็นภาพประกอบอย่างสนุกสนาน
ตอนนี้นักพรตเฒ่าก็ไม่อยู่บ้าน แน่นอนว่านักพรตเฒ่าอยู่บ้านหรือไม่อยู่บ้านก็ไม่แตกต่างกัน อิงอิงเล่นเกมอยู่ที่ร้านอินเทอร์เน็ตฝั่งตรงข้าม เหล่าสวี่นั่งแช่น้ำอยู่ในถังอาบน้ำน่าจะโดนแช่จนไม่ได้สติแล้ว ส่วนตัวเขาเองนั่งกินข้าวกล่องฟังเพลงอยู่หน้าร้านหนังสือ พังพอนเหลืองตัวนี้จึงแอบเข้ามาได้ง่ายที่สุด ถ้าหากไม่ใช่เพราะสมุดหยินหยางอยู่ในมือของเจ้าลิง มีความเป็นได้สูงที่จะโดนมันแย่งไป
‘แอ๊ด…’ ประตูร้านถูกผลักออก เด็กหนุ่มที่ร้องเพลงริมถนนเปิดประตูเดินเข้ามา ใบหน้าของเขามาพร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่น เป็นหนุ่มหล่อหน้าตาสดใสมากคนหนึ่ง
‘พลั่ก…’ กระเป๋ากีตาร์ถูกเขาโยนลงบนพื้น เงินที่ได้จากการร้องเพลงอยู่ในนั้น หากจะพูดอย่างละเอียดก็คือมีโสมป่าและของป่าหายากอยู่ในนั้นด้วย กระทั่งหนังสัตว์ก็มี ไม่รู้ว่าเป็นหนังสัตว์ชนิดไหน
เด็กหนุ่มที่ร้องเพลงโน้มตัวให้โจวเจ๋อเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ “สวัสดีครับท่านยม พวกเรามารับแม่ย่าแปดกลับบ้าน นี่คือค่าใช้จ่ายที่แม่ย่าแปดอยู่ที่นี่ ขอให้ท่านโปรดรับไว้”
พูดจริงๆ นะ เทพเจ้ากลุ่มนี้แต่ละตนรู้จักมารยาทมาก ก่อนหน้านั้นแม่ย่าแปดเป็นฝ่ายไม่ขอปะทะกับหลิวฉู่อวี่และครั้งนี้คนคนนี้ก็ถือของขวัญมาเยี่ยมถึงที่ ทำเอาโจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองทำเกินไป ทุกคนต่างมีมารยาท และเธอก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับตัวเอง ดังนั้นตัวเองจึงควรปล่อยเธอไปใช่ไหม
โจวเจ๋อพบว่าดวงตาของเด็กหนุ่มมีแสงสีเหลืองเปล่งประกายเป็นระยะ เมื่อมองเทพเจ้าหวงต้าเซียนที่นอนหลับอยู่ตรงมุมอีกที เขาจึงเข้าใจว่าคนคนนี้ถูกสิงเข้าแล้ว
พวกเขาเดิมทีอยากเข้ามาขโมยของ แต่หลังจากขโมยไม่สำเร็จ จึงต้องเปลี่ยนแนวคิดมาใช้ของขวัญแลก
“พูดเกินไปแล้ว” โจวเจ๋อกล่าว
“สมควรแล้วครับ” อีกฝ่ายคำนับโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อหัวเราะกวักมือเรียกเจ้าลิง “มา เอาของมาให้ฉัน ปล่อยคนกลับบ้าน”
เจ้าลิงส่ายหัวเด็ดขาด ถือสิทธิ์อะไร! โจวเจ๋อพบว่าหลังจากที่เจ้าลิงอยู่กับนักพรตเฒ่ามีนิสัยเสียไม่น้อย มันในสมัยก่อนกับมันในชาติที่แล้วมีความบริสุทธิ์ไร้เดียงสามากขนาดไหน ตอนนี้กลับไม่ยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบคิดแต่จะเอาเปรียบคนอื่น
“เขามาหาถึงที่แล้ว แถมเอาของขวัญมาเยี่ยมอีกนะ” ขณะที่พูด โจวเจ๋อได้หยิบโสมแก่อันหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากีตาร์
“โสมภูเขาป่าสามร้อยปี ตอนนี้เห็นไม่บ่อยแล้ว” เด็กหนุ่มแนะนำ
“มา เอาอันนี้ไปกิน” โจวเจ๋อโยนโสมภูเขาให้เจ้าลิงโดยตรง เจ้าลิงรับโสมแล้วจึงวิ่งเข้ามาอย่างไม่พอใจ ยื่นสมุดหยินหยางให้โจวเจ๋อ
“เธออยู่ในนี้” ขณะพูด โจวเจ๋อได้ยื่นสมุดหยินหยางไปให้เด็กหนุ่ม
“ท่านยมมีน้ำใจมาก ผมขอเป็นตัวแทนเซียนในป่าเขาทุกท่านขอบคุณท่านครับ วันหลังหากท่านยมมีเรื่องอะไรก็ไปหาในป่าได้ ช่วยบอกกันล่วงหน้า แล้วพวกเราจะมาต้อนรับครับ”
“ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องเกรงใจ” โจวเจ๋อโน้มตัวตรวจดูของขวัญที่อยู่ในกระเป๋ากีตาร์ต่อ
แสงสีเหลืองส่องประกายในดวงตาของเด็กหนุ่มแวบหนึ่ง เขาไม่สนใจของขวัญเหล่านั้น สำหรับคนทั่วไปเป็นของล้ำค่าหายาก แต่สำหรับพวกเขาแล้ว เป็นสิ่งที่พบเห็นเป็นประจำ วินาทีต่อมา เขาเปิดสมุดหยินหยางอย่างอดใจไม่ไหว
“แม่ย่าแปด ออกมาครับ…” จากนั้นเขาก็ไม่ขยับอีก
โจวเจ๋อลุกขึ้น หันหลังให้เด็กหนุ่มแล้วเริ่มเดินถอยหลัง หลังจากเดินถอยหลังไปหาเด็กหนุ่มแล้ว เขายื่นมือไปข้างหลังโดยที่ไม่มองสมุดหยินหยางเล่มนั้นและคลำหาอยู่นาน ในที่สุดก็ปิดสมุดหยินหยางได้เสียที
สมุดหยินหยางอยู่ในมือ บนหน้าปกนอกจากแมวดำกับงูตัวเล็กแล้ว ยังมีพังพอนเหลืองที่โกรธมากโผล่มาอีกหนึ่งตัว เห็นได้ชัดว่ามันรู้แล้วว่าตัวเองโดนหลอก
“อย่าโทษผมเลย แต่พวกคุณโง่เอง ใช่ไม่ใช่”
เจ้าลิงที่อยู่ข้างๆ แทะโสมภูเขาพร้อมกับผงกศีรษะไม่หยุด
โจวเจ๋อตบสมุดหยินหยางที่อยู่ในมือ เขาอยากหัวเราะแต่กลั้นเอาไว้อยู่ เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนผู้ร้ายในภาพยนตร์ แต่สุดท้ายก็กลั้นไม่อยู่แล้วพูดว่า “ยังจะมีเทพเจ้าคนไหนมาอีกไหม ผมอยากรวบรวมสัตว์โลกน่ารัก”
…………………………………………………………………………