ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 258 หัวใจ เจ็บปวดไม่อาจหายใจได้
ตอนที่ 258 หัวใจ เจ็บปวดไม่อาจหายใจได้
“ว้าว คนนี้มีปืนเอดับเบิลยูเอ็ม ฉันเก็บนะ เพราะเก้าแปดเคของคุณยังไงก็ระเบิดหัวคนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว”
ไป๋อิงอิงนั่งอยู่ตรงหน้าจอพูดอย่างมีความสุข จากนั้นจึงรีบเหมาทั้งหมดมาเพราะกลัวว่าฉวีเจินเจินจะกลับคำ อันที่จริงฉวีเจินเจินนั่งเล่นเกมเป็นเพื่อนไป๋อิงอิงก็เหมือนเรียนหนังสือเป็นเพื่อนคุณชาย เพราะผีดิบตัวหนึ่งปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าตัวเอง ระหว่างคุณถูกกินกับนั่งเล่นเกมเป็นเพื่อนคุณจะเลือกอันไหน คนที่สมองปกติหน่อยน่าจะเลือกอย่างหลังแน่นอน
สำหรับฉวีเจินเจินเกมไม่มีความสนุกเลย การได้ยิน การควบคุม การจับภาพแบบไดนามิก เธอมีความสามารถเหนือคนธรรมดาทั่วไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้สึกว่ามีความท้าทายเท่าไร
แต่หลังจากที่เธอระเบิดหัวหมาป่าตัวหนึ่งแล้ว ทันใดนั้นเธอพบว่าหน้าจอของตัวเองดับไป
คอมพิวเตอร์เกิดปัญหาเหรอ เธอมองไปทางขวาของตัวเอง พบว่าด้านขวาของตัวเองไม่มีใครเลย เธอจึงลุกขึ้นมองไปรอบๆ ร้านอินเทอร์เน็ตที่น่าจะคึกคักสุดๆ เวลานี้กลับว่างเปล่าไร้ผู้คน และหน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกตัวก็ดับมืด
ฉวีเจินเจินลุกขึ้น เธอวิ่งไปที่ออฟฟิศก่อน พบว่าที่ออฟฟิศไม่มีคน จึงวิ่งขึ้นไปข้างบน พบว่าพี่ชายก็ไม่อยู่บนนั้น เธอเริ่มตะโกน เธอเริ่มร้องเรียก แต่ไม่มีการตอบสนองใดๆ กลับมา ราวกับว่าทั้งโลกนี้เหลือเธอเพียงคนเดียว ความน่ากลัวเช่นนี้ ความไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้ ความรู้สึกหดหู่ที่ถูกโดดเดี่ยว เหมือนงูพิษตัวหนึ่งกำลังกัดกินหัวใจของเธอไม่หยุด
…
“ดวงตาของคน เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลกใบนี้ มันสามารถมองเห็นสิ่งปลอมแปลงทุกอย่างได้อย่างทะลุปรุโปร่ง มือของคน การได้ยินของคน การรับกลิ่นของคน ก็เช่นกัน พวกมันเป็นสิ่งที่คุณใช้ทำความรู้จักกับโลกตั้งแต่ตอนที่คุณยังเด็ก ดังนั้นการใช้แมลงพิษแทนดวงตาของตัวเอง แทนหูของตัวเอง แทนมือของตัวเอง ทิ้งไข่มุกจริง แล้วใช้แมลงน่าขยะแขยงต่ำช้าแทนตัวเองเพื่อสัมผัสโลกใบนี้ ละทิ้งแก่นแท้สนใจแต่เรื่องไม่สำคัญน่าตลกสิ้นดี”
เงาดำปรากฏอยู่ข้างกายของฉวีเจินเจิน ภายในร้านอินเทอร์เน็ตยังคงคึกคักเหมือนเดิม เสียงผู้คนเซ็งแซ่ หลายคนกำลังตะโกนโหวกเหวก เห็นได้ชัดว่ากำลังเล่นเกมสนุกมาก
หน้าอกของฉวีเจินเจินถูกแปะด้วยยันต์ใบหนึ่ง นี่คือยันต์กระดาษที่เรียบง่ายมาก มันธรรมดาไร้ความหรูหรา และไม่มีการเคลื่อนไหวของพลังงานใดๆ กระทั่งยังเทียบระดับกับยันต์กระดาษของนักพรตเฒ่าไม่ได้ มันยากที่จะขังคน เทพ หรือผี แต่กลับขังแมลงได้อยู่หมัด
เหมือนใบไม้บังตา ที่พูดมามีความหมายเช่นนี้แล
ฉวีเจินเจินในตอนนี้ได้แต่จมอยู่ในภาพลวงตาที่มาจากยันต์กระดาษใบนี้ เพราะแมลงภายในร่างกายของเธอถูกหลอกแล้ว ดังนั้นเธอจึงโดนหลอกไปด้วย
วิธีแก้ไขแท้จริงแล้วง่ายมาก นั่นก็คือหยุดใช้แมลงรับรู้สิ่งภายนอกชั่วคราว แล้วลืมตาด้วยตัวเองก็แก้ไขได้แล้ว แต่เธอไม่ทำ ยิ่งเธอตกอยู่ในอันตราย เธอยิ่งเชื่อว่าพวกแมลงในร่างกายของเธอสามารถนำพลังมาสู่เธอได้
เงาดำส่ายหน้า “เป็นเตาหลอมชั้นดีจริงๆ เหอะๆ”
เงาดำหมุนตัวไปทางไป๋อิงอิง ไป๋อิงอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนเธอจะสัมผัสอะไรได้ แต่ตอนที่เธอหันไปทางฉวีเจินเจิน เสียงขลุ่ยพลันดังขึ้น! เสียงขลุ่ยอยู่ใกล้มาก เหมือนติดอยู่ในแก้วหูของเธอ ท่วงทำนองเหล่านั้นกลายเป็นใบมีดกรีดส่วนลึกสุดในหัวใจของไป๋อิงอิงโดยตรง
“เถ้าแก่!” ไป๋อิงอิงรู้สึกว่าสายตาของตัวเองพร่าเลือนภายใต้การทรมานของเสียงขลุ่ย มีหลายสิ่งที่ไม่สมจริงแม้แต่ฉวีเจินเจินที่อยู่ข้างกาย เธอก็ยังเห็นไม่ถนัด รู้สึกว่าคนผู้นี้กำลังบิดเบือนไม่หยุด แน่นอนว่าทุกสิ่งที่อยู่ในสายตาของเธอก็บิดเบี้ยวเช่นกัน
ยาวขึ้น ขยายใหญ่ขึ้น โค้งงอขึ้น โลกที่อยู่รอบตัวเธอเหมือนกลายเป็นกระจกบิดเบี้ยวขนาดใหญ่
สะอิดสะเอียน มึนหัว ความเจ็บปวดทรมานเหมือนน้ำขึ้นซัดเข้าหาตัวเธอ ทำให้ตัวเธอจมลงไปอย่างบ้าคลั่ง ถึงแม้เธออยากจะโผล่ศีรษะออกมาเพื่อสูดอากาศก็ไม่สามารถทำได้ ความสิ้นหวังนี้เหมือนฝาครอบขนาดใหญ่ที่ปกคลุมคุณให้จมดิ่งอย่างสิ้นเชิง!
ไป๋อิงอิงเดินไปแล้วคุกเข่าลง เธอเอามือป้องหูของตัวเองเมื่อรู้ตัว แต่กลับไม่มีประโยชน์ เสียงขลุ่ยนั่นยังคงดังขึ้นในหัวใจของเธอ ทรมานเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
“เถ้าแก่…” ไป๋อิงอิงจำได้ว่าเถ้าแก่อยู่ในออฟฟิศ เธออยากจะดูว่าเถ้าแก่เป็นอย่างไร เธอกลัวว่าเถ้าแก่จะมีอันตรายเหมือนกัน จากนั้นจึงเดินโซเซลุกขึ้นมาใหม่ ไป๋อิงอิงเดินโซเซไปทางออฟฟิศ เงาดำยืนอยู่ข้างกายไป๋อิงอิง เสียงขลุ่ยยังคงดังเหมือนเดิม แต่ตอนที่ไป๋อิงอิงใกล้จะถึงออฟฟิศนั้น เงาดำส่งเสียง ‘สงสัย’ ออกมา ภายใต้การทรมานด้วยเสียงขลุ่ยของเขา ผีดิบตัวนี้ยังควบคุมสติของตัวเองได้ ทำให้เขาคาดไม่ถึงจริงๆ
ประตูด้านบนของออฟฟิศถูกแปะด้วยยันต์กระดาษสามใบ ใบหนึ่งสีแดง ใบหนึ่งสีม่วง ใบหนึ่งสีดำ ตอนที่พวกมันถูกแปะบนประตู ประตูด้านในกับประตูด้านนอกเหมือนถูกกั้นออกจากกัน คนที่อยู่ข้างในไม่สามารถรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอกได้ ทุกอย่างยังคงเป็นปกติ
“เขาเป็นยมทูต ผู้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของนรก เขามีชีวิตต่อได้ เพราะเขามีประโยชน์ ส่วนเธอเป็นผีดิบชั่วร้ายเก็บไว้จะมีประโยชน์อะไร”
ขลุ่ยหยกลอยเข้ามา แล้วฟาดไปที่หน้าอกของไป๋อิงอิงทันที
ก่อนหน้านั้นต่อหน้าขลุ่ยหยก ปีศาจจิ้งจอกที่เป็นพนักงานต้อนรับหญิงยังต้องตัดหางทิ้งเพื่อต่อชีวิตอย่างน่าอนาถ นับประสาอะไรกับไป๋อิงอิงที่นึกถึงความปลอดภัยของเถ้าแก่อย่างเดียว
‘ปึ้ง!’ ไป๋อิงอิงลอยกระเด็นออกไปทั้งตัว กระแทกลงกับพื้นอย่างแรง
“โฮก!” ไป๋อิงอิงคำรามด้วยความโกรธ
“เป็นใคร! ใครกันแน่! ข้าจะกินแกให้ได้! ข้าจะฉีกแกให้ได้!” ไป๋อิงอิงมองไปรอบๆ ไม่หยุดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง
“แกเนี่ยนะ คู่ควรเหรอ”
‘ปึ้ง!’ ขลุ่ยหยกปรากฏตัวอีกครั้ง โดยที่ไป๋อิงอิงไม่ทันได้ตั้งตัวเลย มันซัดไป๋อิงอิงอีกครา
‘ครืนนน…’ หน้าต่างด้านหนึ่งในร้านอินเทอร์เน็ตถูกกระแทกจนแตก ไป๋อิงอิงล้มลงไปทั้งตัว ร่างอยู่บนถนนที่มืดสลัว
คนที่เล่นเกมอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ตพวกนั้นไม่ได้ยินเสียงอะไรอย่างสิ้นเชิง แต่มีคนหนึ่งที่พูดพึมพำกับตัวเองแปลกๆ “ฟ้าฝ่าข้างนอกเหรอ”
“เถ้าแก่ๆ! ระวังโดนโจมตี! ระวังเสียงขลุ่ย” ไป๋อิงอิงคลานลุกขึ้นมาจากถนน พลังผีดิบบนตัวเธอเริ่มระเบิดความบ้าคลั่ง ทำให้ไฟตามทางเดินบริเวณใกล้เคียงแตกละเอียดในพริบตา เธออยากจะบอกโจวเจ๋อว่า มีคนซุ่มโจมตี มีคนจะลงมือกับร้านหนังสือ
“เหอะๆ” เงาดำโจมตีเข้ามาอีกครั้ง ขลุ่ยหยกเหมือนผีโผล่มาตรงหน้าของไป๋อิงอิงอีกครั้ง
“ร่างกายนี้ถือว่าดีไม่เลว ถูกหล่อเลี้ยงมานานมากใช่ไหม ไม่หลบอยู่ในป่าลึกฝึกบำเพ็ญเพียรต่อดีๆ แต่กล้ามาอยู่ในเมืองที่วุ่นวายอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้ คิดว่าคนที่ยึดในทางที่ถูกต้องอย่างฉันไม่มีแล้วใช่ไหม”
“โฮก!” ครั้งนี้ไป๋อิงอิงจับขลุ่ยหยกด้วยสองมือ ไม่ปล่อยให้ขลุ่ยหยกโจมตีตัวเองแบบนั้นอีกแล้ว
แต่เงาดำกลับเข้าใกล้ไป๋อิงอิงมากขึ้นและเร็วมาก ยันต์กระดาษสองใบแปะอยู่ที่หลังมือทั้งสองของไป๋อิงอิงทันที
“สวรรค์และโลกไร้ขอบเขต จิตใจลึกล้ำคือธรรมะ สายฟ้าฟาด!”
ไป๋อิงอิงมองยันต์กระดาษสองใบบนหลังมือของตัวเอง เธออยากสะบัดออกเมื่อรู้ตัว แต่ไม่รู้ว่าทำไม สองมือของตัวเองไม่สามารถหลุดจากขลุ่ยหยกได้ เหมือนติดกาวแน่นอยู่บนนั้น
‘เปรี้ยงๆ!’ สายฟ้าระเบิดเป็นสองสาย เกิดฝุ่นและควันเป็นชั้นๆ หลังจากรอฝุ่นและควันหายไปแล้ว ไป่อิงอิงคุกเข่าอยู่บนพื้น ปล่อยแขนสองข้างแนบลำตัวอย่างหมดแรง มือที่เดิมทีขาวนวลกลับไหม้เกรียมไปหมด
เงาดำโจมตีเข้ามาอีกครั้ง เดิมทีเขาคิดว่าไป๋อิงอิงคงตายแล้ว แต่ในเวลาต่อมา ไป๋อิงอิงกลับลุกขึ้นพรวด และเริ่มพุ่งไปชนตึกของร้านอินเทอร์เน็ตอย่างบ้าคลั่ง เธอจะกระแทกเสาค้ำหลักของตึกนี้โดยตรง
เธอสัมผัสได้ว่าเถ้าแก่อยู่ในร้านอินเทอร์เน็ต และอยู่ในออฟฟิศนี้ แต่ไม่รู้ว่าคนผู้นี้ใช้วิธีอะไร เถ้าแก่จึงไม่สามารถรับรู้เสียงเรียกและคำเตือนของเธอได้ จะไม่ยอมให้เขาถูกซุ่มโจมตี เธอจะต้องเตือนเถ้าแก่!
“บ้าระห่ำ!” ตำแหน่งของเงาดำเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา มาปรากฏตัวอยู่บนทางเดินของไป๋อิงอิง ขลุ่ยหยกพุ่งไปข้างหน้า ยันต์กระดาษสองใบที่เหมือนก่อนหน้านั้นถูกผลักไปข้างหน้าเช่นกัน
หลังจากแขนของไป๋อิงอิงห้อยตกอยู่ข้างลำตัว ท่าทางตอนวิ่งดูตลกเล็กน้อย ลมหายใจของเธอสับสนไม่เป็นจังหวะแล้ว และพลังหยางรุนแรงที่อยู่บนขลุ่ยหยกยังเป็นปรปักษ์กับชี่พิฆาตภายในร่างกายของไป๋อิงอิงพอดี
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ไป๋อิงอิงยังคงวิ่งเข้าหาเสาต้นนั้น และพุ่งเข้าใส่เงาดำที่ขัดขวางตัวเองด้วยท่าทีที่ไม่เป็นมิตรเช่นกัน
เธอจะชนเสาให้พังลงมา แบบนี้เถ้าแก่ที่อยู่ข้างบนจะได้ระวังตัว เสียงขลุ่ยนี้เป็นปัญหา เธอจะไม่ยอมให้เถ้าแก่คล้อยตามมันเด็ดขาด!
“รนหา…ที่ตาย!” ขลุ่ยหยกซัดไปที่ตัวของไป๋อิงอิงอีกครั้ง ยันต์สายฟ้าสองใบถูกใช้เช่นกัน ชั่วเวลาเพียงครู่เดียวงูสายฟ้ามากมายนับไม่ถ้วนพันรอบตัวของไป๋อิงอิง เกิดรอยแยกบนตัวเธออย่างต่อเนื่อง ทำให้ผีดิบอย่างเธอมีเลือดหยดลงมา
“วิธีหลอกลวงของสัตว์ร้ายจะมีสักกี่อย่างเชียว นับประสา…เอ๊ะ”
เงาดำหยุดชะงัก ท่ามกลางฝุ่นควัน หญิงสาวผมเผ้าสยายอ้าปาก เผยให้เห็นเขี้ยวที่แหลมน่ากลัวสองข้างกัดขลุ่ยหยกอย่างแรง และยังคงพุ่งตัวออกไปด้วยพละกำลังมหาศาลเหมือนเดิม
เงาดำถูกกระแทกจนแหลกเหลว กลายเป็นเศษหนังคนลอยว่อนอยู่กลางอากาศ แต่ขลุ่ยหยกที่ไป๋อิงอิงกัดกลับส่องแสงสีเขียวออกมา เปลวไฟสีเขียวเป็นสายเริ่มเผาตัวของไป๋อิงอิง และที่ไม่ไกลมากมีเงาดำรวมตัวขึ้นใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นแค่หนังคนเท่านั้น เขามีมันอยู่เยอะมาก เงาดำไม่ขยับ เพียงมองดูหญิงสาวที่ถูกไฟแผดเผาพยายามพุ่งไปทางเสาต้นนั้นต่อไป
สำหรับเงาดำนั้น ผีดิบตัวนี้บ้าไปแล้ว ในที่สุดไป๋อิงอิงก็พุ่งไปถึงเสาต้นนั้นได้แล้ว แต่เธอหมดแรง นอกจากนี้ชี่พิฆาตในตัวเธอก็เริ่มไหลออกอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเธอนอกจากบาดแผลแล้ว ผิวหนังส่วนอื่นๆ ก็เริ่มแตกออกและมีรอยเหี่ยวย่นขึ้นมา แต่สุดท้ายเธอก็มาถึงด้านหน้าเสาต้นนี้ เธอหมดแรงชนเสาต้นนี้แล้วจริงๆ แต่เธอยังคงดื้อรั้นใช้หน้าผากของตัวเองและแรงฮึดเฮือกสุดท้ายกระแทกดัง ‘ตึ้ง’ กระแทกเสาเต็มแรงที่เหลืออยู่โดยไม่กักเก็บเอาไว้เลย
เสาไม่ถล่มหรือแตก บ้านก็ไม่สั่น เพราะเหมือนแรงของคนทั่วไปที่โดนตบหน้าเท่านั้น สำหรับเสาต้นนี้ สำหรับตึกหลังนี้ ไม่มีค่าให้พูดถึงเลยสักนิด
จากนั้นเธอจึงเอาตัวพิงเสาแล้วทรุดลงไป
…
ภายในออฟฟิศ โจวเจ๋อที่ถือแก้วเหล้าอยู่พลันสูดลมเย็นเข้าปาก หลังจากวางแก้วเหล้าแล้วมือซ้ายก็จับหน้าอกของตัวเองอย่างแน่น หัวใจของเขาถูกตัวเองกินไปแล้วแท้ๆ แต่ตอนนี้จู่ๆ กลับรู้สึกเจ็บปวดทรมานขึ้นมา เจ็บจนหายใจไม่ออก…
…………………………………………………………………………