ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 264 ท่านกิน ข้ากิน สรุปท่านจะกินไม่กิน
ตอนที่ 264 ท่านกิน ข้ากิน สรุปท่านจะกินไม่กิน
ภายใต้ม่านราตรี เงาร่างเล็กน่ารักของคนผู้หนึ่งวิ่งผ่านป่าเขียวริมทางอย่างรวดเร็ว ตัวเบาหวิวเหมือนนกนางแอ่นบินฉวัดเฉวียน
ไม่นานก่อนหน้านี้ ลมหายใจที่ทำให้เธอใจสั่นถูกส่งมาจากทางนั้นในที่สุด จากนั้นเงาดำที่อยู่ด้านล่างตึกของเธอก็หายไป สาวน้อยโลลิรู้ดี เรื่องราวได้จบลงแล้ว หรือดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว ตอนนี้เธอสามารถไปดูได้แล้ว
บนถนนหน้าร้านหนังสือ เธอเห็นนักพรตเฒ่านอนอยู่บนพื้น รวมทั้งเจ้าลิงที่กำลังเอาโคลนถูอยู่บนตัวของนักพรตเฒ่า
เจ้าลิงจำสาวน้อยโลลิได้ ตอนนี้มันร้อง ‘เจี๊ยกๆๆ’ พลางโบกอุ้งมือของตัวเอง จากนั้นจึงจับเสื้อของนักพรตเฒ่าพยายามออกแรงดึงแต่กลับไร้ประโยชน์
สาวน้อยโลลิฟังมันไม่เข้าใจ แต่พอจะเดาความหมายออก จึงโน้มตัวแบกนักพรตเฒ่าขึ้นมา เหมือนแบกขนมล่าเถียว ภาพนี้ดูบาดตาเล็กน้อย ชายชราคนหนึ่งถูกสาวน้อยโลลิแบกเหมือนกระสอบจากท่าเรือ ชายชราท่าทางร่อแร่ แต่สาวน้อยโลลิกลับทำสีหน้าเย็นชาเหมือนเดิม
หลังจากแบกนักพรตเฒ่ามาวางบนโซฟาในร้านหนังสือแล้ว สาวน้อยโลลิจึงขึ้นไปชั้นบน ผลักประตูห้องนอนเข้าไป เดดพูลกำลังคลานอยู่บนพื้น ครั้งนี้เขาบาดเจ็บหนักเช่นกัน เนื้อตัวแทบจะแยกออกจากกัน เหมือนงูที่ถูกถลกหนังผ่าท้องตัดหัวแล้วแต่ยังคลานได้เหมือนเดิม พลังชีวิตที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ น่าทึ่งจริงๆ กระทั่งรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
เว้นเสียแต่ว่าตอนนี้จะจับเขาโยนเข้าไปเผาในกองไฟ ไม่อย่างนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะทำให้ตัวเองงอกกลับมาอีกครั้ง นี่คือความสามารถที่น่าอิจฉามากอย่างหนึ่ง แต่การสร้างตัวประหลาดแบบนี้ต้องอาศัยดวงเท่านั้น ความลึกลับของบาทหลวงชาวญี่ปุ่น บวกกับข้าวคลุกอัฐิของโจวเจ๋อในชาติที่แล้วทำให้เกิดตัวประหลาดนี้ขึ้นมา
เมื่อเดินอ้อมเดดพูลแล้ว สาวน้อยโลลิเห็นสวี่ชิงหล่างที่อยู่ในถังอาบน้ำ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังยื่นมือจับเขาออกจากมาถังอาบน้ำแล้วโยนลงบนเตียง มองดูเหล่าสวี่ที่ร่างกายเปลือยเปล่า เขาหน้าซีดเป็นอย่างมาก ลมหายใจแผ่วเบา แต่สาวน้อยโลลิเห็นผิวที่นุ่มลื่นของเขาแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมจึงขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้น กระทั่งเกิดความคิดหุนหันพลันแล่นอยากจะเอากรดกำมะถันมาทำสปาบนตัวเขา
เธอเองก็อาบน้ำ ส่องกระจกดูตัวเอง และเรือนร่างของตัวเธอเองก็ยังสาวมาก แถมเป็นสาวน้อยอีกด้วย แต่ผิวพรรณของเขากลับดีกว่าเธออีกเหรอ โชคดีที่ตอนนี้เป็นสังคมศิวิไลซ์ หากเป็นสมัยโบราณ หน้าตาของเขาแบบนี้คงถูกท่านอ๋องลักพาตัวไปอุ่นเตียงแล้ว
โจวเจ๋อไม่อยู่ที่นี่ สาวน้อยโลลิจึงกระโดดลงมาจากชั้นสองทันที เธอมาหาโจวเจ๋อ ถึงแม้เธอจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ตั้งใจมาประจบก็ตาม แต่ในเมื่อเธอมาแล้ว จะไม่เจอโจวเจ๋อสักหน่อยก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ
เหตุการณ์คราวนี้มีความรุนแรงไม่น้อย แต่ดีกว่าที่สาวน้อยโลลิคิดไว้เยอะมาก คนในร้านหนังสือบาดเจ็บหนักเป็นส่วนใหญ่ แต่กลับไม่มีใครตายสักคน
บนถนนอีกด้านหนึ่งของร้านอินเทอร์เน็ต เงาร่างของสาวน้อยโลลิปรากฏตัวอย่างช้าๆ เธอหยุดเดิน กลิ่นคาวเลือดและเขม่าควันลอยฟุ้งอยู่กลางอากาศ และที่ไม่ไกลมาก เธอเห็นโจวเจ๋อยืนอยู่ตรงนั้นรวมทั้งไปอิงอิงที่ถูกแขวนอยู่บนเสาไฟฟ้า
อ้อ เธอเห็นสิ่งที่ถูกเหยียบเละอยู่ใต้เท้าของโจวเจ๋อแล้ว จึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สาวน้อยโลลิลังเลสักพักหนึ่ง ก่อนจะเดินไปข้างหน้า จากนั้นก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างๆ โจวเจ๋อ ท่าทางของเธอนอบน้อมมากขึ้น ถามโจวเจ๋อเสียงอ่อนหวานอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “จบแล้วเหรอ”
‘เปรี๊ยะ!’ นัยน์ตาของสาวน้อยโลลิหดตัวทันที มีมือข้างหนึ่งบีบคอของเธอ จากนั้นจับกดลงบนถนนแล้วลากไประยะหนึ่งก่อนจะหยุด “ทำ…ทำอะไร…” สาวน้อยโลลิถามอย่างยากลำบาก
เธอสัมผัสได้ว่า โจวเจ๋อในตอนนี้ไม่ใช่โจวเจ๋อ ตอนที่เธอยืนอยู่ตรงหน้า ‘โจวเจ๋อ’ อีกคน ถึงแม้เธอจะลดตัวไม่ ‘ทำตัวเอาแต่ใจ’ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ยังเกินความคาดหมายของเธอจริงๆ
“อึก…” โจวเจ๋อบีบคอนุ่มละมุนของสาวน้อยโลลิ ก้มหน้าลงมาอย่างช้าๆ ปลายจมูกถูไถบริเวณลำคอของสาวน้อยโลลิเบาๆ เหมือนกำลังดมกลิ่นหมูทอดกรอบที่เพิ่งออกจากเตาสดๆ ร้อนๆ
สาวน้อยโลลิยังไม่กล้ามองดวงตาของโจวเจ๋อ นี่คือสายตาที่ทำให้ยมทูตมากประสบการณ์อย่างเธอต้องขนหัวลุก ภายใต้ความมืดมิดที่มองไม่เห็นก้นบึ้ง เหมือนหินแมกมาแต่ละชั้นที่สามารถระเบิดได้ตลอดเวลา
“ข้า…” สาวน้อยโลลิอยากจะพูดอะไร แต่ด้วยพลังคุกคามแบบนี้ ทำให้พูดไม่ออกอย่างเห็นได้ชัดเจน เธอรู้สึกถึงความลื่นเหนียวมาจากผิวหนังของเธอ เขา…เขากำลังใช้ลิ้นอยู่ สาวน้อยโลลิพยายามดิ้น แต่หลังจากดิ้นแล้วปรากฏว่าแรงบีบที่คอกลับมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ ดูหน้าตาอาหารก่อนแล้วดมกลิ่น จากนั้นก็ชิม! เขาจะกินเธอเหรอ! ความหวาดกลัวถาโถมเข้ามาในใจของสาวน้อยโลลิ วินาทีนี้เธอเหมือนย้อนกลับไปที่หรงเฉิงในคืนนั้น แต่รู้สึกว่าจะหนักยิ่งกว่าคืนนั้น
“ข้าเป็น…ลูกน้อง…ของเขา…” สาวน้อยโลลิอธิบายอย่างยากเย็นแสนเข็ญ คนที่เธอดูหมิ่นมาตลอด คนที่เธอไม่ชอบ ถึงแม้จะถูกสถานการณ์บังคับให้ตัวเธอกลายเป็นลูกน้องของเขา เขากลายเป็นหัวหน้าผู้จับกุมของเธอ แต่เธอก็ยังใจแคบไม่ชอบเขาอยู่ดี
แต่ตอนนี้เธอกลับต้องพูดชื่อคนผู้นั้นออกมา และหวังว่าจะ…ช่วยชีวิตตัวเองได้
ความรู้สึกลื่นเหนียวหายไปแล้ว โจวเจ๋อเงยหน้าจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา สาวน้อยโลลิถึงขนาดรู้สึกว่าในแววตาของโจวเจ๋อ มีความเย็นยะเยือกมากกว่าเดิม หรือว่าหลังจากที่เธอพูดชื่อของคนผู้นั้น กลับกลายเป็นยั่วยุเจ้าของจิตสำนึกนี้ยิ่งกว่าเดิม ถ้าอย่างนั้นตัวเธอก็รนหาที่ตายแล้วจริงๆ
สาวน้อยโลลิเหมือนตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง และเวลานี้เธอรู้สึกว่ามือที่บีบคอตัวเองยิ่งมีแรงมากขึ้น คอ…จะหักแล้ว…
‘พลั่ก!’ วินาทีต่อมา โจวเจ๋อจับสาวน้อยโลลิขึ้นมาจากพื้นอย่างฉับพลัน แล้วโยนเธอออกไปไกลมาก เหมือนขี้สุนัขก้อนหนึ่ง เขาไม่อยากเห็นมันอีก โยนทิ้งยิ่งไกลได้ยิ่งดี
ร่างกายอรชรของสาวน้อยโลลิกระแทกเสาไฟฟ้า ถ้าหากเธอไม่แลบลิ้นออกมาปกป้องตัวเองไว้ อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะกระดูกหักอย่างรุนแรง ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เธอก็ยังกระแทกเสาไฟฟ้าอยู่ดี จากนั้นทั้งตัวของเธอก็กลิ้งอยู่บนโคลนและหญ้าสองสามรอบ
สาวน้อยโลลิเก็บลิ้นกลับเข้าไปแล้วดิ้นรนคลานลุกขึ้นมา เธอยื่นมือลูบคอที่บวมช้ำอยากจะร้องไห้แต่ไร้ซึ่งน้ำตา ต้องไร้เหตุผลขนาดนี้เชียวเหรอ!
โจวเจ๋อเดินกลับไปช้าๆ เขามีความเคยชินกับการกินของบำรุงกำลังทุกครั้งหลังจากที่ตื่นขึ้นมา จากนั้นจึงค่อยพลิกตัวแล้วนอนหลับต่อ
เขาเดินมาอยู่ตรงหน้าร่างกายที่เละเป็นเนื้อเดียวกัน โน้มตัวแล้วยื่นมือคลำหาอะไรบางอย่าง จากนั้นจึงหยิบซือตันส่องแสงเป็นประกายสีดำออกมา นี่คือซือตันที่ชายชราดึงออกมาจากร่างของไป๋อิงอิง มันคือแก่นชีวิตของเธอ
โจวเจ๋อมองสิ่งที่อยู่ในมือ แลบลิ้นออกมาเลียปากของตัวเอง เหมือนคนที่หิวโซหาของกินในบ้านอยู่นานสองนานจนในที่สุดก็หาของกินได้แล้ว เขาอ้าปากใส่ซือตันเข้าไปในปากของตัวเอง ส่วนไป๋อิงอิงที่อยู่ถัดไปตอนนี้กำลังเม้มปากที่แห้งผากของตัวเองแล้วเดาะปากเบาๆ นั่นคือซือตันของเธอ แต่เธอไม่กล้าพูด ระดับของสายเลือด ความกดดันของระบบสายเลือด ฐานะของเถ้าแก่ทำให้เธอไม่กล้าขอร้องอะไรต่อหน้าโจวเจ๋อ และไม่มีแรงที่จะขออีกด้วย นอกจากนี้เธอรู้ดีว่าคนที่อยู่ตรงหน้าตัวเองในตอนนี้ไม่ใช่เถ้าแก่โจวของตัวเอง แต่เป็นอีกคนหนึ่ง
มือของโจวเจ๋อพลันหยุดชะงัก จากนั้นวางซือตันลง ก่อนจะอ้าปากแล้วใส่เข้าไปในปากของตัวเองอีกครั้ง แต่ก็หยุดเหมือนเดิม สาวน้อยโลลิที่อยู่ไกลๆ มองฉากนี้อย่างไม่เข้าใจ ทำไมเขาถึงไม่กิน
เธอรู้ประโยชน์ของซือตันอายุสองร้อยปีเป็นอย่างดี ให้ผลลัพธ์ที่ดีในเรื่องของการบำรุงวิญญาณ แต่ซือตันอายุสองร้อยปีนั้นหายากมาก หนึ่งคือผีดิบที่มีอายุยาวนานขนาดนี้หายากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สองคือต่อให้หาผีดิบแบบนี้เจออีกฝ่ายก็ยอมทำลายซือตันของตัวเอง แต่จะไม่ยอมให้แก่นของตัวเองตกไปอยู่ในมือของคุณฟรีๆ แน่นอน
ดังนั้นสำหรับซือตันนี้ สาวน้อยโลลิเห็นแล้วจึงน้ำลายไหลเหมือนกัน เธออยากกิน อยากกินเป็นอย่างมาก แต่เธอได้แต่มองโจวเจ๋อแบบนี้ เดี๋ยวก็เอาซือตันเข้าปากตัวเอง เดี๋ยวก็เอาออกมา เดี๋ยวก็ส่งเข้าปาก เดี๋ยวก็เอาออกมา เขากำลังทำอะไรอยู่ อยากยั่วอย่างนั้นเหรอ เหมือนเด็กที่กำลังอวดขนมในมือ ทำอะไรของเขา!
โจวเจ๋อทำซ้ำไปซ้ำมาสองสามรอบ จากนั้นเขาจึงหันมามองไป๋อิงอิงที่แขวนอยู่บนเสาไฟฟ้า แล้วยื่นซือตันมาตรงหน้าเธอ
“งือ…” ไป๋อิงอิงตกตะลึง จากนั้นโจวเจ๋อก็เอาซือตันมาจ่อปากของตัวเองอีกครั้ง เอ่อ…แต่เขาก็ยังไม่กินแล้วเอามาจ่อปากของไป๋อิงอิงอีกครั้ง
“เถ้าแก่…ท่าน…จะให้ข้า…กิน…ไหม…”
โจวเจ๋อดึงซือตันกลับมาอีก ดูเหมือนเขาจะมึนงงและสงสัยมาก กระทั่งโกรธความรู้สึกสับสนและต่อต้านของตัวเอง จากนั้นโจวเจ๋อได้นำซือตันมาจ่อปากของไป๋อิงอิงอีก
“ให้ข้า…จริงๆ เหรอเจ้าคะ…” ไป๋อิงอิงลองถาม
“โฮก!” โจวเจ๋อยื่นมือจับปากของไป๋อิงอิงอย่างรวดเร็ว แล้วยัดซือตันเข้าไปโดยตรง หลังจากยัดเข้าไปแล้วจึงดันคางของไป๋อิงอิงให้เชิดขึ้นเพื่อให้เธอกลืนลงไป
“ฮือๆๆๆ…งือๆๆๆ…” ความสุขที่มาเยือนกะทันหันเป็นเรื่องรอง ถึงแม้ซือตันจะเป็นของตัวเธอเอง แต่การยัดกลับไปด้วยวิธีที่หยาบคายเช่นนี้ ทำให้ไป๋อิงอิงที่ห้อยอยู่บนเสาไฟฟ้าต้องตาเหลือก ถูกความสุขที่มาเยือนอย่างกะทันหันนี้ทำให้สำลัก เธอลำสักจนเกร็งขาทั้งสองข้างโดยไม่รู้ตัว พยายามดิ้นรนดีดดิ้นไปมาไม่หยุด
จากนั้นโจวเจ๋อจึงอ้าปากของตัวเองโชว์เขี้ยวออกมา แล้วคำรามใส่ไป๋อิงอิงอย่างไม่พอใจ
“…” อิงอิง
“เถ้าแก่…อยากให้…ข้าคายออกมา…ให้ท่านไหม”
โจวเจ๋อได้ยินประโยคนี้แล้วเหมือนจะโกรธหนักกว่าเดิม เขาหมุนตัวจับชายชราตัวเละตุ้มเป๊ะที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา มองซ้ายมองขวา แล้วก็
‘พลั่ก!’
‘พลั่ก!’
‘พลั่ก!’
‘พลั่ก!’
จับขึ้นมาแล้วตบตีอย่างโหดเหี้ยม…
…………………………………………………………………..